บ้านสมัยเด็ก (บ้านริมคลองแป๊ะกง): ตอนที่ 2 ย้ายบ้าน???


ทีนี้จะย้ายไปอยู่ที่ไหน????

บ้านสมัยเด็ก
ตอนที่ 2 ย้ายบ้าน


ข้าพเจ้าเติบโตและอยู่ที่ "บ้านใหม่" นั้นได้อายุราว ๆ 5-6 ขวบ
วันหนึ่งจำได้ว่า "เตี่ย" ไปรับข้าพเจ้าซึ่งเวลานั้นไปค้างที่บ้านคุณย่า ต.ท่าไม้
สมัยก่อนต้องพายเรือข้ามแม่น้ำท่าจีนเข้าไปในคลอง (บ้านย่านี้ปัจจุบัน คุณอาคนเล็กยังพักอาศัยอยู่)
เมื่อเตี่ยไปถึงนั้น ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า "เล่ากง"เสียแล้ว
จำได้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ร้องห่มร้องไห้ อาจเป็นเพราะเป็น"เหลน"ชั้นเล็กๆ ซึ่งน่าจะเป็นเหลน(ในเวลานั้น)
ที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น
ความทรงจำที่จำได้เกี่ยวกับเล่ากงนี้ คือ เคยได้วิ่งไปหาท่านตอนท่านขุดดิน พรวนดิน ถางหญ้าใส่ปุ๋ยทำสวนส้มโอ
จำได้ว่าท่านไม่ได้ใส่เสื้อ สาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าวิ่งไปหาเวลานั้นเพราะพวกพี่ๆที่อายุมากกว่ามาอวดว่า
ได้นาฬิกาข้อมือ ที่สานจากใบมะพร้าว ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสเห็นของแปลกแบบนั้น
จึงวิ่งไปขอจากท่านบ้าง และท่านก็สานนาฬิกาใบมะพร้าวนั้นใส่ข้อมือให้
สมัยก่อนนั้นเด็กๆ ลูกหลานท่านจะเยอะมาก เพราะเล่ากงนี้มีลูกทั้งหมด 8 คน
อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน 5 คน ที่เหลืออยู่ห่างออกไป
ในบรรดาลูกของท่าน 5 คนนี้ "ก๋ง" หรือคุณตาข้าพเจ้าเป็นบุตรชายคนโต
และก๋งเองก็มีลูกสืบตระกูลท่านต่อมาอีก 8 คน เหมือนเล่ากง
คุณแม่ข้าพเจ้าเป็นบุตรสาวคนที่ 4 รวมๆเด็กๆที่สืบเชื้อสายของท่านเองนับข้าพเจ้าเล็กสุดเวลานั้นได้ถึงเกือบ 20 คน!
หลายคนเป็น"กู๋"และ "อี๊" ที่ยังวัยรุ่นและเรียนระดับมัธยมบ้าง มหาวิทยาลัยบ้าง ส่วนรุ่นข้าพเจ้าน่าจะอยู่อนุบาลและประถม
เมื่อเตี่ยไปรับข้าพเจ้าและบอกว่าเล่ากงเสียแล้ว
จำได่ว่าข้าพเจ้าเดินตามเตี่ยไปอย่างเงียบๆ เราสองคนพ่อลูกพายเรือข้ามแม่น้ำท่าจีน เพื่อรีบกลับไปที่บ้านริมคลองนั้น
เมื่อไปถึง พบว่ามีคนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ต่างกุลีกุจอกันจัดการตอกตาปู ง่วนกับการสาละวนอยู่บนบ้านนั้น


.........เตี่ยนั้นยืนอึ้งอยู่ ตู้เสื้อผ้าใบเล็กถูกย้ายมาไว้ที่พื้นทางด้านล่างฝั่งประตูหลัง ข้าวของในบ้านเราถูกย้ายออกระเกะระกะ

ในความเป็นเด็กเวลานั้น ข้าพเจ้าใจหายวูบ....
และก็ยืนนิ่งอั้นไปเหมือนเตี่ย

ที่แท้แล้ว คนหลายคนที่มายังบ้านหลังนี้ก็เพื่อจัดพื้นที่เตรียมเคลื่อนย้ายศพของเล่ากงมาไว้
สาเหตุนี้เพราะ"บ้านใหม่" หลังนี้ เล่ากงท่านสร้างไว้เองและได้สั่งเสียไว้ว่าหากท่านเป็นอะไรไปให้เอาศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านนี้และให้เก็บอัฐิท่านไว้ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย

.......ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ขอสารภาพว่าเวลานั้นรู้สึกเสียใจและอาลัยบ้านที่เคยคลานเล่น ปีนป่าย และมีความทรงจำที่อบอุ่นมากที่สุดในช่วงชีวิตเวลานั้น
บ้านชั้นครึ่ง เพิงหมาแหงนนี้ มีบันไดขึ้นไปชั้นที่ 2 ข้าพเจ้าได้ปีนขึ้นบันไดนี้เมื่อรู้จักปีนป่าย
และคุณแม่ก็ใช้ชั้น 2 นี้เป็นที่ตากผ้า
ยามหน้าฝนเมื่อฝนตกกบร้อง ข้าพเจ้านอนฟังเสียงกบ เสียงเรือหางยาววิ่งผ่านริมคลองหน้าบ้านฯลฯ

ทีนี้จะย้ายไปอยู่ที่ไหน????

มุมมองจากภายในบ้าน
ประตูบ้านทำด้วยบานเฟี้ยม มีบันไดทอดขึ้นชั้น 2 เดิมจะมีฝาผนังกั้นชั้น 2ยาวมาถึงบันไดด้วย

หมายเลขบันทึก: 568240เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2014 05:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม 2016 16:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

บ้านอาจารย์ไกลจากวัดท่าไม้มากไหมครับ

ดูแล้วชอบบ้านที่ใกล้สายน้ำครับ

บ้านหลังที่พี่ขจิตเห็นนี้ อยู่ห่างจากวัดท่าไม้น่าจะประมาณ 8-10 กิโลเมตรถ้าเป็นทางรถยนต์
ซึ่งจะผ่านวัดนางสาวก่อนแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อข้ามสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน

สมัยที่ผู้เขียนยังเด็ก วัดท่าไม้นี้เป็นวัดร้าง หรือแทบจะรกร้าง น่าจะมีพระจำพรรษาเพียงรูป-2รูป(ไม่แน่ใจ)
ประมาณปีพ.ศ. 25520 ยังเต็มไปด้วยต้นไม้ที่รกชัฏ ผู้เขียนไม่เห็นแม้แต่หลังคาโบสถ์
หน้าวัดตรงริมแม่น้ำมีศาลาเก่าๆหลังเดียว เตี่ยของผู้เขียนเคยขับเรือไปจอดที่ศาลานั้น
(ผู้เขียนยังรู้สึกถึงความวังเวงของบรรยากาศที่วัดนั้นได้ดี)
สมัยนั้นวัดที่ชาวกระทุ่มแบนอาศัยอยู่ริมแม่น่ำท่าจีนนิยมไปทำบุญจะอยู่ตรงสองคุ้งน้ำของแม่น้ำท่าจีน
คือวัดดอนไก่ดี และวัดนางสาว มีงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่มาก ทั้งยังงานแข่งเรือยาวประเพณีด้วย
ปัจจุบันน่าจะยกเลิกไปแล้ว
....ขอบคุณค่ะที่พี่ขจิตคอยติดตาม (ตอนไปแข่งกีฬา 8 มศว.ที่บางแสนไปแข่งอะไรคะพี่??)

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท