การยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ความสำคัญ
คุรุสภาในฐานะที่เป็นองค์กรวิชาชีพครูมีนโยบายในการที่จะส่งเสริมสนับสนุนและยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครูให้อาชีพครูเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป เพราะอาชีพครูเป็นอาชีพที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเยาวชนของชาติ คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาพิจารณาเห็นว่าการพิจารณาให้รางวัลคุรุสภาแก่ครู ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันที่มีประวัติและผลการทำงานดีเด่นในทุกๆด้าน ทั้งในด้านความประพฤติ การปฏิบัติงานตามอุดมการณ์และหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมจะทำให้ครูผู้ได้รับรางวัลเกิดความภาคภูมิใจ รู้สึกเป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรี เป็นขวัญกำลังใจในการที่จะทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติต่อไป ดังนั้นคุรุสภาจึงได้จัดให้มีการมอบรางวัลคุรุสภาแก่ครูที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นครูผู้ปฏิบัติงานที่มีผลงานดีเด่น ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นมา (สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ๒๕๓๘ :๗๕)
ต่อมาคณะกรรมการคุรุสภา ได้ให้ความสำคัญต่อการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยได้ดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพ ตั้งแต่เริ่มประกอบวิชาชีพเป็นครูผู้ปฏิบัติการสอน ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์ ไปจนถึงผู้ประกอบอาชีพที่ถึงแก่กรรม โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ร่วมพิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอเชิงนโยบายการยกย่องเชิดชูครูผู้มีผลงานดีเด่นของสำนักงานปฏิรูปวิชาชีพครู สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ๒๕๔๓ : ๔) ทั้งนี้เน้นการยกย่องในรูปของ “เงินและงาน” เพื่อนำไปพัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาเพื่อนครูต่อไป และให้สร้างกลไกเชื่อมโยงการยกย่องให้รางวัลครูของหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆให้ต่อเนื่องเป็นบันไดวิชาชีพครู เพื่อให้การยกย่องครูผู้มีผลงานดีเด่นเป็นระบบและมีเครือข่ายในการนกย่องให้รางวัลครูที่มีการประสานงานและส่งเสริมสนับสนุนการทำงานร่วมกัน
ความหมาย
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้ความหมายคำว่า “ยกย่อง” หมายถึง เชิดชู และ “เชิดชู” หมายถึง ยกย่อง, ชมเชย
พื้นฐานแนวคิดของคำ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,๒๕๔๒)ได้จัดให้มีโครงการพัฒนานโยบายเรื่องการยกย่องครูผู้มีผลงานดีเด่นทั้งของไทยและต่างประเทศ ผลการศึกษาสรุปได้ว่า
๑ .แนวคิดในการยกย่องให้รางวัลครูและบุคคลในสาขาวิชาชีพอื่นๆ ผู้มีผลงานดีเด่นและผู้ที่กระทำความดีที่สร้างสมมาในอดีต มีสองแนวคิดหลักคือ ๑.๑ ประกาศยกย่องครูให้รางวัลแก่บุคคลหรือหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นและได้กระทำความดีให้เป็นที่ประจักษ์ แก่บุคคลทั่วไป เพื่อเป็นกำลังใจให้ปฏิบัติงานต่อไป ซึ่งแนวคิดนี้เป็นที่นิยมปฏิบัติมาช้านานแล้วทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะสาขาวิชาชีพครู
๑.๒ ประกาศยกย่องให้รางวัลแก่บุคคลหรือหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นและได้กระทำความดีให้เป็นที่ประจักษ์แก่ บุคคลทั่วไป และให้การสนับสนุนทางด้าน "เงินและงาน" เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลหรือหน่วยงานนั้นได้ทำ ประโยชน์ให้แก่วิชาชีพ สังคม และประเทศชาติมากขึ้น ดังตัวอย่างของแนวคิดในเรื่องนี้คือ
๑) ให้รางวัลและยกย่องครูผู้มีความ เป็นเลิศทางการสอนระดับชาติของประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์
๒)ให้รางวัลและยกย่องครูผู้มีความเป็นเลิศของประเทศฮ่องกง
๓)ให้รางวัลและยกย่องครูแห่งชาติและครูต้นแบบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
๒. รูปแบบและวิธีการยกย่องให้รางวัลครูของต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างมีระบบ และปฏิบัติอย่างจริงจัง เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้กำหนดวิธีการปฏิบัติไว้ในมาตรา ๓๓ หมวด ๗ ในกฎหมายครู ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ESCAP ดำเนินการโดยมูลนิธิหรือหน่วยงานอิสระ เนื่องจากนานาประเทศให้ความสำคัญต่อการยกย่องให้ รางวัลครูผู้มีผลงานดีเด่น เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป อีกทั้งเป็นการจูงใจให้คนดี คนเก่งมาประกอบวิชาชีพครู ซึ่งมี ผลกระทบต่อคุณภาพของการศึกษา คุณภาพของเยาวชน และยังส่งผลต่อการพัฒนาประเทศและสังคมโดยส่วนรวมอีกด้วย
๓.
รูปแบบและวิธีการยกย่องให้รางวัลครู และวงการวิชาชีพอื่น
ของประเทศไทยมีวิวัฒนาการชัดเจนสอดคล้องกัน
คือจะมี
หน่วยงานดูแลรับผิดชอบ เช่น คุรุสภา มูลนิธิ สมาคม และ
องค์กรต่างๆ
สรรหาบุคคลผู้มีผลงานดีเด่น มีความดี มีความ
เสียสละ
ในแต่ละอาชีพ และประกาศเกียรติคุณให้สังคมได้
ประจักษ์อันก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและมีกำลังใจที่จะปฏิบัติ
งาน
และทำความดี ต่อไป ในระยะหลังได้เริ่มมีการยกย่องให้
รางวัลในด้านของ "เงินและงาน" เพื่อให้เกิดการสร้างผลงานที่
ดีต่อไป
เป็นการสร้างคนรุ่นใหม่ในทุกสาขาวิชาชีพให้มีความ
มั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้น
องค์ประกอบ/ประเภทของคำ
ในที่นี้มีคำที่เกี่ยวข้อง คือ คำว่ายกย่อง
และเชิดชูเกียรติ
ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมการยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาดังต่อไปนี้
คือ การจัดงานวันครู
การประกาศเกียรติคุณครูอาวุโส
การประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษารับรางวัลคุรุสภา
การประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษารับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ
“คุรุสดุดี”
การประกาศเกียรติคุณครูภาษาไทยดีเด่น
การจัดพิมพ์หนังสือประวัติครู
การคัดสรรผลงานนวัตกรรมต้นแบบ
“หนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรม”
และการคัดสรรผลงานการวิจัยในชั้นเรียน
เป็นต้น
การประยุกต์ใช้
เป็นหน้าที่ของครูทุกคนที่จะต้องช่วยกันการยกย่องเทิดทูนวิชาชีพของตน เราจะต้องทำให้สังคมตระหนักในความสำคัญของวิชาชีพนี้ ถึงแม้สถานะทางเศรษฐกิจสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างไร จุดหมายของครูเราทุกคนและคุรุสภาในสถานะสถาบันที่เป็นที่รวมผู้ประกอบวิชาชีพนี้จะหาหนทางให้เกียรติคุณวิชาชีพครูกลับไปสู่ฐานะ
แห่งปูชนียบุคคลดังที่เคยเป็นมาตั้งแต่โบราณ(สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ๒๕๔๙ : ๗๑-๗๓)
คุรุสภาได้พยายามอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มแรกของการตั้งคุรุสภามาแล้ว
ในการยกย่องเกียรติคุณวิชาชีพครู
ประกอบกับนับตั้งแต่ได้มีพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ.
๒๕๔๖ คุรุสภามีความประสงค์จะพัฒนา
ยกย่อง
ส่งเสริมผู้ประกอบวิชาชีพให้มีศักยภาพ
ในการประกอบวิชาชีพ และมีความภาคภุมิใจในวิชาชีพ
เพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพและพัฒนา วิชีพทางการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติและระดับสากล
กิจกรรมการยกย่องเชิดชูเกียรติ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ของคุรุสภามีดังนี้
๑.
การจัดงานวันครู
เพื่อเป็นการยกย่องวิชาชีพทางการศึกษาให้สังคมเห็นความสำคัญของวิชาชีพครู
ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่เยาวชนและประเทศชาติ
และระลึกถึงพระคุณครูผู้อบรมส่งเสริมถ่ายทอดความรู้แก่เยาวชนให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
วันครูได้จัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรกในปี
พ.ศ. ๒๕๐๐ หลังจาก พระราชบัญญัติครู พ.ศ. ๒๔๘๘ ประกาศใช้ ๑๒ ปี
สถานที่จัดงานวันครูครั้งแรกของจังหวัดพระนครและธนบุรี
คือ กรีฑาสถานแห่งชาติ
คณะกรรมการคุรุสภาในคราวประชุม เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙
ได้มีมติรับข้อเสนอของคณะอนุกรรมการและให้กระทรวงศึกษาธิการนำเสนอรัฐบาล
เพื่อกำหนดให้วันที่ ๑๖ มกราคม เป็นวันครู
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ให้วันที่
๑๖ มกราคมของทุกปีเป็นวันครู
ทั้งนี้คุรุสภาจะเป็นแกนนำในการจัดงานวันครูพร้อมกันทั่วประเทศทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
โดยส่วนกลางจัด ณ หอประชุมคุรุสภา
ส่วนภูมิภาคมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นแกนนำในการจัดงานวันครู
๒. การประกาศเกียรติคุณครูอาวุโส เป็นการยกย่องผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ปฏิบัติการสอนมาจนมีอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ มีความประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีตามจารีตครู และเป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม เป็นครูที่ทำการสอนมีระยะเวลารวมกันไม่น้อยกว่า ๓๐ ปี ส่วนตำแหน่งอื่นต้องเป็นครูที่ทำการสอนในสถานศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี และรวมเวลาเป็นครูไม่น้อยกว่า ๓๐ ปี จะได้รับการยกย่องเป็น “ครูอาวุโส” ตามโครงการประกาศเกียรติคุณครูอาวุโส ซึ่งมีมูลนิธิช่วยครูอาวุโสในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับคุรุสภาเป็นผู้ดำเนินการให้ได้เข้ารับพระราชทานเครื่องหมายเชิดชูเกียรติจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นต้นมา ทั้งนี้ครูอาวุโสจะเข้ารับพระราชทานเครื่องหมายเชิดชูเกียรติประกาศนียบัตรและเงินช่วยเหลือ จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร แทนพระองค์ เป็นประจำทุกปี ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
๓. การประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษารับรางวัลคุรุสภา เป็นการดำเนินการสรรหาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่มีมาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณดีเด่น และสร้างคุณประโยชน์ในด้านการศึกษารับรางวัลคุรุสภา จำนวน ๙ รางวัล ประกอบด้วยรางวัลสำหรับครู ๕ รางวัล ผู้บริหารสถานศึกษา ๒ รางวัล ผู้บริหารการศึกษา ๑ รางวัล และบุคลากรทางการศึกษาอื่น (ศึกษานิเทศก์) ๑ รางวัล คุรุสภาได้เริ่มดำเนินการประกาศเกียรติคุณและให้รางวัลมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณจะได้รับการยกย่อง แสดงผลงานต่อสาธารณชนในงาน วันครู โดยได้รับประกาศเกียรติคุณพร้อมเงินรางวัล จาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ซึ่งการให้รางวัล คุรุสภาแต่ละปีจะเป็นการส่งเสริมให้ครูบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติ เสริมสร้างศรัทธาและความเชื่อถือในวิชาชีพครูให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม เป็นการส่งเสริมขวัญและกำลังใจแก่ผู้ที่เสียสละและบำเพ็ญประโยชน์ต่อการศึกษาและเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาปฏิบัติงานมีผลงานดีเด่น สร้างคุณประโยชน์ในด้านการศึกษา
๔. การประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษารับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” มีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ จนสามารถเป็นแบบอย่างและเป็นที่เคารพยกย่องอย่างสูงของศิษย์และบุคคลทั่วไป สมเป็นปูชนียบุคคล และมีความเสียสละ อุทิศตนเพื่อประโยชน์แก่วิชาชีพตลอดระยะเวลาปฏิบัติงาน ได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ในวันที่ ๕ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจะมอบให้เขตพื้นที่การศึกษาหรือหน่วยงานที่ไม่ได้สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการคัดเลือกผู้สมควรได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” เสนอสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เพื่อเสนอคณะกรรมการคุรุสภาอนุมัติ
๕. การประกาศเกียรติคุณครูภาษาไทยดีเด่น เพื่อเป็นการยกย่องครูภาษาไทยดีเด่นซึ่งเป็นครูผู้ปฏิบัติการสอนครบ ๘ กลุ่มสาระในสถาบันการศึกษาต่างๆทั้งของรัฐและเอกชนที่มีความสามารถสูงในการประกอบอาชีพและปฏิบัติงานดีมีผลงานดีเด่นและสามารถจัดการเรียนการสอนภาษาไทยอย่างมีประสิทธิภาพ คุรุสภาจึงดำเนินการประกาศเกียรติคุณโดยการมอบเข็ม พระนามาภิไธยย่อ สธ. ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมโล่เกียรติคุณ ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ของทุกปี
๖. การจัดพิมพ์หนังสือประวัติครู เป็นการยกย่องเกียรติประวัติของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ถึงแก่กรรมแล้ว ซึ่งประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบแห่งจรรยามารยาทที่ดี ได้ปฏิบัติหน้าที่สร้างคุณประโยชน์ต่อการศึกษาปรากฏเด่นชัดในด้านการสอน หรือการบริหารการศึกษา หรือการวิจัยการศึกษา หรือแต่งตำราแบบเรียน เป็นต้น แต่ผลงานของท่านยังมีประโยชน์ต่อวงการศึกษาโดยรวบรวมประวัติจัดพิมพ์เป็นหนังสือประวัติครู เผยแพร่ในวันครู ๑๖ มกราคมของทุกปี ทั้งนี้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ดำเนินการจัดทำหนังสือประวัติครูเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา จวบจนถึงปัจจุบัน
๗.
การคัดสรรผลงานนวัตกรรมต้นแบบ
“หนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรม”
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
เริ่มดำเนินการประกวดผลงาน
“หนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรม”ตั้งแต่ปี
๒๕๔๗ โดยมุ่งหวัง
จุดประกายให้เกิดความตื่นเต้นและตระหนักถึงความสำคัญ
ของการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาที่ส่งผลต่อการพัฒนา
คุณภาพของแต่ละโรงเรียนซึ่งเป็นการพัฒนาวิชาชีพโดยใช้
โรงเรียนเป็นฐานการพัฒนาด้วยนวัตกรรมการศึกษาที่เหมาะ
สมกับบริบทของแต่ละโรงเรียน เกิดจากการมีส่วนร่วมและ
ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ครู และทุกฝ่ายที่เกี่ยว
ข้อง โรงเรียนที่ได้รับการคัดสรรจะได้รับรางวัลตามระดับ
คุณภาพ คือ ระดับเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทอง
แดง
๘.
การคัดสรรผลงานการวิจัยในชั้นเรียน
สำนักงาน
เลขาธิการคุรุสภา
เริ่มดำเนินการคัดสรรผลงานการวิจัยใน
ชั้นเรียนตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้
ทักษะ และประสบการณ์
ในการทำวิจัยในชั้นเรียนแก่ครู
เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการสร้างและเผยแพร่ผลงาน
วิจัยที่มีคุณภาพและเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูให้มั่นใจ
และสามารถพัฒนางานวิจัย
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริม
ให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายครูนักวิจัย
โดยสำนักงานจะจัด
เวทีให้ผู้ได้รับการคัดเลือกนำเสนอผลงานในการประชุม
วิชาการเป็นประจำทุกปี
บรรณานุกรม/
เอกสารอ้างอิง
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ : สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. กรุงเทพฯ สำนักงานปฏิรูปวิชาชีพครู. สกศ.๒๕๔๓
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ก้าวเข้าสู่ปีที่ ๖๒ ก้าวเพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา ครบรอบ ๖๑ ปี วันสถาปนาสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, ๒๕๔๙
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กึ่งศตววรรษคุรุสภาไทย, ๒๕๓๘
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
ข้อเสนอเชิงนโยบายการปฏิรูปวิชาชีพครูตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒