เหตุและผล : ก่อนดำเนินการสร้างมหาวิทยะเจดีย์(เจดีย์ไทย-พม่า) วัดโมกขธรรมาราม จังหวัดสุราษฏ์ธานี(ตอนจบ)


" ศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด เราก็ยังดั้นด้นกันไปกราบไหว้ อย่างเจดีย์ชเวดากองที่พม่า พวกเราก็ไม่ปฏิเสธเลยใช่มั้ย...ที่จะไปกราบไหว้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่เรากราบไว้บูชานั้น ....เรากราบไหว้ตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่างหากละ ...เจดีย์ที่คนพม่าสร้างค้างไว้ยังไม่แล้วเสร็จที่แห่งนี้ก็เช่นกัน พวกเค้าสร้างสิ่งเคารพสักการบูชาที่เป็นสิ่งแทนตัวของพระพุทธองค์ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างไร?"..

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 วันทำบุญของชาวบ้านในชุมชนของวัดศรีวณิชย์วนาราม ตำบลท่าอุแท อำเภอ กาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาถึง

..

ภาพถ่าย : พระราชไพศาลมุนี เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี(ธ) ขณะนั่งสวดมนต์ อยู่ในโรงธรรม วัดศรีวณิชย์วนาราม ตำบลท่าอุแท อำเภอ กาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

..

วันที่ข้าพเจ้าเข้าไปในศาลาโรงธรรมของวัดแห่งนี้ ซึ่งวันนั้นมีคุณเจ้า เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี(ธ) เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และพระสงฆ์อีกประมาณ 6-7 รูป ข้าพเจ้าสังเกตว่า ภายในศาลานั้น.. ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านจากชุมชนแห่งนี้นั่งกันอยู่ค่อนข้างหนาตา ในขณะเดียวกันก็มีชาวพม่าส่วนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย บริเวณท้าย ๆ ของศาลาโรงธรรมนี้

วันนั้น..สิ่งที่ข้าพเจ้า นำติดตัวมาด้วยคือ ...กระเช้าเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ และน้ำดื่มบรรจุขวด ซึ่งสิ่งของเหล่านี้เป็นของที่กลุ่มคนพม่าตั้งใจซื้อมาเพื่อมอบให้ข้าพเจ้าและตัวแทนของพวกเค้า อีก 2-3 คน ถวายแด่พระคุณเจ้า ที่ได้รับการนิมนต์มา ณ วัดนี้

..

เมื่อเข้าไปในศาลา..ข้าพเจ้ามองหาที่นั่งอันเหมาะสม เพื่อที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวบ้านของชุมชนที่นี่  ข้าพเจ้าเลือกที่จะเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าคาดว่า... ท่านน่าจะเป็นที่เคารพของคนในชุมชน ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ในศาลาโรงธรรม ข้าพเจ้าก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังไปมองคนพม่ากลุ่มที่นั่งรวมตัวกันอยู่กลุ่มนั้น สายตาของข้าพเจ้านั้น...ข้าพเจ้าอยากบอกบางสิ่งบางอย่างให้พวกเขาเหล่านั้นรับรู้..นั่นเอง

..

ภายในศาลาโรงธรรม ...ใจของข้าพเจ้ารับรู้ได้ในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า!!... "การขาดโอกาสและช่องทางในการสื่อสารของพวกเขา และหลาย ๆ สิ่งที่ค้างคาใจของพวกเขาอยู่" ...สิ่งนี้จะถูกพูดผ่านจากปากของข้าพเจ้า

..

หลังจากพระคุณเจ้า เจ้าคณะอำเภอ ท่านได้เทศนาจบลง พระภิกษุสงฆ์สวดมนต์ ให้ศีลให้พรแก่ชาวบ้าน หลังจากนั้น ชาวบ้านก็ถวายภัตตราหารเพลแด่พระสงฆ์ และขณะที่พระท่านกำลังฉันท์ภัตราหารอยู่นั้น ข้าพเจ้าได้ถือโอกาสพูดคุยกับผู้ใหญ่ท่านนั้น ท่านที่ข้าพเจ้าเข้าไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ ... สาระสำคัญที่ข้าพเจ้าได้พูดคุย ก็คือ..เรื่องของที่มาที่ไปในการสร้างเจดีย์พม่าที่วัดแห่งนี้

..

การพูดคุย ขยายวงกว้างขึ้น.จากหนึ่งคน...กลายเป็นสอง เป็นสาม และการพูดคุยก็ลุกลามไปทั่วศาลาโรงธรรม จนกระทั่งต้องมีการใช้ไมโครโฟนพูดคุยระหว่างกันกัน

..

ข้าพเจ้าคิด......การพูดคุย ..หากพูดคุยด้วยอารมณ์และความรู้สึกโกธรแค้น หรือเกลียดชั่งแล้ว...

ข้าพเจ้ารับรู้ถึงหม้อต้มน้ำที่เดือด.. รับรู้ถึงความร้อนในใจคน... มากกว่าเหตุผลที่ชัดเจน

การปฏิเสธ.... การสร้างเจดีย์ของคนพม่าในชุมชนแห่งนี้ ถูกต่อต้านจากผู้คนในชุมชนนี้อย่างมาก

..

ข้าพเจ้ามองประเด็นสำคัญ ที่ชาวบ้านพูดมา รับรู้ถึงความคับข้องใจที่พวกเค้าสะสมไว้นานมาก ข้าพเจ้าไม่ใช่คนในพื้นที่ ข้าพเจ้าจึงไม่ทราบความจริงว่า..เหตุใด หรือผลใดถูก เหตุใดหรือผลใดผิด .......แต่วันนี้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้า.ดีที่สุดแล้ว

..

ข้าพเจ้าได้พูดถึงสิ่งที่ชุมชน.. จะได้รับจากการสร้างเจดีย์ของคนพม่าในครั้งนี้ว่ามีอะไรบ้าง? และอีกสองปีข้างหน้าเมื่อประเทศไทยไทยเปิดประเทศสู่ประชาคมอาเซียนกับประเทศเพื่อนบ้านอีก 9 ประเทศแล้ว จะเป็นอย่างไร?

..

ข้าพเจ้าพูดถึง... ความสุขในชุมชน ของคนไทยในพื้นที่กับคนพม่าที่เข้ามาทำงานในชุมชนแห่งนี้

..

ข้าพเจ้าพูดถึงสันติภาพที่จะเกิดขึ้น

..

ข้าพเจ้าพูดถึงการหลอมรวมกันโดยใช้ศาสนาเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจระหว่างชาวไทยและชาวพม่าในชุมชน

..

สิ่งที่ข้าพเจ้าพูด ..ข้าพเจ้าไม่เสียใจเลยกับการทำหน้าที่ตรงนี้ของข้าพเจ้า และถึงแม้นว่า...ผลที่ออกมา...ชุมชนแห่งจะไม่ยอมรับก็ตาม

..

วันคืนล่วงเลยลับ..ผ่านไป...  เราไม่อาจย้อนเวลากลับมาอีกได้.....  บางครั้ง.. บางที เราอาจคิดได้ และอยากให้มันหวลคืนกลับมาใหม่..... แต่มันก็มิอาจเป็นไปได้เสียแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดาย ช่วงเวลาที่เราได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างในวันนี้ไป. วันนี้เราอาจดีใจกับสิ่งที่เราได้ตัดสินใจไป...หากเราลองมานั่งทบทวนและมองมันใหม่....  มองสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ลึกๆ... ลงในใจของผู้คนที่เขารู้สึกสุญเสียดูบ้าง...........ข้าพเจ้ารับรู้ถึง...ความเปลี่ยวเหงาในหัวใจของพวกเค้า อย่างบอกไม่ถูก

..

วิถีชีวิตและการอยู่ร่วมกันของชุมชน ก็จะยังคงอยู่ และเราก็ยังคงปฏิเสธไม่ได้ ที่จะต้องอยู่ร่วมกับพวกเค้า

..

ข้าพเจ้าแคว้งอยู่ครู่ใหญ่ว่า...จะทำอย่างไรต่อไป.........  แต่แล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น

และไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ข้าพเจ้าคิดของข้าพเจ้าเช่นนี้.....  เสมือนหนึ่ง มีบางสิ่งบางอย่างท่านได้เมตตา

พระเดชพระคุณเจ้า เจ้าคณะจังหวัด พระราชไพศาลมุนี ท่านได้ใช้ไมรโครโฟนพูดคุยกับชาวบ้านที่มารวมตัวอยู่ในศาลาโรงธรรมแห่งนี้ ใจความสำคัญความว่า...." ศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด เราก็ยังดั้นด้นกันไปกราบไหว้ อย่างเจดีย์ชเวดากองที่พม่า พวกเราก็ไม่ปฏิเสธเลยใช่มั้ย...ที่จะไปกราบไหว้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่เรากราบไว้บูชานั้น ....เรากราบไหว้ตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่างหากละ ...เจดีย์ที่คนพม่าสร้างค้างไว้ยังไม่แล้วเสร็จที่แห่งนี้ก็เช่นกัน พวกเค้าสร้างสิ่งเคารพสักการบูชาที่เป็นสิ่งแทนตัวของพระพุทธองค์ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างไร?"..

..

"โยมน่าจะยอมให้พวกเขาสร้างนะ.. และสิ่งที่พวกเขาสร้างนี้ มันอยู่ในผืนแผ่นดินไทย อย่างไรเสียพวกเขาก็เอากลับไปไม่ได้......สิ่งที่พวกเขาขอนำติดตัวไปกับพวกเขาคือ...บุญกุศลต่างหาก"

..

ท่านได้มีเมตตาพูดแทนให้กับข้าพเจ้า แต่การเจรจาก็ยังไม่เป็นผล...ชาวบ้านยังคงยืนกรานเช่นเดิม

..

เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล..พระคุณเจ้าท่านจึงยุติการพูดคุย และเดินออกไปดูเจดีย์ที่สร้างค้างไว้ ข้าพเจ้าจึงได้ถือโอกาส เดินตามพระคุณเจ้าท่านออกไป พระคุณเจ้าพระราชไพศาลมุนีท่านได้พูดกับข้าพเจ้าว่า "เมื่อเค้าไม่ให้สร้างก็อย่าไปฝืนสร้าง ปล่อยไปเถอะโยม"

ข้าพเจ้าได้แต่พยักหน้า และสบสายตากับพระคุณเจ้า และก่อนที่พระคุณเจ้าจะเดินกลับไปที่รถเพื่อกลับไปวัดของท่าน ท่านได้แวะมายังกลุ่มคนพม่า ที่นั่งยองๆ อยู่ข้างล่างใกล้ฐานเจดีย์ที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้ ไม่ทราบด้วยเหตุผลใดข้าพเจ้าได้พูดกับพระคุณเจ้าท่านว่า "กระผมขอความเมตตาจากพระคุณเจ้า หากพระคุณเจ้า มีเมตตาต่อคนพม่ากลุ่มนี้ เป็นไปได้มั้ยครับ? ที่พระคุณเจ้าจะให้ความเมตตา ต่อคนพม่ากลุ่มนี้.... กระผมขอให้พวกเขาได้สร้างสถูปเจดีย์แบบนี้ใหม่ ไว้ที่วัดของพระคุณเจ้าเอง ได้มั้ยครับ"

..

ข้าพเจ้าคิดในใจว่าข้าพเจ้าไม่คาดหวังว่า... พระคุณเจ้าท่านจะตกปากรับคำในสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด ณ ช่วงเวลานั้น แต่แล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่คาดหวังก็เกิดขึ้นเดี๋ยวนั้น จริง ๆ .....ท่านทรงมีเมตตาต่อคนพม่ากลุ่มนี้ โดยท่านออกปากครับว่า ...."เอาซิโยม"

...

เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนั้น.. ข้าพเจ้าเห็นว่า.เป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด ข้าพเจ้าไม่รอช้าที่จะพูดกับคนพม่ากลุ่มนี้ว่า "เราจะมัวรอช้ากันอยู่ทำไม? ก้มลงกราบพระคุณเจ้าท่านซิ ...ที่ท่านให้ความเมตตา"

..

กลุ่มคนพม่ากลุ่มที่นั่งยอง ๆ อยู่นี้ รีบทำตามในสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดทันที และแม้แต่ตัวของข้าพเจ้าเอง ก็ก้มลงกราบพระคุณเจ้า ร่วมกับคนพม่ากลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน มันคือความซาบซึ้งใจ... ที่มีค่า มีความหมายต่อข้าพเจ้า และพวกคนพม่าเหล่านี้  สิ่งนี้คือ....ความสุขทางใจในชีวิตที่พวกเขาได้รับ... ในขณะที่ความฝันของพวกเขาที่จะได้สร้างเจดีย์แห่งนี้กำลังจะหลุดลอยไป

..

ข้าพเจ้าคิดในใจ...หรือว่า!!นี่คืออานิสงส์ของความบริสุทธิ์ใจ.... ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธา จนพระเดชพระคุณเจ้า พระราชไพศาลมุนี เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี(ธ) ท่านรับรู้ได้.... และท่านได้ตอบแทนพลังแห่งความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของข้าพเจ้าและกลุ่มคนพม่ากลุ่มนี้ .

..

ภาพถ่าย : วันที่ 18 กันยายน พศ.2556 เวลาประมาณ 14.00 น พระพุทธรูปพม่า วัตถุดิบในการก่อสร้างเจดีย์ ถูกบรรทุกเคลื่อนย้ายมาเก็บไว้ที่วัดโมกขธรรมาราม ตำบลขุนทะเล อำเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

..

ข้าพเจ้าไม่น่าจะกล่าวเกินจริงที่ว่า..เมื่อใจเป็นกุศลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมเมตตา และสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นกุศลต่อตัวข้าพเจ้าและคนพม่ากลุ่มนี้ด้วยด้วยเช่นกัน

...................

หมายเลขบันทึก: 573578เขียนเมื่อ 31 กรกฎาคม 2014 10:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม 2014 10:58 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอร่วมนุโมทนาบุญ และขอบคุณเรื่องเล่าที่น่าสนใจเช่นนี้ค่ะ

ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ

สาธุๆๆ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท