คำพูดมีความสำคัญมากในการนำผู้ป่วยใกล้ตายไปสู่สุคติ บางครั้งญาติ/คนใกล้ชิดกลับทำให้เพิ่มความวิตกกังวลความทุกข์ให้กับผู้ป่วยโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังตัวอย่างกรณีศึกษา
เพื่อนอาจารย์พยาบาลโทรมาขอความช่วยเหลือ “พี่สาวป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้าย ขณะนี้นอนอยู่โรงพยาบาลเอกชน มีอาการเหนื่อยรับออกซิเจนโดยใช้หน้ากากครอบปากและจมูก กระสับกระส่ายมาก ทางครอบครัวรับทราบว่าผู้ป่วยกำลังจะเสียชีวิตและต้องการให้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเอกชน โดยให้การดูแลแบบประคับประคอง จะช่วยอย่างไรให้สงบ”
ฉันไปเยี่ยมคุณเจิน(นามสมมติผู้ป่วย) และครอบครัวที่โรงพยาบาลเอกชนหลังจากเลิกงานในเย็นวันนั้นทันที คุณเจินดูเหนื่อยกระสับกระส่ายมีคุณแม่นั่งอยู่ข้างคุณแม่พูดว่า “ผมดำจะตายก่อนผมหงอกไม่ได้ ถ้าลูกตายจะขอตายตาม” พูดเสร็จเธอร้องไห้โฮฉันเข้าไปโอบกอดคุณแม่พร้อมจูงออกมานอกห้องพร้อมเรียกครอบครัวออกมานั่งพูดคุยกัน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ระบายความรู้สึกในที่สุดก็ทราบว่า คุณเจินเป็นพี่สาวคนโตในบ้าน พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ลูกๆยังเล็ก คุณเจินเสียสละตัวเองโดยเรียนหนังสือจบแค่ประถม 4 ออกมาทำหน้าที่หาเงินเลี้ยงครอบครัวและส่งเสียน้องๆทั้ง 4 คน จบแพทย์ พยาบาล ครูและบัญชี จนทุกคนทำงานมีหน้ามีตาในสังคม ฉันบอกกับทุกคนว่า เดี๋ยวพวกเราจะเข้าไปใหม่และจะพูดแต่ความดีที่คุณเจินทำมา ส่วนคุณแม่ถ้าอยากร้องไห้ให้ร้องไห้ข้างนอกให้เสร็จก่อน ตอนที่อยู่กับคุณเจินขอให้ตั้งสติให้ดี และพูดแต่สิ่งดีๆ
“พี่เจินฟ่งเป็นเพื่อนกับจิน (นามสมมติของอาจารย์พยาบาล) พอทราบข่าวว่าพี่เจินไม่สบายจึงมาเยี่ยมและให้กำลังใจ ” คุณจินแนะนำ
“สวัสดีค่ะพี่เจิน ตอนนี้พี่เป็นอย่างไรบ้างค่ะ” ฉันเข้าไปทักทาย
“เหนื่อย....เหนื่อย....” คุณเจินบอกอาการ
“ค่ะ เรื่องเหนื่อยตอนนี้คุณหมอกำลังดูแลอยู่นะ พี่เจินลองหายใจเข้าสบายช้าๆ หายใจออกผ่อนคลายช้าๆ เป็นการกำหนดหายใจเพื่อเป็นการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ” ฉันตอบพร้อมเสนอการกำหนดลมหายใจโดยการกล่าว นำให้พี่เจินทำตามประมาณ 5-7 ครั้ง พร้อมนำ relaxation
“ เหนื่อยกายได้แต่อย่าเหนื่อยใจนะ จินเล่าให้ฟ่งฟังเสมอว่าพี่เจินเปรียบเหมือนแม่คนที่ 2 ถ้าไม่มีพี่เจินจินคงไม่ได้เรียนพยาบาลน้องๆคงไม่ได้เรียนหนังสือจนจบหมอ ครูและบัญชี พี่เจินยอมเสียสละไม่เรียนต่อทั้งที่พี่เจินเองก็ชอบเรียน นอกจากนี้พี่เจินยังทำหน้าที่หาเงินเลี้ยงครอบครัวเปรียบเสมือนแม่พระ ฟ่งขอเคารพนับถือยกย่องค่ะ” ฉันพูดต่อหลังจากพี่เจินเริ่มผ่อนคลายสังเกตเห็นทันทีว่าการหายใจที่เหนื่อยและเร็วประมาณ 34 ครั้งต่อนาทีลดลงมาเหลือ 26 ครั้งต่อนาที สีหน้าพี่เจินมีรอยยิ้มน้ำตาไหล
หลังจากนั้นน้องๆทุกคนได้เข้าไปขออโหสิกรรมพูดถึงความดีที่พี่เจินได้ทำมาและคุณแม่ได้บอกกับลูกว่า “จะอยู่ก็อยู่เป็นสุขจะไปก็ไปเป็นสุข ไม่ต้องห่วงแม่นะ แม่มีน้องๆช่วยดูแลแม่อยู่ได้”
รุ่งเช้าคุณจินโทรมาบอกว่า “ขอบคุณมากตั้งแต่ได้พูดคุยเมื่อวานพี่เจินดูสงบและเสียชีวิตตอนเช้า 7.00 น.”
ชอบครับ เขียนได้เห็นภาพเลย
ขอบคุณมากค่ะ ที่เป็นกำลังใจ
พี่ฟ่งยังเป็นนางฟ้าของคนทั้งปวง
ขอบคุณที่นำมาเล่าต่อค่ะ
พี่ต้องขอบคุณผุ้ป่วยและครอบครัวที่ให้โอกาสพี่ดูแล และเป็นครูสอนวิชาชีวิต วันนี้พี่ได้คุยกับน้องพยาบาลท่านหนึ่งว่า ถ้าจะเรียนรู้ร่วมกันให้น้องไปทำการบ้านอะไรบ้าง แล้วนำมาพูดคุยกัน เสร็จแล้วเราจะไป approach ผู้ป่วยและครอบครัวด้วยกัน มีการติดตามประเมินผลร่วมกัน สุดท้ายถอดบทเรียน
พี่ต้องขอบคุณผู้ป่วยและครอบครัวที่ให้โอกาสพี่เข้าไปดูแลและเป็นครูสอนวิชาชีวิต และขอบคุณทีมบุคลากรที่ได้มาทำงานร่วมกัน ทุกคนเป็นนางฟ้า