เล่าเรื่องระหว่างวันที่ 24- 28 พฤศจิกายน 2557


1 ธันวาคม 2557

เรียน. เพื่อนครู ผู้บริหารและผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 เช้าเดินทางไปเปิดประชุมและบรรยายพิเศษที่โรงเรียนวัดกล้าชอุ่ม อยู่ในเขตอำเภอคลองหลวง ต้องวิ่งตามคลองสองไปทางทิศใต้ เคยมาหลายครั้ง ห้องประชุมเป็นใต้ถุนโล่งอาคารเรียนที่เปิดต่อเนื่องไปบรรจบกับอาคารอีกหลังหนึ่ง ครูนั่งกันเต็มยาวไปข้างหลังจนกังวลว่าจะได้ยินเสียงจากเวทีหรือเปล่า. วันนี้เป็นการประชุมครูในกลุ่มเครือข่ายที่ 6 มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูปทุมธานี สนับสนุนค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่ง ผมเปิดแล้วก็พูดคุยกับครูถึงการมำงานในหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ ใช้เวลาประมาณ40 นาที เดินทางกลับมาแวะกินผัดไท หอยอด ใต้สะพานปทุมธานี ฝั่งขวาแม่น้ำเจ้าพระยา

บ่ายกลับเขตขึ้นไปเป็นประธานการประชุมจัดอัตรากำลังข้าราชการในเขตตามมาตรา 38 ค(2). โดยยีดหลักจัดในกลุ่มที่ขาดอัตรากำลังก่อนที่เหลือจึงจัดตามความจำเป็นเฉพาะ

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ถึงสำนักงานแต่เช้าเพราะได้นิมนต์พระมาทำพิธีเบิกเนตรหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ที่เช่าบูชามาประจำสำนักงาน.เป็นเจ้าคณะอำเภอลาดหลุมแก้ว จากว้ดบัวแก้วเกษร พิธีเช้าจึงมีเฉพาะพวกเราที่ถูกวางตัวให้รับผิดชอบด้านต่าง ๆ เริ่มจาก ถวายภัตตาหารเช้าที่ห้องสโมสร เป็นข้าวต้มและของขบฉันอ่อนๆ จากนั้นไปทำพิธีที่ด้านหน้าห้อง ผอ.เขต ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานชั่วคราวหลวงปู่ทวด พิธีเริ่มขึ้นประมาณ 7 นาฬิกา หลังรับศีลแล้วก็อราธนาพระปริต พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เต็มคำภีร์ จนได้เวลาประธานสงฆ์ได้ทำพิธีเบิกเนตรหลวงปู่ทวด พวกเราร่วมปิดทอง. พิธีแล้วเสร็จประมาณ 8 นาฬิกา.

จากนั้นเดินทางไปเป็นประธานในพิธีถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ของคณะลูกเสือจังหวัดปทุมธานี ที่หอประชุมโรงเรียนปทุมวิไล. คณะลูกเสือและผู้บังคับบัญชาลูกเสือมากันตามความจำเป็น ไม่คึกคักเหมือนอดีต อาจเป็นเพราะการประสานงานไม่ดี เราขาดบุคลากรระดับเขตที่เอาใจใส่เรื่องลูกเสืออย่างจริงจัง ที่ทำอยู่ด้วยภาระแบบจำใจ ต้องทำ

บ่ายประชุมผู้บริหารโรงเรียนที่ห้องประชุมใหญ่ ชั้น3 ผมนั่งบนเวทีรู้สึกว่าอากาศไม่เพียงพอ เพราะเครื่องปรับอากาศไม่เย็น. ให้กลุ่มงานนำเสนอไปจนจบ การประชุมในห้องของเราเองสบายกว่าโรงแรมตรงที่ไม่ต้องรีบร้อนเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย. แต่ไม่สะดวกเพราะเราไม่มีพนักงานบริการเหมือนโรงแรม เย็นขับรถกลับที่พักแบบคนป่วยโคลงเครงไปหมด

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 เช้าเดินทางไปโรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ. ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อประชุมเรื่อง การค้ดเลือกครูเพื่อรับรางวัลเจ้าฟ้ามหาจักรี เป็นการประชุมประธานกรรมการ.เลขานุการระดับจังหวัด และประชาสัมพันธ์จังหวัด ภาคเช้ามีรองเลขาธิการ กพฐ. ดร.รังสรรค์ มณีเล็ก มาเป็นประธานเปิด จากนั้นกรรมการมูลนิธิสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีก็ขึ้นสลับกันบรรยายจน 10 นาฬิกา ได้แบ่งกลุ่มไปเล่าความก้าวหน้าให้ฟัง ผมอยู่กลุ่มที่ 9 พักเที่ยง เลยไปหาหมอที่วชิระคลินิค. ซอยจรัญ 75 เพราะระบบสมองการควบคุมไม่ปกติ หมอให้ยามาทานบอกว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลไปถึงระดับน้ำในหูไม่สมดุล.นับเป็นโรคทันสมัยในปัจจุบัน กลับสำนักงานเขตทำงานเอกสารต่างๆ จนเลิกงาน.

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2557 ถึงสำนักงานเช้าเดินทางต่อไปยังเมืองทองธานี เพื่อร่วมงานวิชาการ TELS Thailand 2014. ตามคำเชิญของบริษัทอักษรเจริญทัศน์ ซึ่งร่วมมือกับสพฐ. และหน่วยงานเอกชนอีกหลายแห่งจัดขึ้น เป็นการสัมมนาทิศทางหลักสูตรของไทยในอนาคต ได้เชิญน้กวิชาการทั้งในและต่างประเทศมาบรรยายแบบซิมโพเซี่ยม ฝ่ายจัดของ. อจท. ให้การต้อนรับดีมาก ผมนั่งแถวหน้าฟังดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการ กพฐ. บรรยายประมาณ 40 นาที ต่อด้วยนักวิชาการจากประเทศอังกฤษ อีก 40 นาที เมื่อเขาพักต้องรีบเดินทางกลับสำนักงานเขต เพราะเวลา 13.30น. มีประชุม อ.ก.ค.ศ. เขต ที่มีองค์ประชุมเพียง 8 คน เพราะอนุกรรมการ 2 ท่าน อายุเกิน 70 ปีบริบูรณ์ จึงขาดคุณสมบัติและพ้นตำแหน่งโดยปริยาย การประชุมมีเรื่องพิจารณาหลายเรื่อง เช่น การจัดกรอบอัตรากำลังในเขต. การอนุมัติผลประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ และการพิจารณาอุทธรณ์

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน. 2558 วันนี้มีภารกิจที่ค้างคาในเรื่องการเตรียมงานแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติ มีทีมงานไปช่วยจัดทำที่สมุทรสงครามตั้งแต่วันอาทิตย์ ตั้งใจจะไปดูแต่ก็ไม่มีเวลา วันนี้จึงต้องไปดูกันหน่อย บ่ายกลับมาช่วยทีมงานดูกฎหมายการศึกษาที่เขาคืดจะปฏิรูปกันที่โรงแรมเอสดีอเวนิว. ยิ่งดูยิ่งปวดหัวเพราะคนจะแก้แต่ที่ตัวเองได้ประโยชน์ซึ่งหน้า. ไม่ได้ดูกฎหมายอย่างเป็นระบบ. เรากำลังถูกทำให้ยอมรับว่าการศึกษาคือจำเลยของสังคมในทุกเรื่อง. อะไรล้มเหลว ไม่ดีก็โยนบาปมาที่การศึกษา คนการศึกษาส่วนหนึ่งก็ออกไปยอมรับและหันกลับมาซ้ำเติมการศึกษา. ในความเห็นของผมการศึกษาคือความจำเป็นพื้นฐานเหมือนอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค. เป็นเรื่องกลาง ๆ ที่คนในสังคมต้องบริโภค เหมือนคนกินข้าวอิ่มมีแรงแลัวไปตีไปฟันกันจะมาบอกว่าเพราะข้าวเป็นสาเหตุเพราะไปช่วยให้คนมีแรงตีกันย่อมไม่ถูกต้อง. การศึกษาไม่ใช่ยาแก้จน ไม่ใช่ยาแก้โจร. มันมีปัจจัยอื่นผลักดันให้เกิดพฤติกรรมเหล่านั้นขึ้น. ซึ่งย่อมไม่ใช่การศึกษา. ความหิว. ความขาดแคลน ความโลภ ฯลฯ ต่างหากที่มีอิทธิพลในการทำให้เกิดแรงขับ. แต่เมื่อเรามาจับการศึกษาเป็นจำเลย ก็เหมือนตำรวจจับแพะ ฆาตกรตัวจริงก็ลอยนวล. ก็คิดไปตามประสาคนสูงวัยเพราะที่ผ่านมาเราอาจได้คำตอบที่ถูกของคำถามที่ผิดก็ได้

นายกำจัด คงหนู

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1

หมายเลขบันทึก: 581636เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2014 06:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 ธันวาคม 2014 21:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท