เลียบเลาะตู้หนังสือนายแผ่นดิน (๑๒) : ​เราไม่ได้อยู่คนเดียว-อยู่คนเดียว


เราไม่ได้อยู่คนเดียว-อยู่คนเดียว ที่เขียนโดย JIRABELL เป็นความเรียง ๕๐ เรื่องที่ผมอ่านแล้วประทับใจอย่างที่สุด

ผมซื้อหนังสือเล่มนี้จากร้านหนังสือมือสองแถวสะพานควายเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเดินทางไปราชการ หนังสือเล่มที่ว่านี้จัดอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม ราวกับอยู่ในชั้นหนังสือตามร้านรวง หรือห้างใหญ่ๆ

สิบปีให้หลัง ผมชอบอ่านความเรียง สารคดี บทบรรณาธิการมากกว่างานเขียนประเภทเรื่องสั้น บทกวี นิยาย ซึ่งประเภทหลังๆ นั้น ผมอ่านมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนมัธยม-อุดมศึกษา

สงสัยแก่ขึ้นเยอะ เลยชอบอ่านอะไรที่เป็นสาระที่ทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องปวดหัวกับกลวิธีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนกลอะไรๆ ให้มากความ-มากเวลา



ครับ-ระยะหลังชอบอ่านแนวนี้จริงๆ...

ผมชอบหนังสือเล่มนี้มาก ขนาดกะทัดรัด เหมาะเจาะพกพาไปไหนๆ ได้สะดวก ... อ่านบนรถ ในห้องน้ำ ได้อย่างไม่ขัดเขิน เนื้อเรื่องไม่หนักอึ้งชวนขบความ  หรือชำแหละปรัชญาใดๆ ให้มึนงง  เพราะเรื่องที่นำมาเล่าล้วนเป็นเรื่องที่พานพบทั่วไปบนท้องถนนที่เราสัญจรในแต่ละวัน  เป็นเรื่องของคนธรรมดาๆ ไม่ใหญ่โตมีชื่อเสียง  เป็นเรื่องพฤติกรรมธรรมชาติๆ ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์-คน นี่แหละ

ความเรียบง่ายของชีวิตในความเรียง และความเรียบง่ายในการเล่าเรื่องคือความงดงามแห่งวรรณกรรมเล่มนี้ ยิ่งอ่านยิ่งชวนให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนเหตุการณ์รอบตัว ทบทวนผู้คนและสถานที่ที่เราท่องผ่าน มันเหมือนปักหมุดให้เราหยุดคิดใส่ใจกับการเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ชีวิตอย่างสุภาพ....

และนี่คือส่วนหนึ่งที่ปรากฏในหนังสือ... “เราไม่ได้อยู่คนเดียว...อยู่คนเดียว” ...



ในสถานการณ์เลวร้าย เราจะต้องการอะไรมากกว่านี้ ใครสักคนที่บอกเราว่า “ไม่เป็นไร” ในวันที่เรา “เป็นไร” ใครสักคนที่เดินมาตบไหล่เมื่อเราคอตก และบางทีหัวไหล่กับหัวใจอาจมีอะไรสัมพันธ์กัน บาดแผลที่ฉกรรจ์คล้ายได้รับการปฐมพยาบาลเยียวยา จริงอยู่ว่ามันไม่ได้รักษาที่บาดแผลโดยตรง แต่ใครจะพูดได้เต็มปากว่า มันไม่จำเป็น
(เพื่อนผู้ไปดูผลเอ็นทรานซ์เป็นเพื่อน)


ผมนึกถึงตอนเด็กๆ เวลาเล่นของเล่นแล้วผู้ใหญ่คอยเตือนว่า “เก็บไว้ดีๆ จะได้ไม่หาย” ผมว่าประโยคนี้นอกจากใช้กับของเล่น มันยังใช้กับความสัมพันธ์ได้ด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นของเล่น หรือความสัมพันธ์ เก็บคนเดียวมันเหนื่อย เมื่อเล่นด้วยแล้ว อย่าลืมชวนกันเก็บ
(เพื่อนเล่นที่หายไปพร้อมของเล่น)


ไม่เฉพาะเรื่องหนัง เรื่องที่เราคุยกันไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่ทั้งบนโต๊ะอาหารและโต๊ะตัวอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นด้วยเหตุผลเดียวกัน เรื่องที่ใช้ความรู้สึกเรากลับใช้เหตุผล เรื่องที่ควรใช้เหตุผลเรากลับใช้ความรู้สึก เราจึงดูหนังบางเรื่องไม่เข้าใจและทะเลาะกันเรื่องการเมือง
(ชายหนุ่มผู้นิยมหนังนอกกระแส)


บ่อยครั้งการฝืนไม่ยอมล้มทั้งที่ควรล้มต่างหากที่ทำให้เราเจ็บหนักกว่าปกติ
(เพื่อนผู้บาดเจ็บจากการถูกสกัด)


เพื่อนในความหมายของคำว่าเพื่อนจริงๆ ไม่ต้องถึงกับเป็นเพื่อนสนิทก็ได้ แค่เราสามารถเรียกว่าเพื่อนได้อย่างสะดวกใจ ไม่รู้สึกเขินอายความรู้สึกที่ใช้คำนี้ก็เพียงพอแล้ว... คนที่มีคนรู้จักเยอะ ไม่ได้หมายความว่ามีเพื่อนเยอะ บางทีมันอาจโดดเดี่ยวด้วยซ้ำ
(เพื่อนผู้โทรมาชวนไปสังสรรค์ในคืนวันศุกร์)


ยอมปล่อยตัวคนผิดสิบคน ดีกว่าจับตัวคนไม่ผิดคนเดียว-อาจารย์ว่าอย่างนั้น....
ในโลกแห่งความสัมพันธ์ที่ใช้หัวใจเป็นหลักฐาน ใช้ความรู้สึกเป็นพยาน กับบางคำตัดสิน เราไม่มีโอกาสกลับคำตัดสิน ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงผู้บริสุทธิ์มากมาย ที่ถูกตัดสินคุมขังไว้นอกโลกส่วนตัว โดยไม่รอลงอาญา
(คุณลุงโชเฟอร์แท็กซี่ผู้มีคำถามมากมาย)


เป็นไปได้มั๊ยว่าเวลารักใครมากๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเราจะบกพร่อง หรือการบุกเข้าไปช่วยคนที่เรารักก็เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ในการเอาตัวรอดเช่นกัน

(ชายหนุ่มในเหตุการณ์ไฟไหม้)



หมายเลขบันทึก: 578980เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2014 11:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม 2014 11:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

" ยอมปล่อยตัวคนผิดสิบคน ดีกว่าจับตัวคนไม่ผิดคนเดียว " 

ชอบจริงๆ ค่ะ  บางทีเราก็คิดไม่ถึงจริงๆ 

นึกถึงวันนั้น..ถูกฉุดให้วิ่งหนีไฟที่ล้อมเข้ามา..บนเขา..ทางไปเผ่าลี ซอ..รู้แต่ว่าตัวปลิวไปกับขี้เถ้าและเปลวไฟ..ด้วยสัญชาติญาณ..รึความรัก..ไม่ได้ถูกถาม..จนถึงวันนี้...

วันที่อ่านบันทึกนี้...

อ่านข้อความแล้วได้แนวคิดหลายอย่าง

บางอย่างอยู่ใกล้ตัวเรามากจนคิดไม่ถึงครับ

ขอบคุณมากๆครับ

มาอีก ๆ ค่ะ  ชอบ ๆ เรียบ ๆ  นี่ยังยาวนะคะเนี่ย  อิ อิ

ครับ pooklook88..

พลอยให้คิดถึงหนัง-ภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่จับคนผิดไปขังไว้ยาวนาน  กว่าจะคลี่คลายได้ชีวิตเปลี่ยนแปลงมากมายก่ายกอง  คนที่อยู่ข้างนอก ก็เปลี่ยนแปลงเป็นอื่น  หรือกระทั่งบางคนขุ่นเคือง สิ้นหวัง เปลี่ยนตนเองไปในทางลบเลยก็มาก...

ประโยคนี้  ทำให้ผมรู้สึกคิดเช่นนั้น รู้สึกเช่นนั้น  และทวนตัวเองว่า  ผมพิพากษาอะไรบ้างในทำนองนั้น

ขอบคุณครับ

ครับ คุณยายธี

สถานการณ์เฉพาะกิจ เฉพาะหน้า 
ย่อมเปิดเปลือยดวงหน้าในดวงใจแห่งเรา...

ขอบพระคุณครับ

ครับ อ.ขจิต ฝอยทอง

นักเขียน มีดวงตาที่สาม
เห็นในสิ่งที่เราทั่วๆ ไปมองไม่เห็น
การอ่านหนังสือ
จึงอ่านเรื่องราวชีวิตผ่านมุมมองจากดวงตาที่สามของนักเขียน ครับ

ครับ พี่หมอธิรัมภา

ที่ว่ายาว คืออะไรครับ
บันทึกผมเขียนยาวเกินหรือที่คัดมาจาหนังสือยาวเกินไป - เอิ๊กๆ...

ขอบคุณท่านแผ่นดินครับ ที่นำข้อคิดดีๆในหนังสือเล่มนี้มาแบ่งปัน

ครับ อ.ขียวมรกต

มีเวลา จะพยายามหยิบจับหนังสือมาเผยแพร่นะครับ
เป็นการส่งเสริมการอ่าน
ส่งเสริมการหนุนเสริมกำลังใจนักเขียนไปในตัวด้วยเช่นกันครับ

ขอบพระคุณครับ

ชอบค่ะ  เป็นข้อคิดง่ายๆ หยิบใช้ได้จริง

ดิฉันก็ชอบมีหนังสือเล่มเล็กไว้ใกล้ๆ มือ เช่นหัวเตียง ในห้องน้ำ ในกระเป๋า พร้อมหยิบมาอ่าน

อ่านแล้วก็มีความสุขแบบอาจารย์นี่ละค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท