การสอบครั้งสุดท้ายของชีวิต

22.30 ของเย็นวันเสาร์ กลางเดือน พฤษภาคม 2556คือเวลาปกติของผม ที่จำเป็นต้อง เดินทางโดยรถประจำทางรอบสุดท้าย จากมหาสารคาม ก็จะไปถึง กทม ประมาณ 04.30 น.ครับ ก็นั่งรอให้ถึงเช้าที่ สถานีขนส่งหมอชิต และหาอะไรทาน ก่อนเข้าห้องสอบ ซึ่งผมทำแบบนี้ทุกครั้ง ที่มาสอบ กับการที่พยายามสอบ CU-TEP มากว่า 10 ครั้ง บางทีมันก็อ่อนล้า และท้อบ้าง ซึ่งคนสอบส่วนใหญ่จะเป็น นักเรียน ม ปลาย มาสอบกัน เพื่อ เรียนต่อ ที่ จุฬา ซึ่งคำพูด ส่วนใหญ่ เขาก็จะบอกว่า มาอัพคะแนนกัน ได้ 600 บ้าง 620 บ้าง แต่จะให้ได้ 650 คะแนน ซึ่งผมก็ได้ยินคิดละอายในใจ ว่า ถ้าพี่ได้ เท่าน้อง พี่คงไดัไปเรียน สวีเดน แล้ว เพราะเรา สอบได้ไม่เคยเกิน 500สักที เพราะ ที่ผมเทียบคะแบบแล้ว ก็ได้ 430, 470,492 บ้าง เลยพลาดการไปเรียนต่อ ป โท ที่สวีเดน ในครั้งนั้น ครับ*** ประมาณ ปลายเดือน พฤษภาคม 2556 ผมก็อ่านเจอประกาศ ที่ เว็บ กพ ว่าสถาบันพระบรมราชชนก รับสมัครบุคคลที่สนใจ เรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้คะแนนภาษาอังกฤษ ของ IELTS ( ข้อสอบนี้ทำโดยฝรั่ง สำหรับนักเรียนที่ต้องการไปเรียนเมืองนอก) ซึ่งได้ 5 คะแนนก็มีสิทธิ์ได้รับทุน ผมก็ตัดสินใจว่าจะสอบ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต เพราะว่า หากไม่ผ่าน จะเรียนที่เมืองไทย เพราะ อายุมากขึ้น เพื่อนๆก็มี ครอบครัว รวมทั้ง น้องๆๆก็ไปเรียนก็ใกล้จะจบ ป โท แล้ว ผมก็เลยตัดสินใจ ทุ่มเงินก้อนสุดท้ายที่ใช้ในการสอบภาษาอังกฤษ ค่าสอบ 6300 บาท( เท่ากับ เงินเดือนในช่วงนั้นเลยครับ ที่เหลือจาก สหกรณ์ ) สำหรับการจ่ายค่าสมัครสอบ นั้นลำบากบ้าง ซึ่งผมไม่มีบัตรวีซ่า เครดิต ทำให้ผมต้องนั่งรถบัสไปสมัครถึงกรุงเทพ อีกรอบ การสมัครสอบในครั้งนั้น ทำให้ผมต้องกลับมาคิดอะไรหลายๆๆอย่างว่า ทำอย่างไร ถึงจะสอบผ่าน ได้ไปเรียน ที่ไม่ต้อง ลงคอร์สภาษาอังกฤษ เพราะเงินไม่พอแล้วครับ ผมจึงตัดสินใจค้นหาเอกสาร ในเว็บ และดาวโหลด ตัวอย่างข้อสอบมาผ่าน เยอะมากๆๆ ผมใช้เวลา หลังจากเลิกงาน จนถึง หกโมงเย็น และก็กลับไปอ่าน ก่อนนอนของทุกๆวัน ช่วงนั้น ก็แบบว่า งดเที่ยว ลงบ้าง ครับ ทำแบบนี้ ประมาณ 1 เดือน ก่อนสอบ และ บางที ก็(แอบ)ปริ้น ออกมาเป็นเล่ม แล้ว เข้าเล่ม ปกสี อย่างสวยงาม ลงทุน 30 บาท/เล่ม ทำให้ผมมีหนังสือในการอ่าน พอประมาณ (ต้องกราบขออภัยย้อนหลังนะครับ)เพราะผมคงไม่มีปัญญาซื้อ หนังสือฝรั่งของ Cambridge แพงๆๆ ถ้าคิดเป็นเงิน คงหลายหมื่นบาท สำหรับการฝึกทักษะนั้น ผมฝึกด้วยตนเองแบบเน้นๆ แค่การ ฟัง และ อ่าน เพราะสามารถ เอาแบบฝึกหัด มาฝึกด้วยตนเอง ทำประมาณ 40 ชุด ครับ ทั้ง อ่าน และฟัง และลองเทียบคะแนน ที่ได้ ว่าผ่านเกณฑ์รึยัง แต่สำหรับ การเขียน นั้นคือ สิ่งที่ยากที่สุด ที่ผมฝึกโดย การท่องจำโครงสร้างประโยคในตัวอย่างคำตอบ ที่เด่นๆๆ ไว้ และเขียนลงกระดาษ และท่องจำจนขึ้นใจ ครับ ส่วนการ พูดนั้น ผม อ่านแต่ตัวอย่างคำตอบ แต่ไม่ได้หัดพูดเลย ในใจของผมช่วงนั้น ก็คิดแต่ว่า ขอเป็นครั้งสุดท้ายในการสอบภาษาอังกฤษ และค่าสอบก็แพงมากๆๆๆ เลยทำให้ผมเกิดความพยายามและอดทน มากขึ้น และก็ถึงวันสอบวันที่ 6 กค 2557 เลขที่นั่งสอบ 123 ผมจำไม่ลืม เพราะมันคือชีวิตทั้งชีวิต ที่ทุ่มลงไป พอออกมาจาก ห้องสอบ คิดในใจเลยครับ ว่าไม่ผ่าน โทรไปบอกพ่อแม่ ว่า หมดหวัง แล้ว กับการไปเรียนต่างประเทศ หลังจากนั้น 13 วัน ประกาศผลสอบ เวลา ประมาณ 12.00 น. ผมก็เช็คคะแนน ออนไลน์ ตามปกติ แทบซ๊อค!!!! ผมดูคนเดียว 5รอบ และก็เรียกเพื่อนร่วมงานมาดูช่วย และยืนยัน ว่าจริง เพราะผลที่ออกมา ได้ ภาพรวม 5.5 ที่เหลือเชื่อ ที่มันยากที่สุดคือ เขียน ได้ตั้ง 6 คะแนน ส่วนที่ได้น้อยที่สุด คือ พูดครับ ได้ 4.5 เป็นไปตามคาด สำหรับ ไอเอล นี้ จะเต็ม 9 ครับ ผมก็ร้องเย้ ๆดังก้อง ทั่วห้องทำงาน ด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต ในการสอบครั้งแรกที่ทั้งยากและแพง ทั้งยังจะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต สำหรับคนที่ไม่เก่งด้านภาษาอังกฤษ ผมเลยได้แง่คิดว่า การที่ผมสอบผ่านและได้รับทุน นั้นเกิดจาก การตกผลึกของความรู้ ที่ผ่านมาจากการสอบ CU- TEP มากกว่า 10 ครั้ง และ ที่สำคัญ ความอดทน ที่ไม่ถอยกับการสอบ บ่อยๆครั้ง และการพยายามอ่านด้วยตนเองที่ต้องควบคุมจิตใจให้อยู่ ภายใน 1 เดือน ทั้งหมดนี้ คือปัจจัย ที่สำคัญที่สุด สำหรับคนที่ไม่เก่งอย่างผม ครับ ที่ทำให้ผมเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลต่างประเทศ โท-เอก ปี 2556 มาอย่างภาคภูมิใจ

****ขอบคุณนะครับที่เสียสละอ่านบทความ ที่ 2 ของผม ****อันนี้อาจจะยาวๆไปหน่อย แต่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านให้เห็นภาพขั้นตอนชัดเจนขึ้น สำหรับบทความต่อไป จะเขียนถึง "ชีวิตที่เปลี่ยนไป ของนักเรียนทุนรัฐบาล" ไม่ว่า จะด้านความรัก, ชีวิต และ โอกาสที่ดีๆ โปรดติดตาม ครับผม^^^

[ขจิต ฝอยทอง]

ตามมาเชียร์เลยครับ

สู้ๆครับ

[ครูพยาบาล]

ขอบคุณครับผม

[จิตศิริน]

อ่านแล้วประทับใจในความพยายาม มุ่งมั่น และอดทนค่ะ 

เป็นกำลังใจให้นักเรียนทุนรัฐบาลค่ะ

[แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช]

มีความพยายามดีมากค่ะ