การละเมิดสิทธิในชีวิตอื่นๆ


                การละเมิดสิทธิในชีวิตอื่นๆนั้นยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปในโลกของเรา เนื่องจากความต่างทางด้านชาติพันธุ์ ศาสนา การเมือง ซึ่งด้วยความเห็นที่ต่างกันในเรื่องเหล่านี้เอง ที่ทำให้มนุษย์ถึงกับละเมิดในสิทธิของคนอื่นที่เป็นมนุษย์ด้วยกันและลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นลงไปได้ ด้วยเพียงความต่างนี่เอง

                 ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นก็มีให้เห็นกันได้ทั่วโลกนับแต่โบราณ ตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล ตั้งแต่การฆ่ากันระหว่างชนชาติยิวและอียิปต์ ซึ่งก็ยังเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบันเห็นได้จากสงครามและความขัดแย้งระหว่างชาติอาหรับและอิสราเอล รวมถึงการฆ่ากันของคนต่างศาสนาเช่นในสงครามครูเสด ไปจนถึงกลุ่มผู้ก่อการร้ายทั่วโลกในปัจจุบันรวมไปถึงสามจังหวัดชายแดนของไทยที่มีประเด็นส่วนหนึ่งมาจากชาติพันธุ์และศาสนาเช่นกัน หรือแม้กระทั่งสงครามของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ ที่จบลงด้วยความสิ้นชาติของชาวทมิฬในปีก่อน จะเห็นได้ว่าด้วยความแตกต่างมนุษย์สามารถฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของตนจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์ได้เลย ซึ่งนี่ถือเป็นการละเมิดสิทธิในชีวิตอื่นๆขั้นสูงสุดแล้ว และตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นการกระทำของนาซี  National Soziallism ที่ได้เข่นฆ่าและละเมิดความเป็นมนุษย์ของชาวยิวไปจนสิ้น ไม่เหลือความเป็นคนเลย พวกเขาถูกใช้แรงงานจนตาย ถูกใช้เป็นเหยื่อในการทดลองมรณะหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับความเจ็บปวดและความตายเท่านั้น เช่นทดลองความเจ็บปวดจากพิษ หรือ ไฟ เมื่อไรค่าก็นำไปรมแก๊สซึ่งนาซีเห็นว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วและประหยัดที่สุด โดยมีการฆ่าเยอะขนาดเป็นที่มาของคำว่า Holocaust หรือฆ่าล้างเผ่าพันธ์กันเลยทีเดียว ซึ่งการกระทำเหล่านี้ทำให้เห็นว่านี่คือการละเมิดสิทธิที่คงไม่มีสิ่งไหนละเมิดได้มากกว่านี้แล้วเพราะพวกเขาปฏิบัตรโดยไปสนกฏหมายใดหรือสิ่งใดๆเลย ไม่เห็นว่าชาวยิวเป็นมนุษย์อีกต่อไป

                 ส่วนตัวอย่างที่สอดคล้องและเกิดขึ้นในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นเรื่องเหตุการณ์ชาวโรฮิงญา หรือ “อาระกัน” ที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ของประเทศพม่า หลบหนีการทารุณและความยากแค้นเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยใช้เส้นทางการหลบหนีจากประเทศพม่า เพื่อไปยังประเทศมาเลเซีย ผ่าน อ.สะเดา จ.สงขลา ของไทย ในขณะที่บางส่วนอาจจะหลบหนีออกไปทางชายแดน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส และชายแดนด้านอื่น ๆ บ้างแต่หารู้ไม่ว่า จะเป็นการหนีเสือปะจระเข้ เพราะ ขบวนการพาชาวโรฮิงญา หลบหนีเข้าเมือง แท้จริงก็เป็นขบวนการค้ามนุษย์ ขบวนการนี้เก็บค่าจ้างในการพาหลบหนี แล้วนำชาวโรฮิงญาทั้งหมดไปกักขังเพื่อส่งต่อไปขายให้กับ นายจ้างอุตสาหกรรมเพื่อใช้แรงงานราคาถูก ที่นายจ้างจะทารุณเพียงใดก็ได้ ไม่ต่างไปจากทาสในอดีต

นับวันปัญหาการค้ามนุษย์ที่ปรากฏใน ชายแดนใต้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นโดยที่ไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เลย อาจเป็นเพราะการที่ไทยมองข้ามความสำคัญในด้านสิทธิมนุษยชน อันก่อให้เกิดการลิดรอนสิทธิทั้งกับ พลเมืองของรัฐ จนไปถึงผู้ที่มิใช่พลเมืองซึ่งย่อถูกกระทำอย่างแสนสาหัสยิ่งกว่า ถือได้ว่าไทยได้ปล่อยปะละเลยให้มีการละเมิด ทั้งปฎิญญาสากล และละเมิดต่อ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 32ที่วางหลักไว้ว่า

บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย การทรมาน ทารุณกรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้าย หรือไร้ มนุษยธรรม จะกระทำมิได้ แต่การลงโทษตามคำพิพากษาของศาลหรือตามที่กฎหมายบัญญัติไม่ถือว่าเป็นการลงโทษ ด้วยวิธีการโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรมตามความในวรรคนี้

การจับและการคุมขังบุคคล จะกระทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่งหรือหมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ


[1] เจาะลึก“โรฮิงญา”เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ตายทั้งเป็น!!ถูกขูดรีด-กักขัง-กดขี่เยี่ยงทาสhttp://www.dailynews.co.th/Content/regional/174579...

[2] รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550

http://www.livinginthailand.com/cons-03-3.html

หมายเลขบันทึก: 568648เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2014 03:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2014 03:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท