เรามันก็แค่นี้เอง


ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ได้ทำการศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์แล้วนำมาปฏิบัติควบคู่กัน แม้การปฏิบัติจะไม่ก้าวหน้าเท่ากับปริยัติก็ตาม แต่มันก็ได้ผลในระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้แน่ใจว่าตนเองพอจะมีธรรมะในใจบ้าง เมื่อเวลาวิกฤติมาถึงคงผ่านไปได้ด้วยความมีสติ เห็นได้ชัดเจนเมื่อไปตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงเมื่อสี่ห้าปี่ที่แล้ว เมื่อได้ยินจากแพทย์ผู้ตรวจก็ไม่ได้ตกใจกลัวแต่อย่างใด เพียงแต่คิดว่าจะแก้ไขอย่างไร และก็อยู่กับโรคมาตลอด อาการดีขึ้นบ้างเลวลงไปบ้างตามเหตุปัจจัย แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ได้ปลงเสียแล้ว คิดเพียงว่าเป็นได้ก็หายได้ หยูกยาก็ไม่ได้หามากิน มันเจ็บมันปวดก็กินยาแก้ปวด มันฉี่ไม่ได้ก็ไปให้หมอสวนปัสสาวะกินยาตามอาการนั้น ๆ 

แต่แล้วเมื่อโรคมันกำเริบมาก ๆ อาการเจ็บปวดมันมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถยกใจออกจากทุกขเวทนาทางกายได้ จนบ้างครั้งอยากจะไปจากโลกนี้ให้มันพ้นทุกข์ไปซะที นี่ย่อมแสดงว่า ที่ตนเองเข้าใจว่าตัวเองมีธรรมะบ้างนั้นมันน่าจะไม่จริงซะแล้ว เพราะไม่สามารถแยกใจออกจากทุกขเวทนากายได้ 

เฮอ คงต้องฝึกอีกนานแน่ ๆ กว่าจะพ้นจากทุกขเวทนากายได้

ท่านเริ่มต้นฝึกกันรึยังครับฦ

หมายเลขบันทึก: 569009เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2014 14:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม 2014 14:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ค่อยๆฝึกนะครับ

แล้วจะแยกได้

สู้ๆๆครับ

เห็นอาจารย์มีผักที่บ้าน

เอามาฝากด้วย

เผื่ออาจารย์อยากปลูกบ้าง

จะได้ใช้วิชาชีพเดิมก่อนมาเป็นครูคอมฯ 555

http://www.gotoknow.org/posts/564952

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท