เป็นธรรมเนียมนิยมในวิถีกิจกรรมนิสิต เมื่อสิ้นปีการศึกษา องค์กรนิสิตทุกองค์กร ต้องมีเวทีสรุปงานประจำปี รวมถึงส่งมอบงานระหว่างชุดใหม่และชุดเก่า ซึ่งมีทั้งเวทีในระดับองค์การนิสิต สภานิสิต สโมสรนิสิตคณะ
เวทีดังกล่าวนี้ ถือเป็นกระบวนการหนึ่งของการ "ประเมินแผนพัฒนานิสิต" ที่ประกอบด้วยเวทีรวมระดับมหาวิทยาลัยที่องค์กรนิสิตจะมาร่วมกันจัดเวทีร่วมกัน (องค์การนิสิต,สภานิสิต,สโมสรนิสิต) และอีกเวทีคือเวทีที่แยกส่วนไปจัดเฉพาะภายในแต่ละสโมสร ซึ่งนิยมจัดร่วมกันระหว่างฝ่ายพัฒนานิสิตคณะกับคณะกรรมการบริหารสโมสรนิสิตทั้งชุดเก่าและชุดใหม่
นอกจากนี้แล้วในปีการศึกษา ๒๕๕๖ กองกิจการนิสิต ในฐานะผู้ดูแลระบบการพัฒนานิสิตของมหาวิทยาลัยก็มิได้ละเลยที่จะจัดเวทีดังกล่าวนี้เช่นกัน ดังจะเห็นได้จากเวทีที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ กองกิจการนิสิต ได้เชิญผู้นำองค์กรนิสิต ทั้งชุดเก่าและชุดใหม่มาร่วม "สรุปหรือประเมินแผนพัฒนานิสิต" ร่วมกันอีกครั้ง
เวทีดังกล่าวนี้ เริ่มต้นจากการที่ฝ่ายเลขานุการสะท้อน "ข้อมูลเชิงสถิติ" ให้ทุกคนรับรู้ร่วมกันว่าแผนพัฒนานิสิตในระดับองค์กรนั้น ในภาพรวมบรรลุเกินร้อยละ ๘๐ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยกเว้นองค์การนิสิตเท่านั้นที่ยังขับเคลื่อนยังไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ส่วนองค์กรที่ขับเคลื่อนบรรลุแผนเต็ม ๑๐๐ แล้วได้แก่ สภานิสิต สโมสรนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ และอยู่ในข่ายที่จะบรรลุครบเต็ม ๑๐๐ อีก ๒ องค์กร คือสโมสรนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ และสโมสรนิสิตคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม
อย่างไรก็ดี เมื่อทุกคนได้เห็นข้อมูลอันเป็นสถานการณ์ร่วมกันแล้ว จึงเปิดเวทีโสเหล่ถึงสภาพปัจจัยเหตุต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนแผนงานที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีข้อจำกัดหลายประเด็นที่ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ตามแผนที่กำหนดไว้ เช่น ตรงกับกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ที่จัดขึ้นนอกแผนงาน ติดช่วงสอบกลางภาค ขาดการเตรียมการเชิงรุกในคณะทำงาน ฯลฯ
ถัดจากนั้นก็เปิดเวทีให้แต่ละองค์กรได้พิจารณาแผนงานเชิงรุกของตนเองที่สอดรับและสัมพันธ์กับนโยบายการพัฒนานิสิตในระดับมหาวิทยาลัยและระดับคณะ ซึ่งมีประเด็นสำคัญๆ เชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันได้แก่ ปรัชญา,เอกลักษณ์,อัตลักษณ์,ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ
ทั้งนี้แต่ละองค์กรได้พยายามสื่อสารให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างแผนงานขององค์กรต้นสังกัดกับประเด็นอันเป็นหมุดหมายเชิงยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยและคณะต้นสังกัด ซึ่งพบกิจกรรมเด่นๆ ที่ไม่ใช่กิจกรรมประเพณีนิยม (รับน้อง,ไหว้ครู,ลอยกระทง,สงกรานต์,กีฬา,วันเด็กแห่งชาติ) อย่างน่าสนใจหลายกิจกรรม เช่น
หรือกระทั่งแผนงานเชิงรุกที่ไม่ได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนานิสิตอย่างเป็นรูปธรรม แต่ทุกองค์กรจะหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพร่วมกับฝ่ายพัฒนานิสิตคณะ นั่นก็คือ “การบริจาคโลหิต” เฉลี่ยแล้วอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งเป็นอย่างต่ำ ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาร่วม ๕ ปี เสมือนการหยั่งรากเป็นวัฒนธรรมในองค์กร เป็นหนึ่งในกระบวนการบ่มเพาะเรื่อง “จิตสาธารณะ” หรือ “จิตอาสา” แห่งการ "ทำความดีเพื่อสังคม" ในอีกมิติหนึ่งด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังเปิดเวทีร่วมแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวทางของการ “ประเมินความเป็นไปได้” ของแผนพัฒนานิสิตที่เหลือว่าจะสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแผนงานของคณะกรรมการองค์กรชุดเดิม (ปีการศึกษา ๒๕๕๖) ที่เพิ่งหมดวาระลงในเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ แต่ได้ทำการส่งมอบให้คณะกรรมการชุดใหม่ (ปีการศึกษา ๒๕๕๗) เป็นผู้ขับเคลื่อนต่อในระยะเวลาที่เหลือในวงรอบปีการศึกษา ๒๕๕๖ ทะลุไปถึงแผนงานในวงรอบปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน ๒๕๕๗
และในช่วงท้ายของเวทีนั้น ได้เปิดให้แต่ละองค์กรช่วยระดมความคิด (หมุดหมาย) การขับเคลื่อนแผนพัฒนานิสิตปีการศึกษา ๒๕๕๗ ว่าควรมีประเด็นใดที่ต้องหยิบจับมาทำกันอย่างจริงๆ จัง ซึ่งนิสิตได้สะท้อนโดยสังเขป เป็นต้นว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีข้อยุติแต่ประการใด หากแต่มอบหมายให้องค์กรนิสิตชุดใหม่ในปีการศึกษา ๒๕๕๗ ได้กลับไปทบทวนร่วมกัน (คิดเอง) เพื่อกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์การทำงานเชิงรุกใหม่อีกครั้ง โดยแผนพัฒนาที่จะมีขึ้นนั้น ทั้งผมและทีมงานได้ฝากให้นิสิตวิเคราะห์ให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกำลังมุ่งไป –
ครับ, เวทีดังกล่าวนี้ ถึงแม้จะใช้เวลาไม่นานนัก แต่ก็เป็นเวทีที่สื่อให้เห็นถึงกระบวนการ "ประเมินแผนพัฒนานิสิต" ในระดับองค์กรนิสิตทุกองค์กรได้เป็นอย่างดี เป็นการทบทวน-สรุปผลการดำเนินงานในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมา เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การขับเคลื่อนในปีการศึกษาใหม่ หรือแม้แต่ในห้วงเวลาที่เหลือทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
เช่นเดียวกับการช่วยให้แต่ละองค์กรได้มองเห็นแผนงานของกันและกัน ซึ่งในบางแผนงานสามารถบูรณาการเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในอนาคต รวมถึงการมองเห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของกันและกันที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ หรือแม้แต่เกื้อหนุนกันและกัน
สำหรับผมและทีมงานแล้ว ในเวลาอันใกล้นี้ จะมีเวทีใหญ่เพื่อจัดทำ "แผนพัฒนานิสิต" ร่วมกันอีกครั้ง ทั้งในกลุ่มผู้บริการ-เจ้าหน้าที่ และนิสิต เรียกได้ว่าเป็นแผนพัฒนานิสิตในระดับมหาวิทยาลัยฯ นั่นเอง
เร็วๆ นี้....
ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ สรุป ปรับ พัฒนา ขับเคลื่อนแผนร่วมกันทุกฝ่าย พลังของการเรียนรู้ต่อยอด
ขอบคุณครับ นุ้ยcsmsu
สู้อุตส่าห์มาหนุนกันเอง 555
กระนั้นก็ท้าทายนะครับ สำหรับการผลักดันกลับสู่การเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระดับสถาบันที่เป็นรูปธรรมอีกครั้ง...
(แต่คงเหนื่อยหนักกว่าครั้งที่แล้ว....)
เป็นการประเมินแผนเพื่อพัฒนางานตนเองและสามารถมองเห็นแผนงานองค์การอื่นๆ เพื่อปรับแผนและกลยุทธในการทำงานตามนโยบาย
...เป็นตัวอย่างรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน ถูกต้อง ครบถ้วนนะคะ...
ขอบคุณครับ คุณ แดนไท
กระบวนการเช่นนี้ คือ PDCA ง่ายๆ ที่ทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง และมองทะลุไปยังการงานคนอื่น และยึดโยงเข้าหากัน
การพัฒนานิสิตในมหาวิทยาลัย ไม่อาจแยกส่วนการทำงานได้เลย จำต้องสัมพันธ์กันตั้งแต่ต้นน้ำ (นโยบาย) จากระดับมหาวิทยาลัยสู่คณะ และองค์กรนิสิต...
ขอบคุณที่แวะมาแลกเปลี่ยน ครับ
ขอบคุณครับ อ.Pojana Yeamnaiyana Ed.D.
ตอนนี้กำลังหาลักษณะร่วมอันเป็นทิศทางที่เหมือน หรือคล้าย หรือแม้แต่ความแตกต่างกันในการพัฒนานิสิตของแต่ละภาคส่วนโดยมีเป้าหมายอันเดียวกัน ตามปรัชญาของมหาวิทยาลัย (ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน) ซึ่งฟังดูนามธรรมมากครับ อาศัยการเรียนในชั้นเรียนอย่างเดียวคงยากที่จะก่อให้เกิดทักษะ และกระบวนทัศน์ได้ การเคลื่อนกิจกรรมนอกชั้นเรียนไปหนุนเช่นนี้ น่าจะทำให้เป้าหมายมีโอกาสสำเร็จได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งดีกว่าทำ-ขับเคลื่อนแยกส่วน หรือเชิงเดี่ยว ครับ
ครบถ้วนสมบูรณ์ตามวงจร PDCA ครับ ขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆเพื่อนๆและน้องๆสายกิจกรรมพัฒนานิสิตทุกท่านนะครับ
สวัสดีครับ หัวใจอาสา
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ
และขอให้มีพลังในการทำงาน-ใช้ชีวิต เฉกเช่นเป็นมา ครับ
ขอบคุณ tuknarak เช่นกันครับ
ขอให้ชีวิตเต็มไปด้วยพลังการสร้างสรรค์ นะครับ