เมื่อก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจฐานความรู้องค์กรแต่ละแห่งจะต้องเรียนรู้ให้เร็วกกว่าคู่แข่ง
ด้วยเพราะจะต้องแข่งขันกับบริษัทอีกหลายแห่งจากทุกมุมโลก
ดังนั้นคนในองค์กรจะต้องมีความรู้ที่ติดหนึบเหนียวแน่น
แต่จะเรียนรู้ให้ไวกว่าคู่แข่งอย่างไรนั้น
การจัดการองค์ความรู้จึงเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความสัมพันธ์สู่การปฏิบัติให้ได้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
คือหัวใจของการทำงานสมัยใหม่
ดร.ชลภัสส์ วงษ์ประเสริฐ
อาจารย์ประจำสาขาการจัดการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต
กล่าวในงานสัมมนาเชิงวิชาการเรื่องกาจัดการองค์ความรู้ในองค์กรให้มีประสิทธิภาพว่า
การพัฒนาบริษัทให้กลายเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งผลให้เกิดระบบที่ได้ศักยภาพ
สินทรัพย์ที่สำคัญนอกจากจะเป็นทุนเงินแล้ว ในบริษัทหนึ่ง
จะต้องประกอบด้วยทุนสำคัญคือ
ทุนทางสังคมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความรู้และความชำนาญของบุคลากร
ซึ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในองค์กร
สมรรถนะขององค์กร
แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ความรู้ ทักษะ และทัศนคติของพนักงาน
โดยหัวใจหลักก็คือความรู้
ซึ่งทุกคนจะต้องถูกพัฒนาให้เป็นเจ้าของความรู้ในองค์กร
ยุทธศาสตร์ขององค์กรจะต้องเป็นตามเป้าประสงค์ของธุรกิจ
การปรับเปลี่ยนองค์กรจึงไม่เพียงเพื่อให้อยู่รอดเท่านั้น
แต่เป็นการมีชีวิตอยู่อย่างยั่งยืน ยาวนาน
เสมือนการลงทุนที่ไม่ได้กำไรในวันแรกแต่มองการวางแผนในระยะยาว
การจัดการความรู้(Knowledge Management) จึงต้องเกิดขึ้นด้วยเหตุผล 3
ประการ คือ 1.การตลาดในตลาดมีความรุนแรง 2.
กระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม
เศรษฐกิจที่มีผลกระทบมาจากการเปิดโลกเสรีจะต้องทำให้องค์กรเข้มแข็งพอที่จะแข่งขันได้
และ 3.
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่จะต้องประยุกต์ให้เข้ากับของเดิมที่มีอยู่
หากมีการจัดการความรู้
ความผิดพลาดในองค์กรจะไม่เกิดขึ้น เพราะจะมีขั้นตอนในการแก้ปัญหา
เมื่อมีความผิดพลาดครั้งแรกเกิดขั้น
ระบบจะเตรียมการสำหรับปัญหาครั้งต่อไป
ในองค์กรสมัยใหม่จะต้องพัฒนาองค์ความรู้
ความเชี่ยวชาญของคนที่เหลืออยู่ จากประสบการณ์ทำงาน
ซึ่งเกิดจากการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ และเปิดโอกาสให้คนได้เรียนรู้
พยายามผลักดันให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นอันจะนำไปสู่ฐานความรู้
ในบริษัทสมัยใหม่มีวิธีจัดบรรยากาศได้หลายทาง เช่น กินข้าว
ประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเป็นการบริหารจัดการที่ดีอย่างหนึ่ง
ซึ่งจะช่วยลดข้อขัดแย้ง หรือปรับสำนักงานให้เอื้อต่อการจัดการ
มีพื้นที่ให้เสนอความเห็น และรับรู้การทำงานอย่างถ้วนทั่วองค์กร
จึงไม่น่าแปลกใจว่าการเรียนรู้และการทำงานกลายเป็นเรื่องเดียวกัน
โดยพนักงานจะต้องรอบรู้เรื่องงานในหน้าที่ของตนเอง
และต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตเนื่องจากการทำงานต้องเคลื่อนตัวทุกวันให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
หลายองค์กรจึงเลือกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานให้หดเล็กลง
เพราะหากขยายตัวมากเกินไปจะเคลื่อนตัวลำบากและอุ้ยอ้าย
ดังนั้นองค์กรขนาดเล็กจะปรับตัวและยืดหยุ่นได้เร็วกว่า
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพ
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องดีที่สุด
แต่หมายความว่าสามารถปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าได้หรือไม่?
อย่างไรก็ตามจะต้องตระหนักถึงเป้าหมายขององค์กรด้วยว่าให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นคุณค่าหลักหรือไม่?
เมื่อผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ราคาต่ำที่สุด แนวคิด Logistics Supply
chain management ขึ้น
ทำให้ราคาสินค้าต่ำกว่าคู่แข่งเพื่อขายได้มากกว่า
อาศัยความรวดเร็วในการตอบสนอง เป็นการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ
ที่ผู้บริโภคคาดไม่ถึง
เป็นการบริการเหนือความคาดหมายโดยเน้นบริการเชิงรุก
ซึ่งกว่าจะเป็นอย่างที่หวังได้นั้น จะต้องทราบความต้องการ พฤติกรรม
และทัศนคติของลูกค้าเป็นสำคัญ
สิ่งเหล่านี้เกิดจากประสบการณ์ของพนักงาน
และหากทำให้กลายเป็นความรู้หลักขององค์กรจะทำให้ได้เปรียบคู่แข่งขัน
ดร.ชลภัสส์ กล่าวต่อไปว่า
ปัจจุบันทักษะและความสามารถของพนักงานเปลี่ยนไป ทักษะเดิมๆ
ที่เคยมีอาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อองค์กรให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ๆ
ตามการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งก็ไม่แปลกนักหากจะมีกลยุทธ์ใหม่ๆในการจัดการเกิดขึ้น
การออกแบบงานและการจัดการสูตรใหม่กำลังจะเกิดขึ้นในองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
การทำงานเป็นทีมจะเป็นหัวใจหลัก ด้วยความเชื่อว่า
การทำงานจะต้องหาคนที่ทำสำเร็จได้มากกว่าหนึ่ง
องค์กรจึงจะประสบความสำเร็จ
การจัดการความรู้ที่ว่านี้เพื่อปรับเข้ากับการทำงานไม่ได้เกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง
ดังนั้นการเรียนรู้ในองค์กรจึงต้องฝังให้กลืนกับการทำงาน
และดำเนินตามกลยุทธ์ของบริษัทที่กำหนดไว้
เป็นการประสานให้เกิดผลที่เกินคาด
หลายแห่งที่ประสบความสำเร็จจะใช้การเรียนรู้เป็นตัวดึงดูด เช่น
ให้ทุนการศึกษา หรือเปิดโอกาสให้แสดงความรู้อย่างเปิดเผย
หัวใจของการจัดการความรู้ก็คือ
ทำให้องค์กรเดินหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยความเสถียร
พนักงานจะลาออกหรือไม่จะไม่มีผลกับบริษัท
เนื่องจากระบบได้เก็บความรู้ส่วนนั้นไว้ก่อนแล้ว
ฉะนั้นองค์กรที่ยังขาดประสิทธิภาพในวันนี้
หากเริ่มต้นแล้วจะทำให้เดินได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับองค์กรที่เชื่อมั่นว่าบริษัทของตนเองดีอยู่แล้วนั้น
เป็นความเชื่อที่ผิดและจะนำไปสู่ความล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม
การจัดการความรู้จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง และคัดกรองอย่างดี
ไม่เช่นนั้นความรู้ที่ได้มาจะกลายเป็นขยะ
และจะไหวตัวไม่ทันในกระแสการแข่งขันที่ดุเดือด
ไม่มีความเห็น