ห้องเรียนชนบท..."ห้องเรียนพี่สอนน้อง...ฝึกสมองตนเอง" โดย พี่อิงค์


          ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนที่แสดงถึงการพักเพื่อเริ่มต้นการเรียนการสอนใหม่ในภาคเรียนที่ 2 แม้จะเวลาเป็นช่วงระยะ 1 เดือน แต่เชื่อว่า หลายๆครอบครัวก็ต้องมีการวางแผนวันว่างให้กับลูกๆ เพื่อให้พวกเขามีกิจกรรมรองรับวันเวลาแห่งการปิดเทอมหลายคนอาจพาลูกๆฝากเรียนพิเศษด้านวิชาการ ดนตรี หรือกีฬา ตามความชอบและความถนัดของเด็กๆ หรือตามที่พ่อ แม่เห็นว่าควรจะเพิ่มเติมให้กับลูกๆได้ โดยวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ ให้ลูกๆได้รับความรู้ใหม่ๆเพิ่มขึ้น และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ครอบครัวของผู้เขียนก็อีกครอบครัวหนึ่งที่มีความคิดแบบนั้น แต่ด้วยความจำเป็นหลายประการ บ้านอยู่ต่างอำเภอ ซึ่งถือว่าเป็นชนบท ไม่มีศุนย์เปิดสอนพิเศษ หากจะเรียนต้องขับรถไปส่งลูกเกือบ 70 กม. ซึ่งเป็นอำเภอเมือง นับเป็นเรื่องที่ถือเป็นอุปสรรคหนึ่งประการ อีกหนึ่งประการของเหตุผล คือการไม่ีเงินสนับสนุนกิจกรรมเหล่านั้น เพราะกำลังอยู่ในช่วงลำบาก....พ่อ แม่อย่างเราจึงต้องมีการวางแผนให้กับลูกๆ....

       

       ธรรมชาติของเด็กส่วนใหญ่คือการเล่น ไม่ว่าจะเล่นเกมส์ เล่นกับเพื่อน เล่นกีฬา หรืออะไรก็ตาม น้องอิงค์และอาร์ตี้ก็เป็นเหมือนเด็กๆทั่วไป สมาธิสั้น เล่นมากกว่าอยากเรียน...น้องอิงค์เป็นคนหนึ่งที่ชอบสังคม ชอบมีเพื่อน ไม่ชอบทำอะไรคนเดียวหากมีคนร่วมด้วยก็จะทำได้ดี และเพลิดเพลินไปด้วย อย่างเช่น การล้างจาน การทำอาหาร การทำการบ้าน ฯลฯ แ่สังเกตว่า ทุกครั้งที่มีเพื่อนๆ หรือน้องๆมาที่บ้านพี่อิงค์จะชอบทำตัวเป็นพี่ใหญ่ หรือเป็นคุณครูในการพาน้องๆทำกิจกรรม หรือเล่นเป็นคุณครู แม่เลยคิดว่า นี่แหละเป็นโอกาสดีล่ะที่จะให้ลูกได้ทบทวนความรู้ของตัวเอง สร้างประสบการณ์และความมั่นใจของลูกมากขึ้น...จึงเป็นแนวคิดให้เกิดห้องเรียน.."พี่สอนน้อง...ฝึกสมองของตนเอง " โดยแนะว่า ....พี่อิงค์มีหนังสือนิทานตอนเด็กๆเยอะนี่ลูก ลองไปอ่านหรือเล่าให้น้องๆฟังดีไหม....น้องอิงค์เห็นด้วย...แม่เริ่มไปค้นหาหนังสือนิทาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวสอนใน อ่านง่าย สีสันสวยงาม น่าสนใจ....พี่อิงค์เรียกรวน้องๆ เพื่อนข้างบ้านมาได้ 3-4 คน...เพื่อเป็นนักเรียน...เด็กๆทุกคนต่างก็คนหาหนังสือนิทานที่สนใจ เพื่อส่งให้พี่อิงค์อ่าน บ้างก็เปิดดูรูปและเรื่องราวจากรูปภาพเพราะยังอ่านไม่ค่อยเก่ง.....แม่อย่างเราก็แอบมองอย่างมีความสุข....แม้ว่าจะไม่ใช่ห้องเรียนที่ใหญ่โตหรูหรา แต่ว่ามันเป็นห้วงเวลาที่มีความหมาย ไม่ต้องเสียตังค์ค่าชั่วโมงเรียน ไ่ม่อยู่ไกลหูไกลตา ไม่ต้องแข่งขันกับใคร..แต่อาจสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆได้ใครจะไปรู้...แค่นี้ พ่อ แม่อย่างเราก็คงเฝ้ามองอย่างมีความสุข....

 

หมายเลขบันทึก: 578780เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2014 08:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม 2014 10:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ใจนำพา...ศรัทธานำทาง
ใช่ครับ...
เด็กๆ เรียน เล่น...สนุกสนาน
บันเทิง เริงปัญญา

ชื่นชมและให้กำลังใจ ครับ

เป็นแนวทางที่ถูกต้อง ดีเยี่ยมแล้วครับ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจนะครับ จาก ครูชนบทตะนาวศรี รบ.

คุณครูหายไปนานมากๆ

เชื่อว่าการเรียนรู้ให้เขาเรียนรู้จากปู่ย่าตายาย

เรียนรู้ทักษะชีวิตในชนบทครับ

คุณครูสบายดีนะครับ

ขอบคุณค่ะ คุณแผ่นดิน เหมือนลองผิดลองถูกไป แต่ก็ทำให้รู้สึกสุขใจ

ขอบคุณครูชนบท ตะนาวศรี มากๆนะคะที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ขอบคุณนะคะ อ.ขจิต ยอมรับว่าหายไปนานมากจริงๆ ชีวิตก็ยังคงดิ้นรนหลากหลายอย่าง..แต่ก็จะพยายามเข้ามานะคะ ขอบคุณค่ะอาจารย์

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท