ข้อคิดที่ได้จากภาพยนต์ Amazing Grace


ภาพยนตร์แห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 200 ปี แห่งการยกเลิกการค้าทาสในประเทศอังกฤษ นี่คือเรื่องราวการต่อสู้ของ วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ คริสเตียนหนุ่ม ผู้เป็นสมาชิกรัฐสภาอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น เพื่อยกเลิกกฎหมายการค้าทาสในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งเวลานั้นนับได้ว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงจนแทบประเมินค่าไม่ได้ เนื่องจากมีทาสผิวดำชาวแอฟริกาถูกเกณฑ์มาขายในตลาดค้าทาสกว่า 12 ล้านคน ผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลเกิดขึ้นบนเลือดเนื้อ ความตายและความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ ที่พวกเขาถูกมองว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากสัตว์ใช้งาน ใคร ๆ ก็มีสิทธิกอบโกยประโยชน์จากชีวิตทุกหยาดหยดของพวกเขาได้อย่างชอบธรรม เพียงเพราะเขาเกิดมามีสีผิวและหน้าตาที่แตกต่างจากคนบางกลุ่มเท่านั้น
วิลเบอร์ฟอร์ซ เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1759 ได้เข้าศึกษาที่วิทยาลัยเซ็นต์จอห์น เมืองเคมบริดจ์ ขณะที่ศึกษาอยู่เขาได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับ วิลเลียม พิตต์ ซึ่งกลายเป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษในเวลาต่อมา พิตต์เป็นผู้จุดประกายและชักชวนให้วิลเบอร์ฟอร์ซเข้าสู่เวทีการเมืองเพียงอายุ 21 ปี เขาได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในสมาชิกรัฐสภาประจำเมือง Hull เขาเป็นผู้มีวาทะศิลป์เข้าขั้นหาตัวจับยาก และนั่นทำให้เขาได้รับการขนานนามว่า "นักการเมืองฝีปากกล้าแห่งยุค"

วิลเบอร์ฟอร์ซเปิดใจต้อนรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตเมื่ออายุ 25 ปี นั่นคือจุดหักเหเป็นสำคัญในชีวิตของเขา เพราะพระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาที่เคยทะเยอทะยาน ใจร้อน แสวงหาความสุขอย่างไร้เป้าหมาย ให้กลายเป็นคนใหม่ วันนึงเขาได้พบกับ จอห์น นิวตัน ผู้รับใช้พระเจ้าและเป็นผู้ประพันธ์บทเพลง Amazing Grace ซึ่งเคยมีอาชีพค้าทาสมาก่อน นิวตันนับเป็นบุคคลสำคัญที่ร่วมแรงร่วมใจในการต่อสู้ร่วมกับวิลเบอร์ฟอร์ซ จนกระทั่งวาระสุดท้ายวิลเบอร์ฟอร์ซยื่นฎีกาขอให้มีการล้มเลิกการค้าทาส ในวันที่ 11 พฤษภาคม 1815 แต่ไม่สำเร็จ นับจากนั้นตลอด 18 ปีต่อมาเขายังคงเสนอฎีกา และต่อสู้ด้วยความทรหดอดทนจนในที่สุดพระราชบัญญัติเลิกทาส (Emancipation Act) ก็ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคม 1833 ซึ่งหลังจากนั้น 3 วัน วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ ก็เสียชีวิตลงในปีเดียวกัน รวมอายุได้ 74 ปี

"ข้าพเจ้าไม่ประสงค์จะกล่าวหาผู้ใด หากขอก้มหัวน้อมรับความอัปยศอดสูร่วมกับผู้แทนฯ ทุกท่านที่นั่งอยู่ในรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรนี้ พวกเราทั้งหมดมีความผิด ที่ปล่อยให้การค้าอันเลวร้ายนี้ดำเนินไปได้ภายใต้อำนาจการดูแลของเรา เราจึงไม่สามารถปัดความผิดไปยังผู้ประกอบการที่พัวพันกับภารกิจนี้โดยตรง"

ข้อคิดที่ได้จากการชมภาพยนตร์ดังกล่าวนั้นคือ เมื่อทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพก็จะเกิดมีขึ้นติดตัวมา การค้าทาสเป็นเสมือนการลิดรอนสิทธิให้มนุษย์ขาดอิสรภาพ ไม่มีความเป็นอิสระที่ควรจะได้รับตามหลักสิทธิมนุษยชน สิ่งที่สำคัญของมนุษย์คือปัจจัยขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ และอีกสิ่งหนึ่งนั้นไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่มีเชื้อชาติ เพศ ศาสนา สีผิว ฯลฯ เราจะต้องปฏิบัติและให้คุณค่าของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันในฐานะที่เขานั้นเป็นมนุษย์และยังควรต้องช่วยกันดูแลเพื่อนมนุษย์ทุกคนที่ต่างเป็นเพื่อนร่วมโลกให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพในสังคมด้วย ทาสทำให้คนคนหนึ่งไม่สามารถมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้อื่นได้ เกิดความไม่เท่าเทียม ดังนั้นเมื่อสิ่งที่มนุษย์ต้องปฏิบัติคือการแสวงหาอิสรภาพมา ตามภาพยนตร์ยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุงมั่น ทะเยอทะยาน เพื่อให้สามารถผ่านปัญหาดังกล่าวไปปได้ อันเป็นต้นแบบของการแก้ไขปัญหาในชีวิตมนุษย์

กรณ์เชษฐ์ โชติวราธนศักดิ์
15 พฤษภาคม 2557

เรื่องย่อ amazing grace. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : 
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=181700 (วันที่สืบค้นข้อมูล 15 พฤษภาคม 2557).

หมายเลขบันทึก: 568076เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2014 22:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2014 22:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท