ถ้าอยากไปเห็นโลกกว้างต้องกล้าที่จะก้าวออกไปด้วยขาของเราเอง ......................ดิฉันชอบการเดินทางและท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจค่ะ อยากให้รางวัลตัวเองเพราะหลังจากผ่านการทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตหนึ่งงาน รวมทั้งการวางงานประจำไว้สักหนึ่งสัปดาห์ ดิฉันไม่รีรอที่จะคว้าโอกาสในครั้งนี้ไว้ ถึงแม้จะมีเวลาเตรียมตัวเองเพียงสองวันก่อนการเดินทาง แน่นอนมีอุปสรรคหลายอย่างเกิดขึ้นแต่ก็ผ่านไปได้อย่างฉลุย จากความใจดีของหลายๆคน
ดิฉันนอนน้อยมาก เพียงสามชม.ก่อนการเดินทาง เดินทางพร้อม นศ.กิจกรรมบำบัดอีกสามคน ปรากฏว่า นศ.ไม่ได้นอนเลยก่อนเดินทางตอนเช้าตรู่ อากาศที่มาเลร้อน มึนๆกับอากาศเกือบจะเป็นลมอยู่เหมือนกันค่ะ
เราใช้เวลาเดินทางกันสอง ชม. ถึงสนามบินนานาชาติชางกี สิงคโปร์ มีstaff ของโรงพยาบาล Hospital Permi คุณ เชอร์ริ่งมารับ เพื่อผ่านแดนไปเมือง Johor Bahru เราทั้งทีมพักแยกกัน เพราะเขาค่อนข้างเคร่งครัดมากตามธรรมเนียมทางศาสนา นศ.ได้รับโอกาสมาฝึกงาน ส่วนดิฉันได้รับโอกาสมาดูงานค่ะ
ระหว่างการศึกษาดูงานดิฉันได้ประสบการณ์หลายอย่าง ประทับใจกับการดูแลอย่างมีเมตตาของนักกิจกรรมบำบัดทุกท่านที่โรงพยาบาล Permi....ขอเล่าโดยภาพสวยๆนะคะ ;)
วันที่สองของการฝึกงาน นศ.ได้เยี่ยมชมวอร์ดผู้ป่วยใน
วันที่สามพวกเราพาผู้ป่วยออกนอกสถานที่ นำออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย
วันที่สี่เราแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้วยอาหารไทย ส้มตำ และขนมบัวลอยในช่วงเช้า และไปเยี่ยมชม การทำงานของผู้ป่วยถึงแหล่งทำงานจริง และเยี่ยมชมห้อง snoezelen หรือ มัลติเซนซอรี รูม ห้องกระตุ้นการรับความรู้สึกที่หลากหลาย
วันที่ห้า พวกเราได้ร่วม assembly คล้ายๆการประชุมรวมของทางโรงพยาบาล สิ่งที่สะท้อนจากการประชุมคือ เราได้มองเห็นการทำงานเป็นทีม ของเจ้าหน้าที่ทั้งโรงพยาบาล และโจทย์ใหญ่ คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พวกเราเลือกการทำกิจกรรมกลุ่ม Group dynamics ในหัวข้อ การจัดการตนเอง (Self - management) สิ่งที่ได้เรียนรู้หลังจากการทำกลุ่มคือ การเตรียมตัว และทักษะ เพราะจากที่ทั้งทีมกังวลเรื่องภาษา (ยาวี - ไทย - อังกฤษ) ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยสักนิด วันนี้นักศึกษาได้ทำกลุ่มเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเขาเอง........และดิฉันก็ถึงเวลาต้องกลับค่ะ ....ในช่วงวัน ศุกร์ เสาร์เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของชาวมาเล ค่ะ เด็กๆโชคดีมีวันหยุดเพิ่มหนึ่งวัน เพราะเป็นวันปีใหม่ของทางศาสนาด้วย จึงชักชวนกันไปสิงคโปรต่อ... รับชมภาพการท่องเที่ยวของทีมเราได้เลยค่ะ
พวกเราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ตั้งแต่คืนแรกที่ไปถึง ลองผิดลองถูก จนเรียนรู้การตกรถ รถไฟฟ้าในสิงคโปรปิดเที่ยงคืน ทำให้พวกเราต้องกลับแทกซี่ ซึ่งแทกซี่หลังเที่ยงคืนก็คิดค่าเดินทางเพิ่มถึง 50% ของมิเตอร์ แต่สนุกดีค่ะ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ พวกเราเดินและก็เดินเป็นหลัก อยู่มาเลขึ้นเขาเตี้ยๆทุกวัน สิงคโปรก็เดิน เพลินเลยค่ะ
วันสุดท้ายก่อนกลับขอตามความฝันของนักศึกษาคนหนึ่งก่อนค่ะ ไม่คิดว่าการเข้าไปในสวนสนุก จะสนุกมากขนาดนี้ การผ่านด่านรถไฟเหาะ กิจกรรมแอดเวนเจอร์ต่างๆ มันทำให้ได้หัวเราะ และปลดปล่อยความเป็นเด็กในตัวออกมามากมายเหลือเกิน ฮาตั้งแต่นั่งกระเช้านะคะ ขาสั่นแต่ก็ต้องทำหน้านิ่งค่ะ ไม่งั้นจะโดนจับได้ ฮาๆ
แวะถ่ายรูปเป็นที่ระทึกกันหน่อยค่ะ
แด่ประสบการณ์ชีวิต ที่ได้เรียนรู้เพิ่ม .........
การได้ปรับตัวกับอาหาร อากาศ ผู้คน วัฒนธรรม ภาษา การเดินทาง ความลำบากต่างๆ ........ถือว่าคุ้มค่ามากเหลือเกิน กับเวลาเพียงสี่วันครึ่งที่มาเลและสองวันครึ่งที่สิงคโปร คนมาเลใจดีมากค่ะ
การท่องเที่ยวต่อที่สิงคโปร ดิฉันตั้งใจเป็นผู้ตาม เพราะอยากปล่อยตัวเองอิสระแบบไม่ต้องคิดอะไร แพลนอะไร โชคดีที่นศ. เตรียมแพลนมาดีมาก ....จึงทำให้ทริปนี้สนุกมาก
ดิฉันชอบศึกษาผู้คน แต่โดยส่วนตัวอาจจะนิ่งๆ เฉยๆ เหมือนไม่สนใจอะไร 55 ชอบช่วงเวลาที่ลำบาก ทำให้รู้ความสำคัญของทีมและมิตรภาพจาก นศ.
เพราะประสบการณ์ดีๆไม่มีขาย...จริงไหมคะ ....หลังจากร่ำลากันที่สิงคโปร ต่างคนต่างแยกไปปฏิบัติภาระกิจ....ขอให้นศ.กิจกรรมบำบัดเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกห้องเรียนและใช้ศักยภาพที่มีในการช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่.....
ขอบคุณค่ะ
:)
ดูเหมือนว่า ผมและอาจารย์ไปที่เดียวกันหลายที่มากๆ
แต่ผมไปแบบอบอุ่นถึงร้อนเพราะว่า....
ข้ามากับพระ
5555
พวกเราไปหลายที่เหมือนอาจารย์ขจิตเลยค่ะ ....แต่ไม่ร้อนนะคะ 55