​ผิด….เป็นครู


วันนี้มีเรื่องมาแบ่งปันกันอีกแล้วค่า เป็นประเด็นเรื่อง การบ้านของลูก (อีกแล้ว) ส่วนตัวอยากแบ่งปันความคิดในการที่ให้ลูกทำการบ้านที่บ้านกับพ่อแม่ การสอนการบ้านให้ลูกเป็นการฝึกเจริญสติที่ดีมาก ๆ สำหรับตัวเอง หากใครเคยสอนการบ้านลูกเองก็น่าจะพอเข้าใจนะคะ นอกจากจะเป็นการฝึกสติให้ตัวเองแล้ว เรายังได้เรียนรู้อะไร ๆ หลายเรื่อง เช่น เนื้อหาการเรียนของเด็กสมัยนี้ ยากกว่าสมัยแม่ดาวเรียนเยอะมาก หลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้ ก็ได้รู้ บางเรื่องที่ลืมไปแล้วก็ได้รื้อฟื้น ได้รู้ว่าลูกของเราเขาชอบไม่ชอบวิชาอะไร เพราะอะไรมากขึ้น รู้ว่าเขาเรียนมาแล้วเข้าใจไหมอย่างไร ฯลฯ ที่บรรยายมา เพราะอยากชวนให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีเวลามาเป็นที่ปรึกษาให้ลูกเวลาทำการบ้านกันเถอะ

เข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้แม่ดาวก็เป็นครูแม่ๆ ช่วยดูแลลูกทำการบ้าน ในขณะที่ลูกนั่งทำการบ้านในวิชาที่เขาสามารถทำได้เอง แม่ดาวก็นั่งเปิด ๆ ดูการบ้านในวิชาอื่น ๆ บ้างก็เปิดดูของเก่าที่เขาทำมาจากโรงเรียน ว่าเขาเรียนอะไร ทำอะไร ก็ดูไปเรื่อย จนไปสะดุดตา กับ การตรวจคำตอบในวิชาสังคม คำถามคือ

ข้อใดถูกต้อง

ก. อาคือน้องของพ่อ ข. อาคือน้องของแม่ ค. อาคือพี่ของพ่อ ง. อาคือพี่ของแม่

ซึ่งลูกชายแม่ดาวตอบ ข้อ ก. อาคือน้องของพ่อ แต่คุณครูให้ผิด เฉลยคือ ข้อ ค. อาคือพี่ของพ่อ

แวบแรกที่อ่านก็คิด “งานเข้าอีกแล้ว” คือการคุยกับลูกเรื่องการเรียน เป็นอะไรที่ “ยาก” สำหรับตัวเองนะคะเพราะโดยปกติเขาก็จะเชื่อครูมากกว่าพ่อแม่และความจริง คิดว่าเด็ก ๆ หลายคนก็น่าจะเป็น ตัวแม่ดาวเองสมัยเรียนก็แบบนี้เหมือนกันฮ่าๆๆ แต่เรื่องการเฉลยผิด หรือ วิธีการสอนในเรื่องการหาคำตอบของพ่อแม่กับครูบางครั้งก็ไม่เหมือนกัน แต่อาจได้ผลลัพธ์เหมือนกัน เขาก็จะยึดครูไว้ก่อน เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เคยคุยกับปูพื้นเรื่อง “ความเชื่อ” กันไว้แล้ว โดยแม่ดาวใช้หลักความเชื่อของพระพุทธเจ้า (กาลามสูตร) เป็นหลักให้ลูกได้ยึดไว้ จากนั้นก็มีการใช้นิทานเสริมไปบ้าง คือค่อย ๆ ใส่เข้าไปทีละนิด ๆ ระหว่างที่ลูกนั่งทำการบ้าน แม่ดาวก็นั่งคิดว่าจะคุยกับลูกอย่างไรดี และรอจังหวะเมื่อเขาทำการบ้านในวิชาเดิมเสร็จ

แม่ ลูกครับ ต่อไปวิชาสังคม แม่ขอทบทวนบทเรียนนิดนึงก่อนทำการบ้าน แค่คำถามเดียวครับ (สังเกตจากท่าทางให้ความร่วมมือดี จากนั้นก็อ่านโจทย์และให้ลูกตอบ)

ลูก อาคือพี่ของพ่อครับ (นั่นไง ครูสอนจะจำแม่นมาก)

แม่ อาคือพี่ของพ่อ แล้ว ลุงล่ะครับ เป็นอะไรกับพ่อ

ลูก (ทำท่าคิด และเริ่มไม่มั่นใจในคำตอบ) แต่ครูเฉลยแบบนี้ไม่เชื่อนะ แม่เปิดดูเองเลย (หยิบหนังสือจะเปิดให้ดู)

แม่ (ยื่นหนังสือให้) ข้อนี้ใชไหมครับ แม่เห็นแล้ว (และบอกไปว่าเราเห็นอะไรยังไง) แม่อยากให้ลูกลองคิดดี ๆ กับคำตอบข้อนี้ คิดตามความเป็นจริง ในชีวิตจริง ๆ ที่ลูกเรียก คนที่อายุมากกว่าพ่อ หรือพี่ของพ่อ ลูกเรียกว่า อา หรือ ลุง

ลูก ลุง

แม่ นั่นซิ แล้วถ้าอย่างงั้น คำตอบไหน ที่เป็นคำตอบที่ถูกต้องตามความจริง

ลูก แต่ครูเฉลยแบบนี้ (ยังยึดครูเป็นหลัก)

แม่ จำเรื่อง ความเชื่อของพระพุทธเจ้าได้ไหม ที่เราคุยกัน แม่เชื่อว่าคุณครูของลูกต้องรู้คำตอบที่ถูกต้อง แม่คิดว่าคุณครูคงยุ่งและเหนื่อยมาก เพราะต้องตรวจงานเด็กตั้งเยอะแยะ ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แม่เองก็ยังเคยสอนผิด ครูของแม่เองก็ยังเคยสอนผิดที่แม่เคยเล่าให้ฟัง ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าใครก็มีโอกาสทำผิด ทำพลาดได้จริงไหม

ลูก (ไม่ตอบแต่แสดงอาการยอมรับฟังแม่มากขึ้น)

จากนั้นก็เลยเล่น ตั้งคำถาม เช่น น้องของแม่ เรียกว่าอะไร รวมไปถึงคำถามเดิม อาคือ....... เพื่อเป็นทดสอบการยอมรับคำตอบที่แท้จริงของลูก บรรยายกาศเป็นแบบถามตอบสนุก ๆ ไม่ได้ตึงเครียดแบบติวเข้มนะคะ และจากที่เขาตอบด้วยท่าทาง น้ำเสียง แววตา คิดว่าลูกยอมรับตามความเป็นจริงแล้ว จึงทำการบ้านกันต่อไป  

เห็นไหมค่ะ การให้ลูกทำการบ้านที่บ้าน และมีเราคอยนั่งเป็นที่ปรึกษา แนะแนวบ้างอยู่ข้าง ๆ มันดีแบบนี้ จากที่ลูกจะได้เรียนรู้แค่บทเรียนจากตำรา ก็ยังได้เรียนรู้เรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติม และในส่วนของคุณครูแม่ดาวก็ได้คุยกับคุณครูเรียบร้อยค่ะ เป็นแนวขอความช่วยเหลือ เพราะอยากให้ครูช่วยยืนยันอีกเสียงว่าคำตอบที่แท้จริงคืออะไร เป็นที่เข้าใจกันอย่างดีไม่มีปัญหา คุณครูกล่าวขอโทษในความผิดพลาด และพูดคุยถึงเรื่องที่เกิด คุยกันด้วยความเข้าใจ ไม่ทำร้ายใจ ประสบการณ์ที่ผ่านได้เรียนรู้ หากเรามีสติดี คิดดี เราจะพูดได้ดี และผลลัพธ์ก็จะออกมาดีเช่นกัน

สิ่งที่อยากจะฝากไว้ หากใครเจอกรณีแบบนี้ อยากให้ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ คิดดี ๆ ก่อนจะพูดอะไรกับลูก เพราะพ่อแม่คือผู้แสดงโลกจริงไหม เรามองโลกอย่างไร ลูกเองก็มักจะมองโลกในแบบที่เรามองเช่นกัน อย่าด่วนตัดสินพิพากษาใคร ข้อนี้แม่ดาวจำๆๆ และย้ำๆๆกับตัวเองบ่อย ๆ เพราะสำคัญมากจริง ๆ แม่ดาวเคยเป็นแม่ที่ใจเร็ว ใจร้อนด่วนคิด ด่วนสรุป ผลลัพธ์ที่ได้ ไม่ดีเลยสักฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับลูก หรือกับครูด้วย อันนี้จากประสบการณ์จริงที่เคยประสบมา ทุกวันนี้ใช่ว่าจะเป็นคนมีกำลังสติแข็งแรง บางทีก็มีแกว่งไปเป๋เหมือนกัน อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการสร้างกำลังสติ ฝึกสติ เจริญสติ ที่เขาว่าสติมาปัญญาเกิด แม่ดาวก็เห็นว่าจริง หากเราคิดตอนที่มีสติพร้อม มักจะได้คำตอบที่ใช่ ใช้ได้ดี หรือหากบางทีคิดไม่ออก ก็จะทำให้เราเห็นตัวเอง จัดการอารมณ์ความคิดตัวเองให้สงบได้ง่ายขึ้น

การเลี้ยงลูก...ทำให้เราได้พัฒนาความคิดและจิตใจตลอด ๆ ว่าไหมคะ

หมายเลขบันทึก: 569991เขียนเมื่อ 7 มิถุนายน 2014 20:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2014 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คงเป็นเพราะครูกังวลกับเรื่องอื่นอยู่หรือเปล่า.. ดีมากเลยที่คุณแม่ได้ตรวจการบ้านลูกไปด้วยก่อนที่จะสายเป็นเรื่องกับเพื่อนๆของลูก สงสารคุณครูจังเลย ท่านอาจลืมไปเลยจำสับสน

อาชีพครู โดยเฉพาะหากใครเป็นครูอาชีพ เป็นหน้าที่ที่หนักหนา สาหัสนะคะ เท่าที่สัมผัสมา ไม่ต้องอะไรมาก ดูจากตัวเราเอง 1 ต่อ 1 กับลูกยังหัวหมุน  เป็นครูต้องดูแลเด็กมากมาย ไหนจะงานในหน้าที่ และงานในส่วนที่จะต้องทำโดยส่วนตัวอีก  เห็นใจคุณครูเช่นกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท