องค์ความรู้ที่ได้ศึกษามาล่วงหน้า
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ (Knowledge Management Process) แบ่งเป็น 7 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การบ่งชี้ความรู้
หน่วยงานต้องสำรวจความรู้ที่บุคลากรจำเป็นต้องใช้เพื่อให้การทำงานบรรลุเป้าหมาย
โดยสำรวจว่าต้องการความรู้อะไรบ้าง และความรู้ที่มีอยู่เพียงพอหรือไม่
ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและแสวงหาความรู้
ถ้าเห็นว่าความรู้ที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ก็ต้องแสวงหาเพิ่มเติมให้ได้ความรู้ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด
ขั้นตอนที่ 3 การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ
เมื่อได้ความรู้มาเพียงพอแล้วก็นำมาจัดหมวดหมู่ให้ชัดเจน และจัดเก็บไว้ในรูปแบบต่างๆ
ทั้ง เอกสาร หนังสือ เทป วีซีดี เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 4 การประมวลและกลั่นกรองความรู้
ต้องนำความรู้ที่จัดเก็บเป็นหมวดหมู่ไว้แล้วมาทบทวน กลั่นกรอง ให้มีความทันสมัย
ขั้นตอนที่ 5 การเข้าถึงความรู้
ต้องมีการจัดช่องทางเผยแพร่ความรู้ทางช่องทางต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้บุคลากรสามารถเข้าถึง
ความรู้ได้สะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง
ขั้นตอนที่ 6 การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้
จัดกิจกรรมให้บุคลากรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่น กิจกรรมชุมชนนักปฏิบัติ
( Community of Practice การสอนงาน ( Coaching ) และระบบพี่เลี้ยง
(Mentoring) เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 7 การเรียนรู้
กำหนดให้บุคลากรในองค์กรต้องใช้ KM เข้ามาช่วยในการทำงานเพื่อผลงานที่มีประสิทธิภาพ
โดยอาจจะกำหนดเป็นนโยบาย จากผู้บริหารขององค์กรก็ได้
วิธีการทำ KM ในงาน
ขั้นตอนแรก กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่าสิ่งที่องค์กรต้องการจากการจัดการความรู้ คืออะไร เรียกว่า กำหนดเป้าหมาย ซึ่งการกำหนดเป้าหมายอาจจะพิจารณาจากยุทธศาสตร์ขององค์กรหรือจากปัญหาของ องค์กรก็ได้
ขั้นตอนที่ 2 เมื่อได้เป้าหมายแล้วก็ต้องวางแผนและจัดกิจกรรมที่จะสนับสนุนในการจัดการความรู้
ดังนี้
•
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทำให้คนในองค์กรอยากเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ
ความรู้ จนทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนแบ่งปันและการเรียนรู้
•
การสื่อสารทำให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจว่า
ทำอะไร เพื่ออะไร ทำเมื่อไร และทำอย่างไร โดยสื่อสารอย่างต่อเนื่องจนการแลกเปลี่ยนความรู้และการเรียนกลายเป็นวัฒนธรรม
•
กระบวนการและเครื่องมือเป็นแกนหลักของการจัดการความรู้ทั้งหมด
•
การให้ความรู้เรื่องการจัดการความรู้ให้กับคนในองค์กรไม่ว่าจะฝึกอบรม
เอกสาร หรือไฮเทค
อย่างไรก็ได้ตามความเหมาะสมขององค์กร
ที่สำคัญคือพยายามสอดแทรกความรู้ด้านการจัดการความรู้เข้าไปบ่อย ๆ
•
การวัดผล การดำเนินการตามแผน
ผลผลิตที่ได้และผลิตภัณฑ์จากการจัดการความรู้ ในช่วงแรกของการดำเนินการอาจจะวัดเพียงความก้าวหน้าตามกิจกรรมต่าง
ๆ ที่กำหนดในแผน
•
การยกย่องชมเชยและให้รางวัล
เป็นการจูงใจให้คนในองค์การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สนใจที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กันมากขึ้น
ขั้นตอนที่ 3 จัดทำ KM Process
องค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนวันนี้
วิธีการจัดการการเรียนรู้ในองค์กร
1. ระบุให้ชัดเจนว่าจะทำ KM เรื่องอะไร เช่น เทคนิคการสอน การจัดการนักเรียน การบริหารวิชาการ การบริหารการเงิน การจัดการชั้นเรียน แล้วพิจารณาว่าบุคลากรท่านใดโดดเด่นในด้านใดบ้าง
2. สร้างและแสวงหาความรู้ จาก Knowledge Mapping
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
3. จัดความรู้ให้เป็นระบบ ได้แก่
จัดทำสารบัญ จัดหมวดหมู่แยกประเภท ซึ่งจะทำให้สะดวก รวดเร็ว ในการค้นหา
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
4. ประมวลและกลั่นกรองความรู้
ว่าความรู้ที่ได้มาถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องปรับแก้ไข
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
5. การเข้าถึงความรู้ มี 2 ลักษณะ ได้แก่
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
1. การป้อนความรู้ คือ
ไม่ต้องร้องขอ เรียกว่า
Supply Based เช่น หนังสือเรียน
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
2. การให้โอกาสการใช้ความรู้
ผู้ใช้สามารถเลือกใช้เฉพาะข้อมูล / ความรู้ ที่ต้องการเท่านั้น
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
เรียกว่า Demand Based
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่นจัดทำเอกสาร
จัดทำฐานข้อมูล และจัดทำสมุดหน้าเหลือง
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เข้าถึงความรู้
เพื่อที่จะได้เข้าถึงความรู้ได้โดยง่าย สะดวก และรวดเร็ว เช่น
Weblog ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ดีกับ Explicit Knowledge
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
7. การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับทิศทางหรือค่านิยมขององค์กร
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt;text-indent:36.0pt">
วัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนรู้
คือเพื่อให้บุคคลได้เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งหัวใจของการจัดการความรู้
คือ
Tacit
Knowledge
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
Story Telling
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
คือวิธีการแชร์ความรู้ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
เป็นการเล่าแบบไม่เป็นทางการ
เล่าถึงสิ่งที่ตนเองภาคภูมิใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในองค์กร
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt;text-indent:36.0pt">
ขั้นตอนในการถ่ายทอดความรู้โดย Story
Telling
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
1. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
2. จำแนกกลุ่มย่อย
ทุกคนคือผู้ปฏิบัติงาน
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
3. เล่าประสบการณ์ที่ไม่ปรุงแต่ง
ผู้ฟังควรฟังอย่างตั้งใจ ถามอย่างสร้างสรรค์ ไม่ควรถามขณะที่ผู้เล่าเล่ายังไม่จบ
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
4. ประธานพูดสรุปเป็นระยะๆ
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
หัวใจ คือ
ผู้เล่าต้องพยายามจับประเด็น สิ่งที่ตนได้ทำสำเร็จ สิ่งที่เป็น
Tacit
Knowledge
แปลงออกมาเป็น Explicit Knowledgeให้คนอื่นได้ฟัง
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt;text-indent:36.0pt">
ข้อควรคำนึง
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
1. เรื่องต้องเป็นแบบ panacea
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
2. ไม่ปรุงแต่งหรือเสริมจินตนาการ
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
3. เป็นอายุที่ไม่นานเกินไป
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
4. เป็นเรื่องเชิงบวก ที่ เป็น best
practice
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
5. ผู้ฟังต้องตั้งใจฟัง
อย่าถามบ่อย
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
6. สร้างบรรยากาศที่เป็นกัลป์ญาณมิตร
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
บรรยากาศในชั้นเรียน
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
วันนี้บรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง
ผู้สอนกับผู้เรียนก็ไม่มีมากนัก
ในขณะที่ผู้สอนพยายามกระตุ้นให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น แต่นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็น
ก็มีแค่บางคนได้แสดงความคิดเห็น คนอื่นๆก็ได้พยายามฟังและจับประเด็นที่สำคัญ
โดยภาพรวมก็ยังไม่ถึงกับดีมาก
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
การนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กร
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt;tab-stops:right 451.3pt">
จะนำวิธีการจัดการความรู้ไปใช้ในโรงเรียน
ตามขั้นตอน เริ่มต้นที่ได้สำรวจความรู้ที่จะจัดการแล้ว คือจะจัดการเรื่องเทคนิคการสอน
เพราะมีบุคลากรในโรงเรียนที่มีเทคนิคในการฝึกซ้อมนักเรียนที่เป็นเด็กพิเศษเล่านิทานคุณธรรม
เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในงานทักษะวิชาการ
และอีกท่านหนึ่งที่มีเทคนิคในการสอนเด็กพิเศษเรียนรวมให้สามารถอ่านหนังสือออก
เขียนหนังสือได้ตามความสารถของเด็กพิเศษ
</p>
<p style="margin-bottom:0cm;margin-bottom:.0001pt">
</p>
ไม่มีความเห็น