"อย่างนี้ ก็มีด้วย ๑"



                                                อย่างนี้ก็มีด้วยคราบบบบ!


๑. สาวสกอตต์มีเซ็กซ์ทอยติดในช่องคลอด10 ปี 26 กรกฎาคม 2014 8:45 น.


หลายคนชอบใช้เจ้าของเล่นบำเรอกาม หรือที่รู้จักกันในนาม ''เซ็กซ์ทอย'' เป็นอย่างมาก แต่ก็ควรใช้มันอย่างระมัดระวัง เพราะไม่งั้นอาจจะเหมือนหญิงนิรนามชาวสกอตต์คนหนึ่ง ที่ต้องมีชีวิตโดยที่มีสิ่งนั้นติดอยู่ในช่องคลอดมานานถึง 10 ปี! หญิงนิรนามรายดังกล่าวที่มีอายุ 38 ปีนั้น ตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลในเมืองอเบอร์ดีน

หลัง จากที่มีอาการผิดปกติหลายอย่าง อาทิเช่น การเสียน้ำหนักเป็นจำนวนมาก และยังน้ำหนักลดแบบฮวบฮาบจนน่ากลัวด้วย อีกทั้งยังง่วงเป็นประจำ และตัวสั่นบ่อยๆอีกต่างหาก ทันทีที่ถึงโรง หมอ แพทย์ก็จับเธอเอ็กซ์เรย์ทันที และพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบเซ็กซ์ทอยยาว 5 นิ้ว ติดอยู่ในช่องคลอดของเธอ ซึ่งพอสอบถามถึงเรื่องนี้ สาวรายดังกล่าวก็บอกว่า เธอไม่ได้ใช้เซ็กซ์ทอยมามากกว่า 1 ทศวรรษแล้ว

http://www.siamdara.com/ColumnDetail.asp?cid=15824


๒. ทวิตเตอร์ทำพิษ!ชายมะกันโดนไล่ลงจากเครื่องบินหลังบ่นบริการห่วย 27 กรกฎาคม 2014 9:06 น.

หลาย คนใช้อินเตอร์เน็ตกันแบบไม่ระวังมากเกินไป จนทำให้ได้รับผลร้ายตามมา ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อชายรายหนึ่ง และลูกของเขา โดนไล่ลงจากเครื่องบิน หลังไปทวีตถึงบริการที่แย่สุดๆ ดัฟฟ์ วัตสัน มีปากเสียงอย่างหนักกับเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เซาธ์เวสต์ แอร์ไลน์ส หลังจากที่ลูกชายของเขาไม่มีสิทธิ์ได้ขึ้นเครื่องบินก่อนชาวบ้านชาวช่อง

ระหว่างอยู่ที่เมืองเดนเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ใน ช่วงที่นั่งรอจนกว่าจะได้ขึ้นเครื่องนั้น วัตสัน ก็เข้าไปที่ ทวิตเตอร์ ทันที พร้อมทวีตถึงบริการที่แย่ๆ ก่อนจะได้ขึ้นนกเหล็ก ซึ่งโชคไม่ดีซะเลยที่สายการบินพบเข้า จนเข้าไปขอให้เขาลบมัน เพราะมันเหมือนเป็นการว่าร้ายกันเกินไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยอมลบแต่โดยดี จนทำให้เขาโดนไล่ลงจากเครื่องบิน ซึ่งถึงแม้ทางสายการบินจะขอโทษเขาในภายหลัง และให้บัตรกำนัลมูลค่า 50 เหรียญสหรัฐฯกับลูกๆ วัตสัน ก็ประกาศว่าจะไม่ใช้สายการบินนี้อีกแล้ว

http://www.siamdara.com/ColumnDetail.asp?cid=15825


๓. มีงี้ด้วย!สาวจีนซื้ออัลปาก้ามาอารักขาร้าน29 กรกฎาคม 2014 9:40 น.


การ จะทำให้สถานที่มีความปลอดภัย มันก็จำเป็นต้องมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ดี แต่ร้านค้าแห่งหนึ่งที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ใช้การ์ดหน้าดุมาคอย อารักขา เพราะสิ่งที่เขาเอามาประจำหน้าร้านกลับเป็นเจ้าอัลปาก้าหน้าตาน่ารัก! หวัง หญิงรายหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านค้าในแดนมังกร ได้พบเจอกับสัตว์ชนิดนี้ผ่านทางรายการโทรทัศน์เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเธอก็ตกหลุมรักมันทันที ก่อนจะท่องไปตามโลกอินเตอร์เน็ตจนพบกับอัลปาก้าตัวหนึ่งที่มีลวดลายคล้ายกับ แพนด้า สัตว์สัญลักษณ์ของจีน หวัง ไม่รอช้า รีบซื้อมันมาไว้ในครอบครองทันที ก่อนจะเอามันมาประจำการที่หน้าร้านของเธอ จนทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแปลกใจกันสุดๆ โดยเธอบอกว่า "มีหลายคนที่มาออกันที่หน้าร้าน แล้วถ่ายรูปกับเธอ แต่พวกเขาคิดว่าเธอเป็นสุนัขพันธุ์ใหม่กันซะหมด"

http://www.siamdara.com/ColumnDetail.asp?cid=15829


๔. พ่อมีอาการทางจิต! ขังลูกสาว 2 คนในห้อง 2 ปีไม่ได้อาบน้ำ พม.ชลบุรีรุดช่วยเหลือ วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557เวลา 17:23 น. ข่าวสดออนไลน์


เมื่อ เวลา 10.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า นางจันจิรา ไทยบัณฑิตย์ นักสังคมสงเคราะห์และพิทักษ์คุ้มครองสิทธิ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง เข้าตรวจสอบบ้าน ในพื้นที่ ตำบลหนองไผ่แก้ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เมื่อเข้าไปในห้องนอนก็พบ นายเอก (นามสมมติ) อายุ 40 ปี พร้อมลูกสาวอีก 2 คน วัย 19 ปี และ 5 ปี โดยในห้องมีกลิ่นเหม็นไปทั่ว ขณะที่นายเอก เมื่อเจอเจ้าหน้าที่ ก็มีท่าทางตกใจกลัวอย่างมาก จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าปลอบว่าไม่ได้มาทำร้าย ก่อนจะนำทั้งสามออกมาจากห้องนอน

นางแช่ม (นามสมมติ) อายุ 74 ปี มารดาของนายเอก เล่าว่า ตนยึดอาชีพร้อยพวงมาลัยกับลูกสาวอีกคน มีรายได้พอประทังชีวิต ส่วนนายเอก เดิมมีอาชีพทำงานในโรงงาน แต่เมื่อประมาณเกือบ 2 ปีก่อน นายเอกเกิดอาการทางจิต กลัวคนจะมาทำร้าย จึงเอาลูกสาวทั้งสองคนไปอยู่กันในห้องนอน โดยไม่ยอมออกมาจากห้องอีกเลย ไม่ว่าจะกินข้าวหรือขับถ่ายก็จะทำในห้อง ตนได้แต่คอยส่งข้าวกับน้ำให้เท่านั้น


ด้านนางจันจิรา นักสังคมสงเคราะห์และพิทักษ์คุ้มครองสิทธิ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.)ชลบุรี เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะต้องนำตัวนายวิโรจน์ไปเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ส่วนเด็กทั้งสองคนก็ต้องนำไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมาไม่เคยอาบน้ำเลย หลังจากนั้นจะต้องนำไปที่สถานสงเคราะห์เด็ก บางละมุง เพื่อเยียวยาจิตใจต่อไป


โดยการเข้าช่วยเหลือในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเพื่อนบ้านที่ทนเห็นสภาพเด็กสาวทั้งสองคนอยู่ในลักษณะดังกล่าว ไม่ไหว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาทำการช่วยเหลือครั้งนี้

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qY3hOVGc1TlE9PQ==&subcatid=


๕. เตือนหนุ่มเขมรอ้าง พุทธเจ้า คนไทยแห่ไปไหว้ ลวงเป็น"พระศรีอารย์" ภาพว่อนโลกออนไลน์ แต่งกายนุ่งขาวห่มขาว อยู่ที่วัดใกล้"พนมเปญ" กอ.รมน.ระบุต้มตุ๋น! วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557เวลา 08:43 น. ข่าวสดออนไลน์


กอ.รม น.สระแก้ว แจ้งเตือนคนไทยอย่าหลงเชื่อรูปหนุ่มกัมพูชานุ่งขาว ทำท่าเลียนแบบอิริยาบถพระพุทธเจ้าในภาพเขียนพุทธประวัติ พร้อมแอบอ้างตัวกลับชาติมาเกิดเป็นพระศรีอารยเมตไตรย หลังมีภาพแชร์ว่อนในโลกออนไลน์ และมีคนพากันหลงเชื่อเดินทางเข้าเขมรไปทำบุญ-ทำ คุณไสยจำนวนมาก เผยจากการสอบถามไปยังกัมพูชาพบว่ามีตัวตนอยู่จริงที่จังหวัดก็อนดาล แต่หลังจากมีรูปว่อนเน็ตเจ้าตัวถูกกดดันหนีเผ่นหลบออกไปจากวัดแล้ว

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พ.อ.เลอพงษ์ ศิริวัฒน์ รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้รับแจ้งจากคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา ส่งภาพผ่านโปรแกรมแช็ตไลน์จำนวน 2 ภาพ เป็นภาพถ่ายบุคคลแต่งกายและทำท่าทางเลียนแบบพระพุทธเจ้า ภาพแรกเป็นรูปถ่ายผู้ชายนุ่งห่มชุดขาวใน อริยาบถนั่ง คล้ายพระปางสะดุ้งมารอยู่บนดอกบัว ที่ศีรษะมีรัศมีเปล่งประกายออกมา ที่หน้าอกซ้ายมีคล้ายสัญลักษณ์อะไรบางอย่างติดอยู่ มีเหล่าเทวดา นางฟ้าโปรยดอกไม้อยู่มุมข้างบนทั้งสองข้าง พื้นหลังเป็นท้องฟ้า ด้านล่างใต้ฐานรองนั่งดอกบัวมี ตัวอักษรเป็นอักษรขอม


พ.อ.เลอ พงษ์ ระบุต่อว่า ส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นภาพผู้ชายคนเดิมในท่านอนชันมือบนหมอน และอยู่ภายในดอกบัวคล้ายกับภาพพระพุทธเจ้าขณะกำลังเข้าสู่ปรินิพพาน โดยมีพราหมณ์และเทวดาหลายคนกำลังแสดงท่าทางเศร้าโศกเสียใจอยู่ด้านล่าง พร้อมกับมีตัวหนังสือภาษาเขมรอยู่ด้านบนทั้งสองข้างและด้านล่างทั้งสองภาพ ถูกใส่กรอบขนาดใหญ่ไว้

รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดสระแก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่าทั้งสองภาพ คนไทยในกัมพูชาส่งมาให้ช่วยเตือนคนไทยด้วยกันว่าอย่าให้หลงเชื่อ เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอวดอ้างว่าตัวเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด มีพระสงฆ์และชาวบ้านจำนวนมากพากันหลงเชื่อพากันไปกราบไหว้

ภาย ในวัดยังมีภาพวาดของบุคคลดังกล่าวอยู่ในท่าทางต่างๆ ที่เลียนแบบกับภาพเขียนของพระพุทธเจ้า ทั้งนี้บุคคลดังกล่าวยังอาศัยอยู่ในวัด และทำพิธีไสยศาสตร์ อีกทั้งยังบริหารจัดการวัดด้วยตัวเอง มีคนไทยจำนวนมากที่หลงเชื่อว่าบุคคลนี้เป็นผู้วิเศษหรือเป็นพระพุทธเจ้ากลับ ชาติมาเกิด เดินทางไปหาและทำบุญ จึงขอแจ้งเตือนให้คนไทยได้ทราบและอย่าหลงเชื่อในปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่อวดอ้าง ซึ่งอาจทำให้ถูกหลอกให้เสียทรัพย์สินได้

ผู้ สื่อข่าวสอบถาม ไปยังผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ประเทศกัมพูชา ที่อ.อรัญ ประเทศ เปิดเผยว่า ตัวหนังสือที่พิมพ์ลงบนภาพทั้งสองเขียนเหมือนกัน แปลความหมายได้ว่า "พระครูธรรมาจารย์เธียน วุฑฒี เป็นพระพุทธ พระบิดา พระศรีอารยเมตไตรย วัดตวลราชา" ซึ่งบุคคลผู้นี้ชื่อว่านายเธียน วุฑฒี อายุ 65 ปี เป็นหลานนักการเมืองที่มีตำแหน่งในรัฐบาลกัมพูชา

ด้วย ความศรัทธาของประชาชน พระสงฆ์ รวมทั้งผู้นำประเทศกัมพูชา ก็เคยเดินทางมาหาเขาที่วัดตวลราชา ในจังหวัดก็อนดาล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญ ไปประมาณ 50 ก.ม. จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าบุคคลในภาพทั้งสองเป็นคนคนเดียวกับที่เคย เป็น ข่าวในสังคมออนไลน์มาก่อนหน้านี้ และจากกระแสความแรงของเฟซบุ๊กในประเทศกัมพูชา ทำให้ในที่สุดนายเธียน ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด ทนแรงกดดันไม่ไหว ได้เผ่นหนีออกจากวัดไปแล้ว


ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัด โคกสะแบง ม.4 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นวัดที่ชาวกัมพูชาให้ความเลื่อมใสศรัทธากันมาก ทุกวันพระชาวกัมพูชาจะข้ามมาทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมาก โดยเข้าไปสอบถามพระครูสุมนธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดโคกสะแบง ถึงกรณีที่เกิดขึ้น


พระ ครูสุมนธรรมคุณกล่าวว่า การอวดอ้างว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดนั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกว่าที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้ ต้องบำเพ็ญเพียรมาตั้ง 500 ชาติ และพระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานไปนานแล้ว ขอให้พุทธบริษัท ใช้ปัญญาพิจารณาว่าควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ ผู้สื่อข่าวถาม ว่าชาวกัมพูชาที่อยู่ตามชายแดนเชื่อหรือไม่เกี่ยวกับมีบุคคลมาแอบอ้าง ท่านพระครูกล่าวว่าชาวบ้านที่นี่ไม่มีใครเชื่อถือนายเธียนที่แอบอ้างแต่ อย่างใด

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qYzNNVEF5TWc9PQ==&sectionid=


๖. เสาข้าใครอย่าแตะ!เรื่อง(ไม่)เล็กสะท้อนระเบียบสังคม 23 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:44 น.


"บิ๊บๆๆๆๆๆ...."เสียงดังเป็นสัญญาณว่าประตูรถไฟฟ้ากำลังจะปิดและเคลื่อนออก ไปจากสถานีคุณเร่งฝีเท้า.... ก้าวเข้ามาในรถทันก่อนที่ประตูจะปิดลง เสียงประตูล็อกรถเริ่มเคลื่อนออกแรงกระตุกเบาๆทำให้คุณมองหาที่จับยึดเพื่อ ไม่ให้เซจนล้มคุณมองไปที่เสาราวจับกลางรถเบื้องหน้าหวังจะใช้มือจับไว้ ระหว่างที่รถวิ่งแต่อนิจจาเสานั้นถูกใครคนหนึ่งกอดรัดยึดครองอยู่ประดุจพก เสาแท่งนี้มาเองจากบ้าน

นอก จากเรื่องการแทรกคิวเพื่อแย่งขึ้นรถแล้วพฤติกรรมโดยสารรถไฟฟ้าอีกพฤติกรรม หนึ่งที่ชาวเครือข่ายสังคมออนไลน์ร่วมรณรงค์ต่อต้านกันมาอย่างต่อเนื่องจน ถึงขั้นเปิดเพจเฟซบุ๊กถ่ายภาพมาประจานให้เห็นกันจะๆ ก็คือ.พฤติกรรมการยึดครอง "เสาราวจับ"บน รถไฟฟ้า ที่มีผู้โดยสารหลายคนมักจะเข้ายึดเสานั้นไว้ใช้ส่วนตัวเพียงลำพังด้วยการพิง ,กอดราวกับเป็นสิ่งของส่วนตัวโดยไม่แคร์สายตาคนอื่นที่พยายามยืนทรงตัว ระหว่างรถวิ่งโดยไม่ให้ล้มเพราะไร้ที่จับ เสาข้าใครอย่าแตะ!เรื่อง(ไม่)เล็กสะท้อนระเบียบสังคม

ทำอะไรตามใจคือไทยแท้

ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข อาจารย์ภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าเรื่อง"เสา"บนรถไฟฟ้าเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่สะท้อนรากเหง้าของคนไทย คือช้าๆ ง่ายๆ หยวนๆ ได้หมดทุกอย่างเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจนทำให้คนไทยไม่มีระเบียบวินัยเพราะเรา มองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ยอมกันได้

จน กลายเป็นความเคยชินทำให้หลายคนกล้าที่จะละเมิดในสิทธิของคนอื่นโดยไม่ทันรู้ ตัวเมื่อเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความสะดวกสบาย แต่ความคิดและความประพฤติยังขัดกันอยู่ ทำให้เกิดพฤติกรรมละเมิดสิทธิคนอื่นในสังคมสารพัดดร.ปนัดดา ยกตัวอย่างว่า รถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบรางสาธารณะสมัยใหม่โดยอาจจะเกิดขึ้นจาก คนไทยมีการปรับตัวแล้ว จากการเลียนแบบชาติพัฒนาแล้ว

อาจารย์ ภาควิชาจิตวิทยาย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องปรับปรุงความคิดจิตสาธารณะ อย่างจริงๆจังๆเสียที "อาจารย์เองยอมรับว่ายังเคยทำพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกัน มันเป็นความเคยชินเราเหนื่อย ของเยอะ อะไรก็แล้วแต่ที่เราจะหามาอ้างแต่เมื่อเราเก็บเอามาทบทวนเราจะเห็นว่าจริง ด้วยมันเป็นพฤติกรรมที่แย่มากๆเราได้ละเมิดสิทธิของคนอื่นไปแล้ว....

คน ไทยต้องรับการปรับปรุงอย่างจริงจังเพราะเราไม่ค่อยมีสำนึกต่อส่วนรวม เพราะเราชอบช่างเถอะ เอาน่า นิดหน่อยเองไหนจะเรื่องไม่เดินข้ามทางม้าลาย สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบหรือแม้แต่การใช้รถใช้ถนนก็ยังขับแซงซ้ายแซงขวาก็มี ให้เห็นกันมาตั้งนานการพัฒนาเรื่องส่วนรวมในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้อง ทำแค่ตอนขึ้นเครื่องบิน หรือนั่งรถไฟฟ้าเท่านั้นนะคะ ต่อให้คุณขึ้นรถเมล์สาย8 ถึงมันจะแย่มากๆ คุณก็ไม่มีสิทธิไปแซงคนอื่นขึ้นรถเหมือนกัน"....

"สังคม ออนไลน์" กลไกกระตุ้นความเปลี่ยนแปลงดร.ปนัดดามองว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการสะท้อนพฤติกรรมทางสังคม เหล่านี้ออกมาอย่างรวดเร็วและเมื่อเกิดการตีแผ่คนได้เรียนรู้ด้วยตัวเองก็ อาจจะทำให้คนเห็นความสำคัญของการใช้ของส่วนรวมมากขึ้น

"เทคโนโลยี ด้านการสื่อสารอย่าง เฟชบุ๊ก สื่อออนไลน์เรามีพวกนี้เป็นตัวประจาน เป็นกลไกลหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่ก่อนอะไรๆ ก็ดูเป็นเรื่องส่วนตัวไปหมดแต่ตอนนี้เป็นกลายเป็นเรื่องสาธารณะไปแล้วบางที เราทำผิดเราโดนถ่ายรูป ถ่ายวิดิโอ โดยที่เราก็ไม่รู้ตัวดังนั้นเราต้องมองและหันหลังมาทบทวน ไม่งั้นประเทศเราจะย่ำอยู่กับที่

เยอรมัน ญี่ปุ่นประเทศที่พัฒนาแล้วเขามีสิทธิเสรีสูงก็จริงแต่เขาเคยไม่หยวน หรือละเลยต่อคนที่เห็นแก่ตัว เขาใส่ใจมัน ประณามเหยียดหยาม หากพบเห็นคนทำผิด เขาเริ่มกันตั้งแต่เด็กๆเราคงเคยเห็นที่ฝรั่งเขาโวยวายไม่ยอมนั่นนี่แต่เรา กลับมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ"

ดร.อาณัติ อาภาภิรมประธาน คณะกรรมการฝ่ายจัดการ รถไฟฟ้าบีทีเอส บอกว่ารถไฟฟ้าบีทีเอสเห็นถึงความไม่สะดวกของผู้โดยสารที่มีจำนวนมากซึ่งบาง คนไม่สามารถเข้าถึงราวจับได้ในรถคันใหม่ทุกขบวนจึงปรับให้มีราวที่เพิ่มแขนง เพื่อความสะดวกของผู้โดยสารที่มากขึ้น

"เรา เล็งเห็นถึงปัญหาผู้โดยสารยืนพิงเสา จึงปรับให้เป็นแบบ3 ง่ามก็คงจะพิงกันยากขึ้น ยอมรับว่าในแบบเก่าอาจจะไม่อำนวยความสะดวกมากนักเพราะผู้โดยสารเยอะ บางคนเข้าไม่ถึงที่ผ่านมาไม่ได้มีการรณรงค์เรื่องการพิงเสาแต่เน้นเรื่องการ ยืนพิงประตูมากกว่า

เพราะ มันอันตรายมากหลายคนชอบพิงประตู เช่นเดียวกับเรื่องการจับราวบันไดคือเน้นเรื่องอันตรายเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนที่ประกาศก็จะเป็นกรณีที่ผู้โดยสารยืนขวางประตูห้ามรับประทานอาหารในรถ ประกาศสถานีต่อไปคืออะไรแค่นี้ผู้โดยสารก็จะบ่นรำคาญแล้ว ในเรื่องมารยาทบนเช่นเรื่องยืนพิงเสาเรารับทราบนะครับ หากมันมากขึ้นเรื่อยๆเราคงต้องหารือกันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อ"...

"เสา นี้ไม่ว่าง เสาหน้านะน้อง"เพจเฟซบุ๊กกระแทกใจคนนั่งรถไฟฟ้าที่มีคนกดไลค์เพจร่วมแสนคง เป็นหลักฐานที่ดีว่า ไม่ว่าจะมีราวจับกี่ง่าม "ฉันก็ยังพิงได้อยู่ดี"แฟนเพจจำนวนมากต่างร่วมถ่ายภาพมาโพสต์แฉเพื่อนร่วม ทางที่เห็นแก่ตัวกันอย่างสนุก

"ทุก รูปแบบการพิง การแนบ เรามองว่ามันคือศิลปะ!!!"คือนิยามที่ทางเพจต้องการเสนอแต่ภาพที่ฟ้องมันชัด ว่าคนที่เบียดเบียนผู้อื่นในที่สาธารณะนอกจากไม่มีศิลปะแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ส่วนรวมด้วย และบรรทัดต่อจากนี้คือตัวอย่างความคิดเห็นที่แฟนเพจ "เสานี้ไม่ว่างเสาหน้านะน้อง" พูดถึงภาพการยึดครองเสาของเพื่อนร่วมทางในอริยาบทต่างๆรวมทั้งการทำผิด ระเบียบอื่นๆ เช่นรับประทานอาหาร น้ำดื่ม

"เรา ว่า เรื่องนี้มันเป็นจิตสำนึกส่วนรวมนะ แต่ก่อนอื่นบอกเค้าก็ดีนะคะ ว่าขอโทษนะคะ ขอจับเสาหน่อยค่ะ คนเยอะมาก (ทำเสียงดังๆนะ)เราทำประจำ เค้าก็ขยับแบบหน้าม้านๆ เอาความไม่พอใจกลบความอายแล้วเราคิดว่าเค้าจะจำไปจนตาย......เพราะการอับอาย ในที่สาธารณะมันจะช่วยดัดสันดานคนอะ"

"เมื่อ วานก็พึ่งจะเจอมา ผู้หญิงใส่ชุดข้าราชการสีกากีขนาดเอานิ้วมือดันหลังนางยังทำเฉย คือประมาณว่ากรุจะพิง เมิงจะทำไมอะไรประมาณนี้ เบื่อกับมนุษย์ป้าพวกนี้จริงๆ" "ผมเคยยืนจับเสา แล้วมีผู้หญิงมาพิงเสาแล้วก้นที่เธอพิงมาโดนมือผม จากนั้น เธอหันมามองหน้าประมาณว่าผมโรคจิตมากกก แม่งซวยมาก

"รบ กวนอัพเดทการปฏิบัติตัวในการขึ้นรถไฟหรือรถอะไรก็ได้ของสาธารณะด่วนค่ะ เค้าบอกห้ามพิง พี่เล่นเป็นหมีโคอาล่าเลยสะกดคำว่า ม-า-ร-ย-า-ท ไม่เป็นสินะ" "เรื่องเครื่องดื่มนี่ ถ้าดื่มแล้วหกใส่คนอื่นก็เดือดร้อนค่ะเคยเจอมาแล้ว ผู้ชายต่างชาติ เดาจากภาษาน่าจะจีน กินโค้กแบบขวดในบีทีเอสพอรถเบรก โค้กมันพุ่งออกจากขวด โดนหนูซึ่งใส่ชุดนักเรียน เสื้อเป็นสีขาวแถมไม่ขอโทษด้วยค่ะ

ดัง นั้นถ้าถามว่าทำใครเดือดร้อนมั้ย บอกได้เลยว่าทำต่อให้เป็นน้ำเปล่า แต่ถ้าหก มันก็เปียก ไม่มีใครรู้ว่ามันจะหกหรือไม่หกกฎเค้าก็ทั้งเขียนทั้งประกาศเสียงไว้"

http://www.posttoday.com 23/7/57


๗) หนุ่มไต้หวันฟ้องอย่าเมียฐานติดมือถือ ไม่ดูแลลูกแม้ลูกป่วย


เว็บไซต์ ข่าวต่างประเทศ รายงานว่าหนุ่มรายหนึ่งในประเทศไต้หวันฟ้องหย่าภรรยาฐานที่เธอติดเล่นมือถือ สมาร์ทโฟน จนละเลยการทำงานบ้านและดูแลลูกของเธอหนุ่มรายนี้กล่าวว่า..เขาทนไม่ไหวกับ พฤติกรรมของภรรยาที่มัวแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนทั้งวัน จนละเลยงานบ้านต่างๆ แม้กระทั่งเมื่อตอนที่ลูกป่วยเธอก็ลืมให้ยาลูก และลืมพาลูกไปฉีดวัคซีนตามกำหนดโดยที่แย่กว่านั้นคือลืมซักเสื้อผ้าของลูกๆ จนมีเชื้อราขึ้นบนเสื้อผ้าเหล่านั้น

หนุ่ม รายนี้เล่าให้ฟังต่อว่า เมื่อใดที่เขาพยายามบอกให้เธอทำงาน นอกจากเธอจะไม่สนใจแล้ว เธอยังกลับหันมาต่อว่าเขาด้วยอย่างไรก็ตาม ทางด้านภรรยาผู้ถูกฟ้องหย่ากลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ที่มาhttp://shanghaiist.com/2014/07/29/taiwan-smartphone-addiction divorce.php&usg=ALkJrhi6WY8KhJqfgenksY_LxaqIxwNdrQ


๘) เผยคลิปสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์


ช็อค ล้มทั้งยืนหลังได้พบเจ้าของที่ไม่ได้เจอกันมานานเป็นอีกคลิปวิดีโอที่ได้รับ ความสนใจทั้งชาวเน็ตในประเทศไทยและต่างประเทศเมื่อเจ้าสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์ แสนรู้ดีใจอย่างสุดขีดหลังได้พบเจ้าของอีกครั้งก่อนเกิดอาการช็อกจนสลบไป ชั่วขณะคลิปดังกล่าวเผยให้เห็นภาพสุนัขได้พบเจ้าของหลังจากไม่ได้เจอกันนาน โดยความพิเศษของเจ้าชเนาว์เซอร์ตัวนี้คือความน่ารักที่ส่งเสียงอ้อนตลอดเวลา เพราะคงคิดถึงเจ้าของทั้งสองมากสุดๆ

ก่อน จะเกิดอาการล้มทั้งยืนแน่นิ่งไปชั่วขณะโดยคลิปดังกล่าวได้ถูกโพสต์ขึ้นยุทู ปเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาและมียอดผู้ชมแล้วกว่า 26 ล้านครั้งข้อมูลในเว็บไซต์ www.dogandpuppystory.com ได้แนะนำวิธีปฐมพยาบาลสุนัขที่เกิดอาการช็อคว่า ให้แก้ปัญหาต้นเหตุของการช็อค เช่นเสียเลือดก็ต้องห้ามเลือด ช่วยการไหลเวียนของโลหิต เช่นจับทำให้สุนัขนอนหัวต่ำกว่าลำตัว เลือดจะสามารถไปเลี้ยงได้ดีขึ้นพร้อมทั้งนวดเฟ้นส่วนปลายขา ข้อเท้า

ถ้า พบว่าสุนัขอยู่ในอาการเหงือกซีด ตัวเย็นก็ให้จัดหาผ้าห่มมาห่มให้เกิดความอบอุ่น หากสุนัขยังพอรู้ตัวบ้างอาจป้อนน้ำที่ผสมน้ำตาลหรือกลูโคสให้กินทีละน้อย เพื่อเป็นการให้พลังงานเฉพาะหน้า จากนั้นรีบนำส่งหมอ

ที่มา : http://youtu.be/rp03AorAWLY


๙) บ้านมนุษย์หิน


แม้เทคโนโลยีทุกวันนี้จะก้าวไกลเจริญสุดกู่แค่ไหน แต่ก็ยังมีมนุษย์บางคนพอใจใช้ชีวิตแบบดึกดำบรรพ์เหมือนกับเจ้าของ "บ้านหิน" แปลกประหลาด ที่ตั้งโด่อยู่บนภูเขาในเมืองฟาฟเฟ แดนโปรตุเกสตัวบ้านทำจากหินล้วนๆ แล้วต่อเติมประตู หน้าต่าง หลังคา เข้าไปนิดหน่อยให้พออยู่ได้สื่อพากันขนานนามว่าเป็น "บ้านมนุษย์หินฟลินต์สโตน" เพราะดูตัวบ้านแล้วราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูนเรื่องนี้จั๊ดๆ! : เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์


๑๐) ฮือฮาแอปเปิ้ลฝั่งละสี แดง-เขียวในลูกเดียว


แอปเปิ้ล 2 สีที่อังกฤษเมื่อ 24 ก.ย. เดลี่เมล์ รายงานข่าวแปลกพิสดารในอังกฤษ เมื่อพบแอปเปิ้ล 2 สี คือสีเขียวและสีแดง ในลูกเดียว โดยแบ่งข้างละสี ตรงกึ่งกลางลูกพอดิบพอดี

แอปเปิ้ล ลูกดังกล่าว พันธุ์โกลเด้น ดีลิเชียส เป็นของนายเคน มอร์ริช ชาวอังกฤษ ที่พบในสวนของตนเอง ทีแรกนึกว่ามีใครมือบอนไปทาสีแดงอยู่ครึ่งลูก แต่เมื่อหยิบมาดูใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่า เป็นสีจริงตามธรรมชาติ ขณะที่เพื่อนบ้านบอกเรื่องแปลกนี้ต่อๆ กันไป จนคนในหมู่บ้านแห่มาดู และถึงกับเข้าคิวขอถ่ายรูป

ด้าน ผู้วชาญด้านการเพาะปลูก กล่าวว่า โอกาสที่จะมีแอปเปิ้ลที่สีแบ่งครึ่งพอดีได้แบบลูกนี้เป็นไปได้เพียง “หนึ่งในล้าน” เท่านั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของยีน นาย มอร์ริช อายุ 72 ปี ซึ่งเคยเป็นช่างทาสีและช่างตกแต่งแต่ตอนนี้เกษียณแล้ว อาศัยอยู่ในเมืองโคเลตัน ราลีห์ แคว้นเดวอน กล่าวว่า จะเก็บแอปเปิ้ลลูกนี้ไว้ ไม่กิน


๑๑) แก้วสยอง


แก้วสยองใกล้เดือนแห่งเทศกาลวันปล่อยผี "ฮัลโลวีน" ตุลาคมนี้เข้ามาทุกขณะ บริษัทออกแบบขี้เล่น "เมกาวิงก์" ในแดนปลาดิบ เลยส่ง "แก้วน้ำ" เขย่าขวัญชวน แหวะมาวางตลาด ตรงขอบแก้วปั้นเป็นรูปทรงเหมือน "ฟัน" จากซากศพเรียงเป็นซี่ห่างๆ ดูแล้วน่าขนลุกขนพองสุดๆ ขายผ่านเว็บญี่ปุ่น mollaspace.com ราคาใบละ 840 บาท เหมาะใช้เป็นแก้วประจำตัวคนไม่กลัวผี...กุ๊กๆ กู๋! เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์ ที่มา นสพ.ข่าวสด


๑๒) รักษาผิวหนัง มนุษย์ปะการัง ได้แล้ว


มนุษย์ปะการังเด อะมิเรอร์รายงานวันที่ 23 ก.ย. เปิดตัวหนุ่มจีน ชื่อนายหลิน เถียนจวน อายุ 38 ปี มีฉายาว่า "มนุษย์ปะการัง" จากอาการผิดปกติทางผิวหนัง คล้ายกับนายเดเด ชาวอินโดนีเซียที่มีฉายาว่า "มนุษย์ต้นไม้" แต่ตอนนี้นายหลินรักษาหายแล้ว กลับไปใช้ชีวิตที่เมืองชุ่ยเหมิน ทางใต้ของจีน

โดย นายหลินเล่าว่า เมื่อตอนอายุ 13 ปี เห็นผิวหนังเป็นตุ่มที่ขาและแขนก่อน จากนั้นก็เริ่มหนาเป็นทรงรูปหอย และขยายลามไปทั่วแขนและขา อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนงอแขนงอขาไม่ได้ เวลาจะออกจากบ้านต้องใช้ผ้าห่มคลุมทั่วตัว เพราะชาวบ้านเห็นเข้าก็หวีดร้อง

ดร.หลิว หยิงหง รองประธานโรงพยาบาลป้องกันโรคผิวหนังฟุโจว ผู้รักษา กล่าวว่า ตกตะลึงกันมากตอนเห็นคนไข้ครั้งแรก แต่เมื่อบำบัดรักษานาน 1 ปี นายหลินหายจากอาการดังกล่าว


๑๓) ทดสอบเซ็กซ์ทอย



คุณรู้ไหมว่า ก่อนที่บรรดาของเล่นสุดสยิวจะออกมาวางขายตามเซ็กซ์ช็อปได้นั้น ก็จะต้องผ่านการทดสอบจากเหล่าบรรดา sex toy tester เสียก่อน ซึ่งว่ากันว่าธุรกิจนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และค่าตอบแทนสำหรับสาวๆ ที่ทำอาชีพนี้นั้นก็เลิศหรูเอาการ แว่วมาว่าได้เฉลี่ยปีละล้านกว่าบาทเลยทีเดียว!!! ส่วนหน้าที่ของพวกเธอน่ะเหรอ

ก็ แค่ทดลองว่าของเล่นจำพวกไวเบรเตอร์หรือแม้แต่ดิลโด้นั้นมันเจ๋งจริงและ เสียวจริงหรือไม่ก็เท่านั้น งานเสียวสบายจ่ายงามแบบนี้มีเฉพาะสำหรับสาวๆ ส่วนผู้ชายอย่างเราส่วนใหญ่มีแต่แบบอาสาสมัคร ทางร้านส่งสินค้าตัวอย่างมาให้ลองใช้เพื่อแลกกับการเขียนรีวิว (เช่นที่ lovehoney.co.uk) ใครลองแล้วเวิร์กก็อย่าลืมเขียนมาเล่าให้ฟังด้วยละกัน!


๑๔) ชิมอาหารสัตว์


Simon Allison คือนักชิมอาหารสัตว์ (Pet Food Tester) ที่ยึดอาชีพนี้เป็นจริงจังมาหลายปี ชายชาวอังกฤษผู้นี้ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น Senior Food Technologist ของบริษัท Marks & Spencer เขามีหน้าที่รับผิดชอบด้านอาหารสัตว์โดยเฉพาะ แต่ก่อนจะมาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ขนาดนี้ เขาต้องผ่านการเทรนเพื่อให้เพดานปากและลิ้นรับสัมผัสจากอาหารทุกคำที่ชิม

จน สามารถประเมินออกมาเป็นรายงานได้ว่า เมนูไหนที่ออกจากห้องทดลองแล้วจะถูกปากน้องหมาน้องแมวได้ นอกจากนี้ยังต้องแยกแยะให้ออกว่ามันมีส่วนประกอบที่จะทำให้เจ้าสัตว์เลี้ยง พวกนี้ร้องยี้ด้วยหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีอาชีพเป็นนักชิม แต่เขาก็จะแต่เคี้ยว ลิ้มรส แล้วคายทิ้ง ไม่กลืนมันลงท้องไปด้วย... ไม่ใช่เพราะมันไม่อร่อยหรอกนะ แต่เพราะถ้ากลืนทุกคำที่เคี้ยวก็มีหวังอ้วนพุงปลิ้นกันพอดี!


๑๕) บริษัทรับจ้างโกยขี้หมา


ถ้าคุณเคยประสบปัญหาการเดินเหยียบขี้หมาจนทำให้ต้องยกเลิกนัดดินเนอร์กับสาว สวยอย่างกะทันหัน ปัญหาง่อยๆแบบนี้จะหมดไปถ้าคุณได้รู้จักกับ The Dog Butler บริษัทรับจ้างโกยขี้หมาที่บริหารงานโดย ริชาร์ด สก็อตต์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซีแอตเติล สหรัฐอเมริกา

เขา เริ่มธุรกิจจากการถูกเพื่อนบ้านวานให้โกยขี้หมาที่โดนปล่อยในสนามหญ้าหน้า บ้านไปทิ้งจนเห็นว่าพอจะเป็นช่องทางทำกินได้แค่ลูกค้าโทรเข้ามาก็พร้อมจะส่ง พนักงานมืออาชีพไปจัดการให้ทันทีซึ่งโดยทั่วไปคิดราคาเหมาสัปดาห์ละ 5 ดอลลาร์/หมา 1 ตัว (ราว 150 บาท

ตัว ต่อไปเพิ่มตัวละ 2 ดอลลาร์ หรือราว 60 บาท)แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวซึ่งดินฟ้าอากาศไม่อำนวยและทำให้ขี้หมามีน้ำหนักพิ่ม ขึ้นก็จะชาร์จเพิ่มอีกตัวละ 2 ดอลลาร์ ล่าสุดเขามีลูกค้ามากกว่า 200 หลังคาเรือน คิดเป็นหมากว่า 700 ตัวคิดดูก็แล้วกันว่ารายได้จะมั่นคงขนาดไหนเหมาะหมามันต้องกินและขี้ทุกวัน อยู่แล้ว!

ที่มาhttp://news.sanook.com

ยังมีอีกมากมายเรื่องแปลกๆ พิสดาร รอคราวหน้าครับ

——————(๑/๘/๕๗)———————

หมายเลขบันทึก: 573610เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2014 00:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม 2014 00:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท