beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

ครอบครัวตึ๋งหนืด <๔๐> บริหารบัตรเครดิตอย่างเซียน (ให้เงินทำงานแทนเรา)


ทำการย้ายที่อยู่ของเงินโดยการบริหารบัตรเครดิตตามโปรโมชั่นของบัตร จำนวน ห้าหมื่นบาทได้เงินเพิ่มในการเป๋าเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท

บันทึกนี้เป็นเรื่องราวของการบริหารการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต Duo Firstchoice ครับ เป็นการคิดและปฏิบัติลึก 3 ชั้นครับ จากโปรโมชั่นของบัตร มีเวลาให้ทดลองวิชา 4 เดือน ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน, ธันวาคม, มกราคม และกุมภาพันธ์

ผ่านไป ๒ เดือน แล้ว นำผลปฏิบัติมาบันทึกไว้ เผื่อจะได้เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค เป็นประสบการณ์จากการปฏิบัติ เป็น Active learning และเกิด Mastery learning แบบที่คนคิดโปรโมชั่นคาดคิดไม่ถึง และหากมีคนอย่างผมถึง ๒๐% ของผู้ถือบัตร บริษัทบัตรเครดิตจำต้องปิดกิจการไป...

ผู้ที่จะอ่านบันทึกนี้เข้าใจ ต้องไปอ่านบันทึก ครอบครัวตึ๋งหนืด <๓๕> ครอบครัวตึ๋งหนืด <๓๖> ครอบครัวตึ๋งหนืด <๓๘> มาก่อนนะครับ

ตัดตอนมาที่ บัตรเครดิต Duo Firstchoice ของผม

  • มีรอบบัญชีปกติ 26 พฤศจิกายน ถึง 25 ธันวาคม 57 ค่าใช้จ่ายในรอบนี้ จะมีกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 14 มกราคม 2558
  • รอบโปรโมชั่น ECB2 ถ้าใช้จ่าย 1-31 ธันวาคม 2557 ครบ 70,715 บาท จะได้เงินคืนตามขั้น 750+1500+750 บาท รวมเป็นเงินสูงสุด 3,000 บาท

ทีนี้ถ้าผมมียอดใช้จ่าย 1-25 ธันวาคม 2557 คิดตัวเลขกลมๆ 20,000 บาท และ ช่วงวันที่ 26-31 ธันวาคม 2557 ผมรูดบัตรเครดิตอีก 50,000 บาท ยอดใช้จ่ายในเดือนธันวาคม 70,000 บาท

  • ยอด 20,000 บาท แรก ผมถูกเรียกเก็บวันที่ 26 ธันวาคม 2557 และผมจะชำระเต็มจำนวนวันที่ 14 มกราคม 2557
  • ส่วนยอด 50,000 บาท สอง ผมจะถูกเรียกเก็บวันที่ 26 มกราคม 2558 และผมจะชำระเต็มจำนวนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558

แต่ในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๘ (ตอนเช้าๆ ) จะมี SMS เข้ามาแจ้งว่าผมได้รับเครดิตเงินคืน 750+1500+700 บาท เท่ากับ 2,750 บาท ซึ่งจะเครดิตคืนเงินให้ผมใน 7 วันทำการ (คือราว 10 วันปฏิทิน) แต่ในทางปฏิบัติ ผมมีวงเงินใช้จ่ายเพิ่มทันที 2,750 บาท หลังจากได้ SMS ซึ่งผมไปรูดซื้อสินค้าได้ทันที โดยไปเติมน้ำมันขณะที่วงเงินเหลือ 700 บาท แต่ผมสามารถเติมน้ำมันในราคา 900 บาท และซื้อของอื่นๆ ได้อีก แสดงว่ายอดเงินในบัญชีบัตรเครดิต Active แล้ว (คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ แต่ผมทราบจากการปฏิบัติ)

คิดแบบนี้ธรรมดาเกินไป คิดได้แค่ 2 ชั้น (ซึ่งนับว่ายอดแล้ว)

  • ยอด 50,000 บาท ซึ่งใช้เมื่อ 26 ธันวาคม 2557 ผมเอาไปใช้หนี้เงินกู้บริษัทประกันชีวิต ซึ่งผมกู้เงินมา 50,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี ผมชำระเงินต้นด้วยบัตรเครดิต และชำระดอกเบี้ยด้วยเงินสด (จะเป็นกี่บาทก็ช่าง) แต่เมื่อผมรูดบัตรเครดิตชำระเงินต้น จะมีค่าธรรมเนียมรูดบัตร 1.5 เปอร์เซ็นต์ และคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7 เปอร์เซนต์ (ของ 1.5 เปอร์เซ็นต์) ชำระเป็นเงินสดประมาณ 750+52.5 บาท เป็นเงิน 802.50 บาท-1
  • เงิน 50,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย 50 วัน บัตรเครดิตจ่ายให้ คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ประมาณ 411 บาท-2
  • เงิน 50,000 บาท ที่รูดไป ได้เงินคืนกลับเข้าบัตรเครดิต ในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นเงิน 300+1500+700 คิดเป็นเงิน 2,500 บาท-3
  • เอา 3+2-1 เท่ากับ 2,500+411-802.50 = 2,108.50 บาท

สรุปว่า หากเราอยู่เฉยๆ ก็จะเสียดอกเบี้ยเงินกู้ไปตามปกติ แต่เมื่อเราโยกเงิน (ให้เงินทำหน้าที่แทนเรา) โดยการบริหารบัตรเครดิต เราจะได้เงินเพิ่มในกระเป๋าไป-กลับ เป็นเงิน ๒,๑๐๘ บาท ถ้าเอาไปรูดเติมน้ำมันรถ ก็ได้น้ำมันใช้ฟรีประมาณ ๗๗ ลิตร วิ่งรถได้ไกลถึง ๑,๑๕๕ กิโลเมตร (รถ KIA-Eco.Car)

ตามสูตรครอบครัวตึ๋งหนืดบอกไว้ว่า "ประหยัดเงินได้ ๑ บาท ดีกว่าหาเงินเพิ่ม ๑๐๐ บาท ดังนั้นประหยัดเงินได้ ๒,๐๐๐ บาท ดีกว่าไปหาเงินเพิ่ม ๒ แสนบาท"

น่าสงสัยไหมว่าทำไมตึ๋งหนืดจึงกล่าวแบบนี้?


หมายเลขบันทึก: 583611เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2015 18:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มกราคม 2015 22:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท