การเดินทางภายใน..ไม่โยงอดีต


จิตใจคนเรานี้ช่างจด ช่างจำ

จดจำความดี ความไม่ดีของตัวเองยังไม่พอ เที่ยวไปจดจำความดี ไม่ดีของคนอื่นเข้าไปอีก

จำเรื่องราวของตัวเอง ถ้าจำสิ่งที่ดีก็ดีไป แต่จำสิ่งที่ไม่ดีก็ทำร้ายตัวเองร่ำไป แต่ไม่จำบ้างก็ทำให้ทำสิ่งไม่ดีซ้ำๆ ..ดูเหมือนว่าการจะจำหรือไม่จำ ต้องเป็นเจ้าตัวเลือกเอง

จำเรื่องของคนอื่นก็เช่นกัน ที่มักทำให้ยุ่งเหยิงคือ จำเรื่องอดีตของเขา แล้วนำมาตัดสินสิ่งที่เขาเป็นในปัจจุบัน

เช่นจำได้ว่า อดีตเขาเคยหยิบของคนอื่นไปใช้ ก็เที่ยวไปจำว่า ของที่เขาถืออยู่คงหยิบมาจากคนอื่นอีก หรือเขาเคยพูดเช่นนี้สถานการณ์นี้ พอเจอสถานการณ์เดิม ก็ตั้งการ์ดว่าเขาจะต้องพูดแบบนั้นอีกเพราะเขาเป็นอย่างนี้..จนบางทีทะเลาะกันตั้งแต่อีกฝ่ายแค่อ้าปาก เพราะไปคิดว่า อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่

อันที่จริงแล้ว เวลาเปลี่ยนแค่วินาที จิตใจคนก็อาจเปลี่ยนได้ เพราะคนไม่ใช่หุ่นยนต์จะได้ทำพฤติกรรมซ้ำๆด้วยความคิดเดิมๆ อย่างเดียว เพราะคนเราสามารถมีพัฒนาการได้ ต้องการเป็นตัวของตัวเอง ต้องการมีสัมพันธภาพกับคนอื่น และต้องการมีความสามารถในการจัดการ คนที่ทำไม่ดี ไม่ใช่คนไม่ดีทุกเรื่อง และคนที่แสนดีอ่อนหวานก็อาจไม่ใช่คนที่จะต้องเป็นเช่นนั้นทุกๆเรื่อง เรื่องที่จะต้องพูดคุย..ถึงจะอ้าปากเห็นลิ้นไก่ ถ้าส่องดูดีๆ ลิ้นไก่ก็สีไม่เหมือนเดิมทุกวัน

เวลาอยู่กับคนอื่น จึงพยายามไม่โยงพฤติกรรมในอดีตกับพฤติกรรมที่เขาเป็นในปัจจุบัน พยายามจำพฤติกรรมอดีตเขาให้น้อยลง แต่ดูแลกันและกันในความเป็นปัจจุบันของกันและกัน ..ก็พบว่าใจก็สว่างขึ้นมีที่ว่างมากขึ้น....ถึงจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างตามกำลังสติ..แต่ก็พยายามทำไปเรื่อยๆ

คำสำคัญ (Tags): #psychological_health
หมายเลขบันทึก: 57333เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2006 07:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

เราทำความดีให้ใคร ๆก็ไม่ควรใส่ใจจดจำ...แต่ใครทำความดีให้เราแม้เพียงน้อยนิด...เราควรใส่ใจจดจำเขาคนนั้นตราบนานเท่านาน...

ผมมักสนใจว่า...คน ๆนี้มีดีอะไรและจดจำใว้ครับ...

ขอบคุณครับ...

  • ครูอ้อยจำคนที่ทำดี  ส่วนไม่ดีปากพูดว่าเข็ดแต่ก็ไม่จำสักที
  • สรุปครูอ้อยจะจำในส่วนที่ดี  เช่น คุณจันทรรัตน์ มียอดของความดีที่ควรจำเสมอทุกบันทึกค่ะ
  • เป็นข้อคิดที่ดีมาก ๆ เลยครับ
  • ขออนุญาตนำไปใช้และปฏิบัติครับ

ขอบคุณค่ะ ท่าน อาจารย์ umi, ครูอ้อย และอาจารย์ปภังกร

บางครั้งก็คิดว่าสมองคนเราเหมือนแผ่นบันทึกความจำ เรื่องไม่ดีไม่น่าจำก็เหมือนไวรัสคอยบ่อนทำลายระบบ..ความจำสิ่งที่ดีก็เป็นโปรแกรมป้องกันที่แน่นหนานะคะ

แต่โปรแกรมก็ต้อง up date บ้าง...ไม่ใช้โปรแกรมเดิมไปตลอด...เพราะว่าอาจจะป้องกันไม่ทันการณ์ค่ะ

มีคำคมที่อยากนำมาฝากอาจารย์ค่ะ

  • จงใช้ใจที่คิดจะตำหนิผู้อื่นมาเป็นตำหนิตนเอง
  • จงใช้ใจที่จะให้อภัยตนเองมาเป็นให้อภัยผู้อื่น

ทำได้แล้วจะรู้สึกดีมีสุขค่ะ

ขอบคุณค่ะ คุณ ศุภลักษณ์ หิริวัฒนวงศ์

รู้สึกดีมีสุขและประหยัดเวลาที่จะไปคิดเล็กคิดน้อยด้วยค่ะ

ไม่ผิดหวังที่ติดตาม .... นำมาใช้ได้ดีทีเดียวกับการทำงาน ...ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับงาน...และ "ว่ากันไปตามเนื้อผ้า".  "แยกเป็นเรื่องๆฬห้ออก"...ซึ่งล้วนต้องฝึกฝน....ดูเหมือนพูดง่ายแต่เวลาทำจริงนี่ ย้าก...ยาก....ทั้งนี้ก็ยังดีกว่าไม่พยายามเลย....ขอบคุณค่ะ

เข้ามาอ่านแล้ว 1 รอบ แต่ไม่ได้ลงความเห็นไว้ เนื่องจากบันทึกนี้แทงเข้าไปโดนกลางใจ Vij พอดี ในวันเดียวกันอ่านเสร็จก็กลับไปครุ่นคิด เลยบอกตัวเองว่า จะจดจะจำทำไมกับเรื่องราวหรือคนที่คอยสกิดให้เราบันดาลโทสะอยู่ร่ำไป ก็เลยอโหสิกรรม ให้อภัย แต่ใจมนุษย์คนหนึ่งก็ยังจดยังจำอยู่ดี มากบ้างน้อยบ้างก็ยังคงอยู่ ถึงพยายามลืมสักแค่ไหน เขาจึงบอกว่า "สิ่งที่อยากลืมเรากลับจำ สิ่งที่อยากจำทำไมเรากลับลืม" มนุษย์นี่นา"ช่างจด ช่างจำ"

บ่อยครั้งที่มักจดจำและชอบโยงพฤติกรรมของมนุษย์จากอดีตของเขากับพฤติกรรมในปัจจุบัน พบว่าบางครั้งหน่วยความจำในสมองมักจะเต็มไปด้วยเรื่องขยะที่ตัวเองชอบเก็บเกี่ยวมาใส่ใจจดจำ และเรื่องส่วนใหญ่ก็มุ่งพยายามโยงอดีตที่ไม่ดีเพื่อมาจับผิดหรือเปรียบเทียบการกระทำกับปัจจุบันของเขา ทั้ง ๆ ที่เวลาต่าง สถานการณ์เปลี่ยน พฤติกรรมคนก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ด้วย แต่...วินาทีนั้นไม่มีสติที่จะคิด

บันทึกนี้จึงได้ข้อคิด และชอบประโยคที่ว่า  พยายามจำพฤติกรรมอดีตเขาให้น้อยลง แต่ดูแลกันและกันในความเป็นปัจจุบันของกันและกัน ..ก็พบว่าใจก็สว่างขึ้นมีที่ว่างมากขึ้น อาจทำให้เรามองอะไรชัดเจนขึ้น ยอมรับและให้อภัยกันมากขึ้น เราและเขาก็จะสุขมากขึ้น"

ขอบคุณค่ะ คุณเมตตา และอาจารย์ Vij

บนเส้นทางการเดินภายในจิตของตัวเอง..ดิฉันได้หัดเปลี่ยนมุมคิด โดยพยายามแก้ไขจากข้างในตัวเองออกไปก่อน..... .บนเส้นทางที่ทำนี้ท่านอื่นๆ คงผ่านมานานแล้วค่ะ...แต่ตัวดิฉันเองเพิ่มเริ่ม...เป็นผู้หัดฝึกค่ะ..ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่......พอได้ทราบว่ามีเพื่อนร่วมเส้นทางเดินด้วย..รู้สึกดีไม่น้อยค่ะ..ขอบคุณค่ะ

  • อ่านบันทึกของอาจาร์ได้อะไรเป็นข้อคิดและเตือนใจเสมอ
  • คนเราทำดีร้อยครั้ง พลาดครั้งเดียว (บางคน) ก็ไม่ให้อภัย
  • เหมือนกับเราทำดีมาตลอด แต่พลาดเพราะความโมโห โทสะ (ครอบงำ) คนก็เลยตัดสินที่พฤติกรรมในการกระทำครั้งเดียวของเรา
  • บางครั้งตัวเองก็อดที่จะคิดถึงอดีตของคนมาตัดสินกับความเป็นปัจจุบัน และยิ่งตอกย้ำความคิดไปอีก เมื่อเค้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมเลย ถ้าเป็นแบบนี้ มันควรต้องทำอย่างไรค่ะ อาจารย์

ขอบคุณค่ะ อาจารย์ Miss somporn poungpratoom  เป็นคำถามที่ทำให้ได้นึกต่อ..ทบทวนสิ่งที่เป็นอยู่ของตัวเองค่ะ...ขอบคุณที่แลกเปลี่ยนกันค่ะ

ถ้าเข้าใจสิ่งที่ถามคือ "ถ้าวันหนึ่งเราเผลอทำไม่ดี แต่คนอื่นเขาจำได้และเอามาตัดสินตัวเราอยู่ตลอด..จะทำอย่างไร"

ตอบแบบหลักการคือไม่ทำอะไร

ตอบแบบที่ตัวเองกำลังหัดทำคือ...ไม่ทำอะไรเหมือนเดิมค่ะ

ประสบการณ์ตรงคือ เมื่อก่อนจะร้อนรุ่ม อยากประกาศก้องให้ทั้งโลกรู้ว่า ฉันไม่ใช่อย่างนั้น  กรุณามองฉันอย่างที่ฉันเป็นในปัจจุบันคือขยันขึ้น ไม่ขี้เกียจเหมือนเมื่อก่อน ที่ไม่เถียงไม่ใช่เพราะกลัวเธอเหมือนเมื่อก่อนแต่เพราะว่าฟังมากขึ้นต่างหาก..อย่างเนี่ยค่ะ

แต่ตอนนี้พบแล้วว่าวิธีนั้นไม่ค่อยได้ผลค่ะ และต้องคอยปกป้องตัวเอง ออกจะติดหวาดระแวง อยากได้รับความไว้วางใจ(ว่าขยัน) อยากและอยาก..ฯลฯ

ตอนนี้เลยหัดที่จะ...ใช้การปฏิบัติเป็นคำตอบและอธิบายแทนค่ะ...เห็นผลช้าๆ แต่ตัวเองสบายใจกว่า.และพบการเปลี่ยนแปลงในใจตัวเอง..ก็พอใจค่ะ...

ไม่ทราบว่าอาจารย์ สมพร(ขอโทษถ้าอ่านชื่อภาษาอังกฤษผิดนะคะ) มีวิธีการอย่างไรบ้างคะ...ได้ผลอย่างไรบ้าง...เล่าสู่กันฟังนะคะ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท