การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่จำเป็นในระบบการนำองค์กร เป็นการมุ่งสู่สิ่งที่ดีกว่า เพื่อที่เราจะได้นำผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเพื่อบุคลากรและผู้ป่วย
การบริหารการเปลี่ยนแปลง
Overcoming Résistance to Change
พันเอก มารวย ส่งทานินทร์
[email protected]
27 มกราคม 2558
บทความเรื่อง การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Overcoming Résistance to Change) นำมาจากสรุปการบรรยายของ Quint Studer, BA., MS., ผู้ก่อตั้ง Studer Group เป็นตอนที่ 2 จากทั้งหมด 6 ตอน ของชุด Leadership Series
ผู้ที่สนใจเอกสารแบบ PowerPoint (PDF file) สามารถ Download ได้ที่ http://www.slideshare.net/maruay/leadership-series-2-of-6-overcoming-resistance-to-change
สิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- เรามีชีวิตและทำงานอยู่ในห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่รวดเร็วทั้งจากภายในและภายนอก
- ในการปรับปรุงพัฒนางานด้านกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- ทำให้บุคลากรสายแพทย์ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับวิธีการใหม่ ๆ ในการให้บริการกับผู้ป่วย
การเป็นผู้นำในด้านการให้บริการทางสุขภาพเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก
- บุคลากรส่วนมากไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องปกติในองค์กร ดังนั้น หน้าที่ของผู้นำคือ การช่วยบุคลากรให้สามารถปรับตัวต่อสภาวการณ์ที่ยากลำบาก ("unsettled" feeling ) เหล่านั้น
- ในขั้นแรก ผู้นำควรทำความเข้าใจเรื่องความสามารถในการปรับตัว ให้เข้ากับการดำรงชีวิต หรือการทำงานของบุคคลที่มี 4 ขั้นตอน
ระยะของการเปลี่ยนแปลง
-
ระยะแรก ไม่รู้เรื่องและไม่ชำนาญ Phase one: Unconsciously unskilled (incompetent) – เนื่องจากยังใหม่ต่อหน้าที่หรือกระบวนการ
-
ระยะที่สอง รู้เรื่องแต่ยังไม่ชำนาญ Phase two: Consciously unskilled (incompetent) – เริ่มเข้าใจว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะทำได้สำเร็จ
-
ระยะที่สาม รู้เรื่องและชำนาญแต่ยังไม่แน่ใจ Phase three: Consciously skilled (competent) – ปฏิบัติเป็นแต่ต้องคอยตรวจสอบเป็นระยะ
-
ระยะที่สี่ รู้เรื่องและทำได้ชำนาญจนเป็นปกติวิสัย Phase four: Unconsciously skilled (competent) – ทำเป็นกิจวัตร
หน้าที่ของผู้นำที่มีต่อบุคลากร
- เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการปรับตัวทั้งผู้นำและบุคลากร
- ผู้นำจึงมีหน้าที่ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง
- ความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้นำ คือ นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่องค์กรเป็นระยะ ๆ
การเอาชนะต่อแรงต้านการเปลี่ยนแปลง
- การเปลี่ยนแปลงอาจนำไปสู่ความไม่สะดวกในระยะแรกของการปรับตัว
- เช่น การที่จะให้แพทย์ที่มีผลงานดี เปลี่ยนวิธีจากการจดบันทึกผลการรักษา มาเป็นใช้วิธีบันทึกการแพทย์แบบอิเล็คโทรนิค (electronic medical records) อาจจะได้รับปฏิกิริยาตอบสนองในทางปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะแพทย์ต่อต้าน แต่เป็นเพราะเขายังไม่เห็นประโยชน์ และคุณขอให้เขาเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เขาทำได้ดีอยู่แล้วนั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงนำมาสู่สิ่งที่ดีกว่า
- เมื่อดูจากระยะการเปลี่ยนผ่าน 4 ขั้นตอน จะเห็นได้ว่าคุณกำลังขอร้องให้แพทย์เปลี่ยนจากสิ่งที่เขาทำเป็นกิจวัตร มาเป็นสิ่งใหม่ที่เขายังไม่รู้เรื่องและยังไม่ชำนาญ
- วิธีลดความวิตกกังวลคือ ให้อธิบายว่า ผลลัพธ์ของการปรับเปลี่ยนนั้นจะดีกว่าเดิมอย่างไร
- ซึ่งเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใด บุคลากรจึงจะยินยอมปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยเวลา
- โปรดระลึกไว้ว่า ต้องทำบ่อย ๆ เป็นนิจศีลจึงจะบังเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
- การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา หกเดือนแรกเป็นช่วงที่ลำบากที่สุด เพราะมีแรงต้านมาก หกเดือนถัดมาจึงจะค่อยทุเลาขึ้นแต่ยังมีแรงต้านบ้าง
- เมื่อผ่านไปถึงปีที่สอง ทุกคนจะไม่รู้สึกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่นี่คือวิถีที่เราปฏิบัติ
สรุป
-
การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่จำเป็นในระบบการนำองค์กร เป็นการมุ่งสู่สิ่งที่ดีกว่า เพื่อที่เราจะได้นำผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเพื่อบุคลากรและผู้ป่วย
***********************