"อย่างนี้ ก็มีด้วย ๒"


                                                 

                                                      "อย่างนี้ ก็ด้วยคราบบบ"

๑๖) สาวอเมริกันสุดประหลาด ชอบดมกลิ่น ฉี่ จากผ้าอ้อมใช้แล้ว แถมบางครั้งเอาขึ้นมาเคี้ยวซะเพลินปากไปเลย เจ้าตัวเผยเก็บผ้าอ้อมที่มีกลิ่นฉี่ไว้ทั่วบ้านจะได้สะดวกต่อการเอามาดมได้ อย่างสะดวก


คีย์เชียสาวอเมริกัน วัย 22 ปี จากนิวยอร์ก ยอมรับเสพติดกลิ่นฉี่จากผ้าอ้อม ยิ่งเปียก ยิ่งโชก ยิ่งอยากจะคว้ามาเคี้ยวะเดี๋ยวนั้นเลย เรียกว่าทำเอาฮือฮากันทั้งห้องส่ง เมื่อคีย์เซีย์ เป็นแขกรับเชิญในตอนล่าสุดของรายการ My Strange Addiction ทางสถานีโทรทัศน์ TLC ของอเมริกา

เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรายการที่นำเสนอเรื่องของคนที่เสพติดหรือมีพฤติกรรมแปลก ๆ ชนิดที่ว่าได้ยินแล้วต้องอ้าปากแบบหุบไม่ลง แต่สำหรับคีย์เซีย ฟังแล้วแทบจะสำรอกออกมา เพราะนางเล่นมีพฤติกรรมแปลกๆเกินกว่าจะรับได้ คือชอบดมและเคี้ยวผ้าอ้อมเด็กที่เปื้อนปัสสาวะแล้ว แถมบอกว่ายิ่งผืนไหนชุ่มโชกมากก็ยิ่งดีอีกด้วย

แทบไม่น่าเชื่อที่ คีย์เชีย บอกว่าเธอมีผ้าอ้อมและแผ่นซับปัสสาวะใช้แล้วเก็บซุกอยู่ทุกที่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในตู้เก็บของห้องครัว ห้องน้ำ แม้กระทั่งในกระเป๋าถือส่วนตัว เพื่อที่จะหยิบมาดมและเอามาเคี้ยวได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

เว็บไซต์เมโทร ระบุว่าจุดเริ่มต้นเสพติดกลิ่นฉี่ จากผ้าอ้อมของคีย์เชีย เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่เพื่อนของเธอบอกให้ช่วยนำผ้าอ้อมของลูกไปทิ้งถังขยะให้ด้วย เพราะเพื่อนของเธอกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ให้หนูน้อยอยู่ แต่เธอกลับเอามันไปเก็บไว้ที่บ้านเป็นสัปดาห์

และหยิบมันมาดมทุก ๆ เช้า และแล้วอาการเสพติดกลิ่นฉี่ก็เกิดขึ้น คีย์เชียบอกว่า เวลาที่ได้กลิ่นแรง ๆ ของมันเตะจมูก มันเหมือนกับกลิ่นหอมของอาหาร แล้วก็พาลให้รู้สึกอยากชิมมันขึ้นมา นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา มีผ้าอ้อมเปื้อนฉี่ผ่านจมูกและเอาเข้าปากที่เธอเคี้ยวมาแล้วกว่า 25,000 ผืนทีเดียว

http://board.postjung.com/754115.html


๑๗) หนุ่มชาวแคนาดาขับรถข้ามชายแดนแคนาดา-สหรัฐฯ ได้สำเร็จทั้งที่ไม่มีพาสปอร์ต แต่ใช้สำเนาของเอกสารในไอแพดยื่นให้เจ้าหน้าที่ตม.ดูแทน เมื่อช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา


สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่านายมาร์ติน รีสช์ สามารถขับรถข้ามชายแดนจากประเทศแคนาดาไปยังสหรัฐอเมริกาได้ ทั้งที่เขาไม่มีหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต เนื่องจากเขาแสดงภาพพาสปอร์ตของเขา ซึ่งผ่านการสแกนลงบน 'ไอแพด' แท็บเล็ตชื่อดังของบริษัท แอปเปิล อิงค์ ให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองดูแทน

นายรีสช์ วัย 33 ปี เผยว่า เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาลืมนำพาสปอร์ตติดตัวมาด้วย ก็ตอนใกล้จะถึงชายแดนแล้ว แต่เขารู้ว่าเขามีสำเนาของพาสปอร์ตและใบขับขี่ของเขาอยู่ในไอแพดจึงลอง เสี่ยงดู "ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องลองดูหน่อย" เขากล่าว

พอถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง นายรีสช์จึงยื่นไอแพดที่มีสำเนาเอกสารที่จำเป็นของเขาให้เจ้าหน้าที่ และพยายามอธิบายว่า ตัวเขาต้องไปสหรัฐฯเพื่อมอบของขวัญวันคริสต์มาสให้กับลูกๆของเพื่อน เขาเล่าว่า "เจ้าหน้าที่ทำหน้าเซ็งเล็กน้อยก่อนจะนำไอแพดเข้าไปในห้อง นานประมาณ 5-6นาที แต่สำหรับผมมันนานมากๆ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ออกมายืนจ้องหน้าผม แล้วกล่าวว่า เมอร์รี คริสต์มาส"

"ผมคิดว่าพวกเขาอนุโลมให้ผมนะ" นายรีสช์กล่าวทิ้งท้าย และเข้าสัญญากับตัวเองว่า ต่อไปจะพกพาสปอร์ตติดตัดตลอดเวลาทั้ง นี้ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา การเดินทางข้ามชายแดนแคนาดาไปสหรัฐฯ ไม่สามารถใช้เพียงใบอนุญาตขับขี่รถยนต์อีกต่อไป เนื่องจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลการกรของสหรัฐฯ ยอมรับแต่พาสปอร์ตเท่านั้น

http://www.thairath.co.th/content/228051


๑๘) แปรงสีฟันหลุดลงท้อง


หลังจากถกกันหน้าดำคร่ำเครียดย้ายสถานที่ประชุมไปแล้วนับสิบแห่ง กี่ครั้งกี่หน ทีมงานก็ฟันธงว่านี่แหละที่สุดของข่าวเป็นไปได้ไงเนี่ยประจำปี 2552 เช้าตรู่ของวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวจ.อุทัยธานี ทราบว่าที่โรงพยาบาลอุทัยธานีมีผู้ป่วยแปรงสีฟันหลุดลงกระเพาะอาหาร มารับการรักษาให้หมอผ่าตัดเอาออกและแพทย์ผ่าตัดออกได้สำเร็จอย่างปลอดภัย

เมื่อไปถึงพบว่าผู้ป่วยคือ นางมัดหมี่ จะงะ อายุ 22 ปี สาวชาวเขา แต่อยู่กินกับสามีชาวบ้านปากดง ต.หลุมเข้า อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี นอนอิดโรยอยู่บนเตียงคนไข้ ข้างๆ มีสามีอุ้มลูกเฝ้าอย่างเป็นห่วง

นางมัดหมี่เผยเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้ฟังว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ขณะนั้นตนไปทำงานเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวเศรษฐีที่ จ.เชียงใหม่หลังรับประทานอาหารกลางวัน ก็ไปแปรงฟันระหว่างกำลังแปรงฟันอยู่ดี ๆ ดันทำกล่องสบู่ที่วางไว้ตกพื้น

จึงก้มลงไปเก็บโดยปากยังอมแปรงสีฟันขนาดประมาณ 7 นิ้วในแนวตั้งเกิดพลาดท่าไปกระแทกกับโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำอย่างแรง แบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้แปรงสีฟันเจ้ากรรมหลุดพรวดเข้าไปในช่องปาก ผลุบหายลงไปในหลอดคอตนพยายามล้วงออกมา มันก็ลื่นไหลลงไปจนถึงในกระเพาะอาหารเมื่อไปให้หมอเอกซเรย์ก็พบแปรงสีฟัน เด่นเป็นสง่าอยู่ในกระเพาะ

ต่อมามีอาการปวดท้องขึ้นมาจนทนไม่ไหว สามีพามารักษาที่ รพ.ให้คุณหมอช่วยผ่าออกมาได้สำเร็จ ยังมีแถมอีกนิด คือก่อนหน้ารายนี้มีนักศึกษาสาววัย 20 ปีมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ เคยทำแปรงหลุดเข้าคอเช่นกัน แพทย์ต้องวางยาสลบแล้วคีบเอาแปรงออกมาได้สำเร็จเช่นกันเฮ้อ

http://hilight.kapook.com/view/45154


๑๙) พี่น้องเกิด-ตายวันเดียวกัน


ข่าวเหลือเชื่อปนเศร้าข่าวนี้ นำเสนอเมื่อ วันที่ 23 พ.ค.ผู้สื่อข่าวเมืองเกินร้อย (ร้อยเอ็ด) รับทราบว่ามีครอบครัวที่ประสบชะตากรรมประหลาดเป็นชาวอำเภออาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดย 3 พี่น้องเกิดวันเดียวกัน 2 ใน 3 เสียชีวิตวันเดียวกัน แต่คนละปีแถมน้องชายคนที่ 2 แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวกันแต่เสียชีวิตวันเดียวกันแบบเหลือเชื่อ

ด้านนางหนูพลอย บุตรรัตน์ วัย 75 ปี คุณแม่ผู้สูญเสียลูกเปิดเผยว่ามีบุตร 8 คน เป็นหญิง 4 ชาย 4 มีลูกชาย 3 ใน 4 คนที่เสียชีวิตเกิดวันและเดือนเดียวกัน แต่คนละปี ประกอบด้วย จ.ส.ต. วิมานบุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2498 เสียชีวิต 19 พ.ค. 2535 นายประพันธุ์ศักดิ์บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2514

คนนี้ยังอยู่นะครับ นายจักรพงษ์ บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2516 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2552 และนายโอภาส บุตรรัตน์คนนี้ไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่เกิดวันที่ 17 ก.พ. 2500 แต่กลับเสียชีวิตวันที่ 19 พ.ค. 2540 ที่เหลืออีก 4 คนก็อยู่อย่างระทึกใจเมื่อครบรอบวันที่ 19 พ.ค. ของแต่ละปีท่านผู้อ่านงงไหมล่ะครับว่านี่คือเรื่องจริง

http://hilight.kapook.com/view/45154


๒๐) ฝรั่งอึ้ง! พ่อ-แม่จีนปล่อยลูก"อึ"บนเก้าอี้เครื่องบินโดยสาร


วันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ผู้โดยสารเดลต้า แอร์ไลน์ส ร้องเรียนที่ต้องทนกลิ่นไม่พึงประสงค์ หลังพ่อแม่ชาวจีนปล่อยลูกขับถ่ายบนเก้าอี้โดยสาร หนังสือพิมพ์ เวิร์ล เจอร์นัล ของสหรัฐ และเว็บไซท์ข่าวซีน่านิวส์ ของจีน รายงานว่า ผู้โดยสารบนเครื่องบินโดยสารของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ส

ในเส้นทางจากกรุงปักกิ่งของจีน ไปยังเมืองดีทรอยต์ของสหรัฐ ต้องทนสูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปตลอดทาง หลังจากครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่ง ปล่อยให้เด็กวัยทารกถ่ายอุจจาระบนเก้าอี้นั่ง โดยใช้หนังสือพิมพ์ปูให้ โดยไม่ยอมพาไปห้องน้ำ

ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ต้องทนมองภาพอันเลวร้ายตั้งแต่ต้นจนจบ และพ่อแม่ของเด็กก็ไม่ยอมอุ้มลูกไปเข้าห้องน้ำ แม้ลูกเรือและผู้โดยสารหลายคนจะพยายามอ้อนวอนแล้วก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดเสียงร้องเรียนจากนักเดินทาง เนื่องจากกลิ่นที่ตลบอบอวลไปทั้งห้องโดยสาร

ผู้ใช้สังคมออนไลน์ในจีน ต่างรุมประนามพ่อแม่ของเด็กที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับแผ่นดินเกิด และผู้โดยสารชาวจีนคนหนึ่งที่อยู่บนเครื่องบินด้วย เปิดเผยว่า แม้จะมีการร้องขอจากผู้โดยสารและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ให้พาเด็กไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ตาม แต่ปู่กับย่าของเด็กที่เดินทางมาด้วย ต่างยืนยันที่จะให้เด็กขับถ่ายบนเก้าอี้โดยสาร

ผู้โดยสารชาวจีนอีกคนหนึ่งบอกว่า เมื่อเด็กทำธุระเสร็จ กลิ่นก็ค่อย ๆ กระจายไปทั่วห้องโดยสาร สร้างความคลื่นเหียนให้กับผู้โดยสารคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก เดลต้า แอร์ไลน์ส ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ ส่วนเหตุการณ์นี้ คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว และมีขึ้นในเวลาไม่กี่เดือน หลังเกิดเหตุการณ์รบกวนผู้โดยสารแบบเดียวกันนี้ เมื่อมีการถ่ายรูปเด็กชายคนหนึ่งนั่งปลดทุกข์บริเวณช่องทางเดิน บนเครื่องบินโดยสารของเที่ยวบินภายในประเทศของจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์


๒๑) อึ้ง! หนุ่มญี่ปุ่นคลั่ง iPhone มาต่อแถวรอ iPhone 6 (ไอโฟน 6) แล้ว


10 กุมภาพันธ์ 2557 บล็อกเกอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Yoppy ซึ่งเป็นสาวกแอปเปิลตัวยง ได้ออกมาต่อคิว เพื่อซื้อ iphone 6 แล้วครับ โดยมารอก่อนหน้า iPhone 6 เปิดตัวถึง 7 เดือนเลยทีเดียว โดย Yoppy เผยว่า สาเหตุที่จะต้องมานั่งรอต่อคิวก่อน เป็นเพราะว่า เคยผิดหวังที่ไม่ได้เป็นคนแรกที่ได้ครอบครอง iPhone 5

แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องผิดหวังเป็นครั้งที่สอง เพราะเมื่อสอบถามพนักงานขายใน Apple Store ก็ได้รับคำตอบว่า ทางแอปเปิลยังไม่ได้ประกาศวันเปิดตัว และวันวางจำหน่ายแต่อย่างใด ทำให้ Yoppy เดินคอตกแบกเป้กลับบ้านไป แต่เพราะความอินดี้สุดๆ ของ Yoppy ทำให้เจ้าตัวเขียนข้อความลงบนพื้นคอนกรีตว่า จะเป็นคนแรกที่ได้ครอบครอง iPhone 6 (ไอโฟน 6) ครับ - technobuffalo.com


๒๒) หญิงสาว ชื่อ Harnaam Kaur วัย 23 ปี

ป่วยท่อรังไข่ผิดปกติทำให้ขนดกตั้งแต่อายุ 11 ปี เธอจึงตัดสินใจนับถือศาสนาซิกข์ไม่โกนหนวดไม่ตัดผม เนื่องจากในศาสนาซิกข์มีบัญญัติที่ห้ามตัดผมหรือขนที่งอกขึ้นมาตามร่างกาย เธอบอกว่าตอนแรกเธอก็ทุกข์ใจที่คนมองเป็นคนประหลาด แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้ว สบายดี ครอบครัวก็ให้กำลังใจตลอด ดูคลิป www.punjabspectrum.tv/sikh/bearded-bibi-harnam-kaur-beats-the-bullies/#sthash.w1QiybRz.dpbs


๒๓) แปลกแต่จริง ! "คดีซื้อเลิกผัว” เมียจ่ายเงินจ้างผัวเลิกกัน


เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้มีสองสามีภรรยา ทราบชื่อ นางคำ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี และนายเอก (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เดินทางเข้าพบพ.ต.ต.พิบูลย์ ธนิตกุล พงส.เวร.สภ.เมืองเชียงราย สาขาย่อยบ้านดู่ โดยนางคำแสดงความประสงค์ขอลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่าต้องการยุติความ สัมพันธ์ฉันสามีภรรยา แลกกับการจ่ายเงินให้นายเอก จำนวน 10,000 บาทถ้วน

นางคำและนายเอก ลงบันทึกประจำวัน มีเนื้อหาโดยสรุประบุว่าอยู่กินเป็นสามีภรรยาตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. 2550 แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และไม่มีบุตรด้วยกัน นางคำประกอบอาชีพรับจ้างเป็นพนักงานรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ส่วนนายเอกประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ขณะอยู่กินด้วยกันช่วงแรกๆ ข้าวใหม่ปลามันชีวิตคู่ไม่มีปัญหา แต่ต่อมาระยะหลังอาจเนื่องมาจากวัยที่แตกต่างกันถึง 16 ปี ส่งผลให้มักมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเป็นประจำ บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือ ฝ่ายนางคำทนไม่ไหวขอแยกทางกัน แต่ฝ่ายนายเอกไม่ยินยอม

ทั้งนี้ นางคำเห็นว่านายเอกคงกลัวว่า เมื่อเลิกกันแล้วไปอยู่คนเดียวจะไม่มีเงินใช้ จึงรวบรวมเงิน 10,000 บาทเพื่อเสนอมอบให้นายเอกนำไปเป็นทุนประกอบอาชีพ โดยมีข้อยกเว้นว่า ถ้ารับเงินไปแล้ว นายเอกห้ามมาข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับตนอีก ไม่เช่นนั้นจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด ต่อมานายเอกยินยอมยุติความสัมพันธ์และรับข้อเสนอแต่โดยดี ด้านพนักงานสอบสวนรับทราบความประสงค์ของคู่กรณี จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

หลังจากทั้งสองฝ่ายลง บันทึกประจำวันเรียบร้อย นายเอกมอบเงิน 2,000 บาทคืนให้แก่นางคำเพื่อนำไปใช้หนี้ระหว่างอยู่กินด้วยกัน นอกจากนั้น นางคำยังถ่ายรูปเงินสด 10,000 บาทเอาไว้ให้ตำรวจเก็บเป็นหลักฐานว่ามอบให้อดีตสามีไปแล้ว จากนั้นทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันกลับ พร้อมให้สัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก http://news.tlcthai.com/news/94906.html


๒๔) ผู้ดีมุงนก

                           

นกกระจิ๊ดหัวมงกุฎในหมู่นักดูนกไทย ถือว่า "โหล" หาดูได้ง่ายขำๆ แต่เผอิญมันไปโผล่ที่เมืองนิวคาสเซิลในอังกฤษได้อย่างไรไม่ทราบได้ จึงกลายเป็น "ดาวดัง" ที่บรรดานักไล่ล่าส่องนก 400 คนแห่กันไปดูยิ่งกว่าไทยมุง บางคนถึงกับบอกว่าได้เห็นเจ้าจิ๊ดนี่แล้ว เหมือนซิวถ้วยฟุตบอลโลกยังไงยังงั้น ตั้งแต่ปีค.ศ.1843 นกชนิดนี้โผล่มาให้เห็นในยุโรปเพียง 4 ครั้ง ครั้งนี้ครั้งแรกในอังกฤษยิงชัตเตอร์กันพันๆ ช็อตก็เพื่อ "นก" ตัวเดียวนี่ล่ะ

จากเอิ๊กอ๊ากอินเตอร์


๒๕) เทศกาลไหว้เจ้าโลก


พวกเราคงคุ้นตากับรูปภาพเทศกาลอะไรสักอย่างของญี่ปุ่น ที่มีพระเอกคืออวัยวะเพศชาย! ไม่ว่าการแห่ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรือผู้ชายล้วนแล้วแต่ถือองคชาติจำลองไว้ในมือทั้งสิ้น นอกจากนี้ในงานก็มีขายขนมและของกินที่ทำเป็นรูปองคชาติอยู่มากมายด้วยแต่รู้หรือไม่ว่ามันคือเทศกาลอะไร? ถ้าใครอยากรู้ ต้องตาม anngle ไปดูกัน

เทศกาลโฮเน็น (豊年祭) หรือ Penis Festival คือเทศกาลที่จัดขึ้นในทุกๆวันที่ 15 มีนาคมของทุกปีเพื่อความอุดมสมบูรณ์ (ย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ) เป็นเทศกาลที่โด่งดังมากของเมืองโคมากิ จังหวัดไอจิ

ใน หนังสือโคโกะชุย (古語拾遺) นั้นได้กล่าวถึงความโกรธของเทพเจ้าจึงส่งฝูงตั๊กแตนลงมาทำลายพืชผลชาวบ้าน ให้เสียหายผู้คนจึงได้แกะสลักอวัยวะเพศชายถวายให้เทพเจ้าพึงพอใจจนเป็นประเพณีสืบต่อกันมาเรื่อยๆในช่วงฤดูใบไม้ผลิ องคชาติจำลองขนาดใหญ่ (นน. 280 กก. ยาว 2.5 เมตร) ที่ถูกนำมาแห่นั้นทำจากไม้แกะสลักในขบวนแห่ก็จะมีนักบวชชินโตคอยทำพิธีและร้องรำประกอบขบวนไปด้วยโดยจะแห่ไปที่ศาลเจ้าทาก

นอกจากนี้โสเภณีในสมัยเอโดะก็มักจะพกองคชาติจำลองในฐานะเครื่องรางเพื่อให้มี รายได้ดีๆและไม่ติดโรคจากเพศสัมพันธ์ยิ่งไปกว่านั้นคู่รักที่มีปัญหาหรือครอบครัวที่ต้องการบุตรก็จะนำองคชาติศักดิ์สิทธิ์ไปทำความสะอาดแล้วให้ผู้หญิงขึ้นขี่ด้วย!

เทศกาลจะเริ่มที่ศาลเจ้าทากาตะเวลา 10 โมงเช้า บรรยากาศภายในงานจะครึกครื้น ของที่วางขายไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมหรือขนมต่างๆก็จะมีรูปลักษณะเป็นองคชาติ หลังจากนั้นเวลาบ่าย 2 โมงทุกคนจะไปรวมตัวกันที่ศาลเจ้าชินเมเพื่อเริ่มทำพิธี หลังจากนักบวชชินโตทำการสวดและให้พรเสร็จแล้วก็ถึงเวลาแบกองคชาติยักษ์ไปที่ ศาลเจ้าทากาตะ และผู้คนก็จะกลับมาครึกครื้นเฮฮากันอีกครั้งหนึ่ง

เทศกาลโฮเน็นนั้นมีชื่อเสียงมากในหมู่ชาวต่างชาติเลยก็ว่าได้ ในแต่ละปีมีชาวต่างชาติเข้าร่วมพิธีมากมาย คนไทยคนไหนอยากจะลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ต้องเช็ควันเวลาและสถานที่ให้ดีก่อนไป แต่รับรองว่าถ้าไปแล้วจะได้อะไรๆกลับมาอีกเพียบ!

http://anngle.org/th/j-culture/culture/penis-festival.html


๒๖) โจรฝากข้อความ


เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนเว็บไซต์สังคมออนไลน์ชื่อดัง พันทิปดอทคอม (pantip.com) ห้องศาลาประชาคมได้มีผู้ที่ใช้ชื่อว่า "9Bigs" ตั้งกระทู้ "ถึงคุณโจรที่เขียนจดหมายมาหา "โดยทางเจ้าของกระทู้ได้เล่าเรื่องราวว่า เพื่อนได้ถูกคนร้ายล้วงกระเป๋าสตางค์ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีจดหมายสั้นๆ ที่คนร้ายเขียนส่งมาถึงเหยื่อผ่านทางไปรณีย์ ว่า "ขอโทษนะทำไปแล้วรู้สึกไม่ดีเลย ขอโทษจริงๆ นะ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว นอนไม่หลับทั้งคืนเลย"

นอกจากนี้ยังมีจดหมายอีกฉบับระบุว่า "จะคืนกระเป๋าให้ แต่น้ำหนักมันเกินจะส่งEMSไม่ได้ ขอโทษจริงๆ จากใจ" ซึ่งในซองจดหมายพบบัตรสำคัญต่างๆของเหยื่อ ที่ถูกคนร้ายล้วงไป แต่ไม่พบเงินสดจำนวน 2,000 กว่าบาทที่เคยอยู่ในกระเป๋าสตางค์ถูกส่งกลับมาด้วย อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าของกระทู้ดังกล่าวยังได้ฝากข้อความถึงคนร้ายในท้ายของกระทู้ว่า "เอาเป็นว่า ถ้าคุณโจรได้เข้ามาอ่าน เพื่อนเราอโหสิกรรมให้ละนะ เงินที่ได้ก็เอาไว้กินข้าวให้อิ่ม แล้วก็ขอให้อย่าไปทำกับใครแบบนี้อีกตามที่เขียนในจดหมายนะจ้ะ"

ทำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้กล่าวแสดงความชื่นชมในน้ำใจของเจ้าของกระทู้และเพื่อนเป็นอย่างมาก รวมถึงอย่างกล่าวถึงโจรที่ล้วงกระเป๋าไปด้วยว่า ยังดีที่มีความสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป ขณะเดียวกัน ยังมีผู้อ่านกระทู้บางรายนำประสบการณ์ที่ถูกคนร้ายก่อเหตุใน ลักษณะเดียวกันมาแชร์ต่ออย่างกว้างขวางอีกด้วย


๒๗) ปล้นแล้วเรียกตำรวจ

ภาพจำลอง

หลังจากที่ทำการเรียกร้องเอาเงินไปเรียบร้อยโรงเรียนโจรแล้ว โจรปล้นแบงค์รายนี้ยังผุดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาขอให้พนักงานที่ทำหน้าที่รับฝาก-ถอนเงินเรียกตำรวจด้วยซะอย่างนั้น! แล้วบอกว่าจะไปรออยู่ข้างนอกคอกที่กั้นไว้

โจรมาแปลกรายนี้มีชื่อว่า "นายสจ๊วต มาร์ติน" วัย 45 ปี ถูกจับกุมได้ที่หน้าธนาคารเฟิร์สท์ไฟแนนเชียล ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยที่ไม่มีอาวุธติดตัว และไม่ได้มีอาการผิดปกติกับร่างกายและทางจิตแต่อย่างใด ทั้งยังดูมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ครบถ้วนดี ซึ่งผู้หมวดเจสัน คิง เปิดเผยว่านายมาร์ตินได้เดินเข้าไปในธนาคารโดยที่ไม่ได้ขับรถมาเสียด้วยซ้ำ

ทั้งนี้นายมาร์ตินได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมฐานปล้นทรัพย์ และได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำเขตอีรัทห์ แทนการชำระเงินค่าทัณฑ์บนเป็นจำนวน 30,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 1,050,000 บาท)

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการพูดคุยกับนายมาร์ตินถึงสาเหตุที่ได้ก่อเหตุเช่นนี้ และยังคงพยายามที่จะหาสาเหตุว่าทำไมเขาถึงได้บอกให้พนักงานธนาคารคนนั้นแจ้ง กับเจ้าหน้าที่ทางการอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเขาเอาเงินไปเท่าไหร่ "เป็นเรื่องผิดปกติมาก ๆ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลยนะครับเนี่ย" จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบเหตุผลในการปล้นของโจรรายนี้เลย


๒๘) แต่งคราวชรา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม ที่วัดนางสาว ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นายสมพวง จันทร์เจริญ อายุ 82 ปี พร้อมด้วย นางอุดม ค้ามีผล อายุ 70 ปี ได้จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในวันมงคลสมรส ซึ่งทั้งคู่แต่งกายในชุดผ้าไหมเรียบง่าย ท่ามกลางการร่วมแสดงความยินดีของ นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ เลขานุการรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอภิชาต โพธิ์ถนอม สมาชิกอบจ.สมุทรสาคร

นายอรุณ มาพิทักษ์ กำนันตำบลท่าไม้ นายชัชวาล แสงทองศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลท่าไม้ นายชัยวัฒน์ กิตติสุบรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลท่าไม้ ตลอดจนลูกๆหลานๆ ญาติสนิทมิตรสหายและเพื่อนๆในชมรมผู้สูงอายุตำบลท่าไม้

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีเลี้ยงพระแล้ว ทั้งหมดได้กลับไปที่บ่อตกปลาท่าไม้ของผู้ใหญ่ชัยวัฒน์ เพื่อทำพิธีสวมแหวนทองคำหนัก 2 สลึงให้แก่กันและกัน อันเป็นเครื่องแทนใจเพื่อแสดงออกถึงความรัก ความจริงใจและความผูกพันที่มีต่อกัน ซึ่งก็ได้จัดให้มีพิธีแบบเรียบง่ายมีการติดป้ายบนเวทีมีข้อความเขียนไว้ว่า "ขอเป็นเพื่อนใจวัย สว.(สูงวัย)" แต่ไม่มีพิธีแต่งงานหรือรดน้ำสังข์แต่อย่างใดทั้งสิ้น เนื่องจากทั้งคู่อายุมากแล้ว

นายสมพวง เจ้าบ่าวเผยว่ า เคยมีครอบครัวแล้ว แต่ภรรยาได้เสียไปเมื่อราวๆ 2 ปีเศษ มีลูกทั้งหมด 5 คน แต่ละคนต่างก็มีอาชีพที่มั่นคง พอตนเข้ามาเป็นสมาชิกของชมรมผู้สูงอายุตำบลท่าไม้ ก็ได้รู้จักกับนางอุดมซึ่งเป็นสมาชิกเหมือนกัน ก็รู้สึกชื่นชอบในนิสัยใจคอ น้ำใจไมตรีและอัธยาศัยที่ดีของฝ่ายหญิง อีกทั้งยังเป็นหม้าย สามีเสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน ทำให้เกิดตกหลุมรักขึ้นมา และก็พบว่าใจตรงกัน จึงได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับป้าเป็นเวลา 5 เดือนเศษ ก็ตกลงปลงใจที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพื่อเป็นเพื่อนกันในยามแก่ชรา ซึ่งลูกๆ ทั้งสองฝ่ายก็ยินดีที่เห็นพ่อกับแม่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน

"ลุงก็มั่นใจว่าความรักของลุงที่มีต่อป้านั้น มันเต็มหัวใจและมีมากยิ่งกว่าหนุ่มสาวรักกันเสียอีก โดยลุงจะดูแลป้าเขาตลอดไปและดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้"  ขณะที่นางอุดม ฝ่ายเจ้าสาวบอกว่า อดีตสามีได้เสียชีวิตไปเมื่อประมาณ 2 ปีเศษๆ มีลูก 2 คน รู้สึกประทับใจในนิสัยใจคอและความเป็นกันเองของนายสมพวง เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกชอบกันและศึกษากันนานราวๆ 5 เดือนเศษ จึงตกลงปลงใจที่จะมาใช้ชีวิตคู่เพื่อดูแลกันและกัน ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะไปๆมาๆ ระหว่างบ้านทั้งสองหลัง ซึ่งอยู่กันคนละฝั่งแม่น้ำท่าจีน

"ป้าก็จะอยู่เป็นเพื่อนและดูแลลุงให้ดีที่สุดตลอดไปและตลอดชีวิตนี้ของป้า" ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากแหวน 2 สลึงที่มอบให้แก่กันและกันแล้ว นายสมพวงยังมีสินสอดทองหมั้นอื่นๆ ที่เตรียมไว้มอบให้กับนางอุดมอีกหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบที่หนักแน่นจากนายสมพวงว่า "ก็ชีวิตทั้งชีวิตนั่นแหล่ะ"


๒๙) หล่อมีกรรม


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ วันที่ 18 เม.ย.ว่า ทางการซาอุดิอาระเบีย ได้เนรเทศ 3 ชายชาวสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ ออกจากประเทศ โดยอ้างเหตุผลว่า ความหล่อและมีเสน่ห์ของหนุ่มทั้งสามจะทำให้สาวชาวซาอุฯคลั่ง และไม่อาจหักห้ามใจตัวเองตกหลุมรักชายต่างชาติทั้งสาม

รายงานระบุว่า ตำรวจศาสดาของซาอุฯ ได้ควบคุมชายทั้งสาม ซึ่งเป็นตัวแทนด้านแสดงศิลปะของทางการยูเออีร่วมงานเทศกาลด้านมรดกของ วัฒนธรรมของซาอุฯ ที่จัดขึ้นในกรุงริยาด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และส่งตัวให้แก่หน่วยงานสนับสนุนศีลธรรมและการป้องกันการทำสิ่งชั่วร้าย

ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกกฎเคร่งครัดเกี่ยวกับการห้ามมีปฎิสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง ที่ไม่ได้เป็นญาติกัน โดยหน่วยงานนี้ระบุว่า ชายทั้งสามหน้าต่อหล่อเหลาเกินไป และอาจทำให้สาว ๆ ชาวซาอุดิอาระเบียในงานดังกล่าวตกหลุมรักพวกเขาได้

อย่างไรก็ตาม ทางด้านขณะที่สหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนเป็นการแก้เผ็ดบูทจัดแสดงของสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์มากกว่า หลังจากเกิดเหตุมีศิลปินหญิงไม่ทราบนามเข้าร่วมบูทดังกล่าวของสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ โดยศิลปินดังกล่าวอาจเป็นคนที่ทางการซาอุไม่พอใจมากกว่า


๓๐) รักคนผิด


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเม็กซิโกได้จับกุมตัวหญิงรายหนึ่งได้คาที่เกิดเหตุ หลังจากพยายามช่วยนักโทษชายหลบหนีออกจากเรือนจำ โดยการขดตัวอยู่ภายในกระเป๋าเดินทาง

โดยตามรายงานระบุว่า หญิงสาววัยเพียง 19 ปี ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำเมืองเชตูมอล มลรัฐกินตานารู ของเม็กซิโก จับกุมได้อย่างทันควัน ภายหลังจากที่พบพิรุธ ขณะที่กำลังพยายามลากกระเป๋าเดินทางสีดำใบหนึ่ง ออกมาจากการเยี่ยมนักโทษในเรือนจำ ซึ่งหลังจากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่เรือนจำก็พบกับ นายฮวน รามิเรซ ติเฮรีน่า นักโทษชายของเรือนจำ ที่ขดตัวอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางดังกล่าว

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ชายหญิงทั้งคู่เป็นคู่รักกันมานานแล้ว ก่อนที่ฝ่ายชายจะถูกจับกุมเข้าเรือนจำตั้งแต่ปี 2007 ในข้อหามีอาวุธสงครามอยู่ในครอบครองอย่างผิดกฏหมาย โดยถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 20 ปีเต็ม อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว หญิงสาวผู้ก่อเหตุจะได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำกับแฟนหนุ่มสมใจอยาก ขณะที่ด้านแฟนหนุ่มนักโทษของเธอ อาจจะต้องเข้ารับการตัดสินเพิ่มโทษจากเดิม 20 ปี ก็เป็นไปได้

ที่มาhttp://news.sanook.com

ท่านคิดอย่างไรบ้าง โลกนี้ยังมีอีกเยอะที่เราคิดไม่ถึงครับ

-----------------------(๑/๘/๕๗)----------------------------

หมายเลขบันทึก: 573615เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2014 08:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม 2014 08:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

"หมื่น..เดียว..นะ"....แถม..จ่ายคืน..สองพัน..(ดีนะ)...(ถูกกว่า..จดทะเบียน..๕๕๕)..น่าเอาอย่าง...เหอๆ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท