บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2557
ติดตามอ่านได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.naewna.com/columnist/1104
-ต้องมุ่งมั่นและสร้างศรัทธา (Trust) อย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทย ยุคคสช. เข้าเดือนที่ 2 แล้ว
เดือนที่ผ่านมา ผมขอเรียนว่า เป็นการทำงานที่มีคุณค่าต่อประเทศอย่างมหาศาล
-ปลดล็อกการทำงานของรัฐบาลรักษาการ มีอำนาจเต็มอย่างมีธรรมาภิบาล
-จ่ายเงินให้ชาวนาครบทุกคน
-งบประมาณปี 2557 อนุมัติจ่ายออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพเพื่อกระตุ้น GDP
-จับอาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก ต้องสอบต่อไปว่าเขาเอาอาวุธสงครามไว้เพื่ออะไร
-ผมประทับใจอีก 3 เรื่อง
-กำจัดอบายมุข จัดการมาเฟีย การพนัน จัดระบบการขนส่ง รถตู้ และวินมอเตอร์ไซค์ได้อย่างกล้าหาญทั้งๆที่ผู้มีอิทธิพลบางกลุ่มก็มาจากทหารด้วยกัน
-แต่ที่แน่ๆก็คือไม่ได้จัดให้เฉพาะในกรุงเทพฯ ผมเดินทางไปภูเก็ตมา ได้เห็นว่าชายหาดป่าตองสะอาดเรียบร้อยไม่มีบาร์เบียร์ คสช.สามารถเข้ามาจัดการปัญหาต่างๆที่หมักหมมได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วโดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพล ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืนและมีความโปร่งใส
แต่ที่ประทับใจและอาจจะไม่มีใครทราบมากนัก คือได้จัดสรรงบประมาณปี 2558 ให้มีการลงทุนระยะยาวมากขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะเพื่อการศึกษาซึ่งในยุคคุณยิ่งลักษณ์ต้องยอมรับว่าจัดสรรงบประมาณเพื่อประชานิยมไม่ใช่เพื่อผลระยะยาวทำให้มีปัญหามากมาย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อประเทศมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ผมได้พบกับดร.หิรัญ ประสารการ รองอธิการบดี ฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากคสช.เข้ามาไม่ถึง 1 เดือน ก็ได้ อนุมัติให้มีการลงทุนก่อสร้างตึกคณะวิทยาการจัดการของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันคณะนี้ มีนักศึกษากว่า 3,000 คน และนักศึกษาส่วนใหญ่จะเรียนทางด้านการท่องเที่ยวซึ่งจะออกไปมีงานทำอย่างมีประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวภูเก็ต ปัจจุบันอาคารเรียนไม่พออยู่แออัดมาก ผมจึงภูมิใจที่จะรายงานให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงความคืบหน้าดังกล่าว
ผ่านไป 1 เดือนก็ถือว่า ประสบความสำเร็จ เดือนที่ 2 เริ่มแล้ว ขอฝากให้คณะคสช.ต้องมุ่งมั่นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและต้องรองรับวิกฤติที่จะมา 3 แบบ
-เร็ว
-คาดไม่ถึง
-ไม่อาจจะคาดคะเนหรือเข้าใจได้
และมาแล้วมาอีกและมาทุกรูปแบบ ผมเรียกว่า เป็นวิกฤติแบบขนมชั้นคือมีทั้งเศรษฐกิจ ต่างประเทศ ความมั่นคงและสังคม ซึ่งถ้าผู้นำพร้อมที่จะเตรียมตัวรองรับวิกฤติเหล่านั้น ก็จะมีเวลาและความสามารถจะจัดการได้
สิ่งที่จะตามมาก็คือการคาดหวังของสังคมที่สูงขึ้น และมาตรฐาน (Standard) การทำงานต้องสูงขึ้น
ไม่ว่าจะจัดการกับแรงกดดันจากต่างประเทศโดยเฉพาะในซีกโลกตะวันตก สหรัฐและยุโรป
ก็ต้องปรับให้เกิดความสมดุล เพิ่มการสนับสนุนจากเอเชียด้วยโดยเฉพาะ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่นและ ASEAN อย่ามองบริบทของการเมืองไทยจากตะวันตกเท่านั้น
-การปรองดองที่จะต้องเน้นความต่อเนื่องและค้นหาสาเหตุที่แท้จริง และทำจริงจัง
-หรือติดตามว่ามีข้าราขการที่ยังจงรักภักดีต่อระบอบทักษิณอยู่อีกมากแค่ไหน และมีวิธีการอย่างไรจะบริหารจัดการอย่างฉลาด
หรือจัดการสื่อที่ไม่หวังดีต่อประเทศของเราอย่างเห็นได้ชัด
ผมอยากฝากให้ทางคสช. (ถ้ามีเวลา) มองการทำงานไปถึงสมาคมกีฬาอาชีพต่างๆด้วยว่า ถ้าจะ มีธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการเมืองและระบอบราชการและรัฐวิสาหกิจแล้ว ควรจะต้องขยายไปถึงสมาคมกีฬาเหล่านั้นด้วย โดยเฉพาะบรรดาผู้บริหารสมาคมกีฬาที่อิงการเมืองและไม่ได้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศอย่างแท้จริง
สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่กรุณามอบโล่เกียรติยศให้ผม ในงานธรรมศาสตร์ 80 ปีที่ผ่านมา ผมต้องขอขอบคุณ รศ.ดร.พิภพ อุดร ผู้อำนวยการและ รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล รองผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์ที่กรุณา สนับสนุนผม และสร้างสรรค์สถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ผมก่อตั้งอย่างต่อเนื่องให้มีคุณค่าเป็นที่ยอมรับจากสังคมไทยมาก เป็นที่ภูมิใจของชาวธรรมศาสตร์
สิ่งใดที่ผมรับใช้ได้ ผมยินดีเสมอ
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์รับโล่ห์เกียรติยศผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รศ.ดร.พิภพ อุดร
ผู้อำนวยการ
สถาบันทรัพยากรมนุษย์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล
รองผู้อำนวยการ
สถาบันทรัพยากรมนุษย์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จีระ หงส์ลดารมภ์
[email protected]
ไม่มีความเห็น