บันทึกชุด “ประเมินเพื่อมอบอำนาจ" (การเรียนรู้) ๑๐ ตอน ชุดนี้ ตีความจากหนังสือ Embedded Formative Assessment เขียนโดย Dylan Wiliam เพื่อเสนอใช้การทดสอบหรือการประเมินในทางบวก ต่อการเรียนรู้ โดยใช้แบบเนียนไปการกระบวนการเรียนรู้ของศิษย์ และเนียนไปกับการโค้ชศิษย์ เพื่อใช้ “การประเมินเพื่อพัฒนา" (formative assessment) ยกระดับการเรียนรู้ของนักเรียน ด้วยความเชื่อว่า การใช้ “การประเมินเพื่อพัฒนา" ที่ดำเนินการโดยครูในชั้นเรียน และดำเนินการอย่างถูกต้อง เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ต่อการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของการเรียน (learning outcomes)
บันทึกตอนที่ ๖ นี้ ตีความจากบทที่ ๕ Providing Feedback That Moves Learning Forward เป็นยุทธศาสตร์ที่ ๓ ใน ๕ ยุทธศาสตร์ของการประเมินเพื่อการพัฒนาที่ดี คือ ยุทธศาสตร์การใช้สารสนเทศ จากการประเมิน ประกอบการให้คำแนะนำป้อนกลับ เพื่อให้ได้การเรียนรู้ที่มีผลสัมฤทธิ์สูง ย้ำที่วิธีการให้คำแนะนำป้อนกลับ (feedback) อย่างถูกต้อง เพื่อกระตุ้นความสนใจงาน (การเรียน) ไม่ใช่กระตุ้นอีโก้ ของเด็ก
สาระสำคัญยิ่งคือ คำแนะนำป้อนกลับไม่ใช่ว่าจะก่อผลดีต่อการเรียนรู้เสมอไปนะครับ มีถมไป ที่เมื่อครูให้คำแนะนำป้อนกลับแล้ว เด็กกลับมีผลการเรียนเลวลง ดังนั้นครูต้องรู้วิธีให้คำแนะนำป้อนกลับ ที่ถูกต้อง และรู้ว่าต้องไม่ใช้คำแนะนำป้อนกลับแบบใด
หนังสือบทที่ ๕ นี้ ก็เหมือนบทก่อนๆ ที่เต็มไปด้วยสาระจากผลงานวิจัย ที่ผมอ่านแล้วตื่นตาตื่นใจ รำพึงกับตนเองว่า เรื่องการศึกษานี้ซับซ้อนจริงหนอ หลายเรื่องที่สามัญสำนึกบอกเราว่าได้ผลดีแน่ๆ แต่ผลการวิจัยบอกว่า กลับก่อผลร้าย และเขามีคำอธิบายที่น่าเชื่อถือด้วย ผมตีความว่าสามัญสำนึกของเรา มักเป็นเหตุผลชั้นเดียว แต่ความเป็นจริงด้านการศึกษาเหตุผลมันซับซ้อนยอกย้อน เพราะมีปัจจัยมาเกี่ยวข้อง มากกว่าที่เราตระหนัก
จะเข้าใจเรื่อง feedback ถ่องแท้ ต้องกลับไปที่ต้นตอของคำ ซึ่งเป็นศัพท์ของวงการวิศวกรรม ที่มี feedback loop ของการปฏิบัติงาน ที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย เขาใส่ตัววัดผลงานเข้าไปในกระบวนการปฏิบัติงาน สำหรับให้ผลการประเมินมันป้อนกลับไปควบคุมกระบวนการปฏิบัติงาน ให้ปรับตัว เพื่อเข้าไปใกล้เป้าหมาย มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น feedback ไม่มีความหมาย หากไม่มีการปรับตัว ซึ่งในกรณีของเรา คือการที่นักเรียนปรับปรุง การเรียนของตน
เป้าหมายของการให้คำแนะนำป้อนกลับแก่นักเรียน คือเพื่อให้นักเรียนปรับความรู้ และวิธีการเรียนของตน เพื่อให้การเรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้น คำแนะนำป้อนกลับใดไม่ก่อผลนี้ อาจไม่เรียกว่าคำแนะนำป้อนกลับ หรืออาจเรียกว่าเป็นคำแนะนำป้อนกลับที่ไร้ผล และที่เราไม่ต้องการอย่างยิ่ง คือ คำแนะนำป้อนกลับที่ก่อผลร้าย ยิ่งทำให้ผลการเรียนตกต่ำลง
คุณภาพของคำแนะนำป้อนกลับ
คำแนะนำป้อนกลับที่มีคุณภาพ คือคำแนะนำป้อนกลับที่มีผลเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ได้รับ เพื่อให้เกิดผลดี ต้องพุ่งเป้าคำแนะนำไปที่ตัวพฤติกรรม ไม่ใช่ที่ตัวนักเรียน หรือกล่าวว่า พุ่งเป้าไปที่ การทำงานของนักเรียน ไม่ใช่ที่อัตตาของนักเรียน และต้องเลือกแนะนำเฉพาะส่วนที่นักเรียนควบคุมได้ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนักเรียน
กาละ เทศะ เป็นปัจจัยสำคัญมาก ต่อการให้คำแนะนำป้อนกลับ หากนักเรียนกำลัง “จิตไม่ว่าง" คำแนะนำป้อนกลับจะไร้ความหมาย
คำแนะนำป้อนกลับที่ไม่ดี
คำแนะนำป้อนกลับที่ไม่พึงประสงค์คือ คำแนะนำป้อนกลับที่มีผลต่อไปนี้ต่อนักเรียน
คำแนะนำป้อนกลับที่ดี
คำแนะนำป้อนกลับที่พึงประสงค์ มีลักษณะ
เทคนิคการให้คำแนะนำป้อนกลับ
คำแนะนำสำคัญที่สุดคือ คำแนะนำป้อนกลับต้องทำให้เกิดการคิด ทำให้เด็กคิด ไม่ใช่เกิดอารมณ์วูบ ต่อต้านคำแนะนำป้อนกลับ ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเชิงปฏิบัติ
ครู : เธอไม่เข้าใจตรงไหน
นักเรียน : ไม่เข้าใจทั้งหมด
ครู : ส่วนแรกของโจทย์เหมือนกับโจทย์ข้อก่อน ส่วนหลังเติมตัวแปรเข้าไปอีกตัวหนึ่ง ลองหาดูเองก่อน อีก ๒ - ๓ นาทีครูจะกลับมาใหม่
ข้อความในบทนี้เต็มไปด้วยการนำผลการวิจัยมาตีความ ที่น่าตกใจคือ เขาพบว่า ร้อยละ ๔๐ ของการวิจัยเรื่องการให้คำแนะนำป้อนกลับ พบว่าคำแนะนำป้อนกลับให้ผลลบ คือนักเรียนมีผลการเรียนเลวลง ตีความได้ว่า เพราะคำแนะนำป้อนกลับที่ใช้ เป็นคำแนะนำป้อนกลับที่ไม่ดี
ที่ผมตกใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ผลของการสอบให้เกรด เขาบอกว่า ผลการวิจัยบอกชัดเจน ว่ามันทำให้ผลการเรียนเลวลง และที่ร้ายกว่านั้นคือ มันไม่ได้วัดความรู้จริงๆ ของนักเรียน เรื่องการประเมินนี่ มีเรื่องให้ศึกษาและเรียนรู้มากจริงๆ เป็นหัวข้อวิจัยการศึกษาที่วงการศึกษาไทยน่าจะเอาใจใส่อย่างยิ่ง
วิจารณ์ พานิช
๖ ม.ค. ๕๗
ไม่มีความเห็น