ครอบครัวข้ามชาติ


     ครอบครัวข้ามชาติ คือครอบครัวที่มีสมาชิกข้ามชาติจากประเทศหนึ่งมายังอีกประเทศหนึ่งและสร้างครอบครัวขึ้นและต่อมาอาจมีบุตรทำให้ครอบครัวนี้เกี่ยวข้องกับหลายประเทศซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆได้

     การข้ามพรมแดนในสมัยนี้เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าอดีต ดังนั้นครอบครัวข้ามชาติจึงเป็นปรากฎการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม พบว่าครอบครัวข้ามชาติในพื้นที่ ระหว่างชายแดนของสองประเทศจะมีความซับซ้อนยิ่งกว่าพื้นที่อื่นๆ

    โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว พบว่าในแต่ละหมู่บ้านชายแดนฝั่งไทยที่ตั้งอยู่ชิดริมแม่น้ำโขงมีครอบครัวข้ามชาติเฉลี่ย10-20ครอบครัวต่อหมู่บ้าน โดยรูปแบบครอบครัวข้ามชาติที่พบในชายแดนไทย-ลาวมีทั้งสิ้นสามรูปแบบด้วยกันสามรูปแบบ ได้แก่

     รูปแบบแรก ครอบครัวที่เกิดจากการแต่งงานข้ามชาติระหว่างชาวบ้านคนไทยอีสานกับชาวบ้านคนลาว พบครอบครัวข้ามชาติแบบนี้อยู่ถึงร้อยละ 76

    รูปแบบที่สอง ครอบครัวผู้ลี้ภัยชาวลาวที่อพยพเข้ามาในเมืองไทยช่วงลาวแตกระหว่างพ.ศ.2517-2519

    รูปแบบที่สาม ครอบครัวแรงงานข้ามชาติสัญชาติลาว ที่หนีความยากจนในประเทศมาทำมาหากินในหมู่บ้านฝั่งไทย

     ครอบครัวข้ามชาติเหล่านี้มีปัญหาในการดำรงชีวิตประจำวัน เพราะแบบแผนของพวกเขาคือการทำไร่ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ หาปลา รับจ้าง เนื่องจากไม่อาจเดินทางออกนอกพื้นที่ได้ และต้องพึ่งพาคู่สมรสที่เป็นคนไทยสูง

     นอกจากนั้นยังส่งผลต่อฝ่ายชายที่สูญเสียความเป็นผู้นำเนื่องจากให้ฝ่ายหญิงออกหน้า ผู้หญิงเองก็พึ่งพิงฝ่ายชายทางด้านเศรษฐกิจมากเป็นพิเศษ กลุ่มคนเหล่านี้ ประสบปัญหาการไม่เข้าถึงสิทธิพื้นฐานและบริการสาธารณะที่รัฐจัดเฉพาะกับคนไทย เช่นการรักษาพยาบาลสวัสดิการต่างๆ การถูกจำกัดสิทธิในการเดินทางและความรู้สึกด้อยค่าในความเป็นมนุษย์ รู้สึกไม่เท่าเทียม เนื่องจากมีสมาชิกจำนวนหนึ่งไม่ได้รับการรับรองสถานะว่าเป็นพลเมืองไทย ก่อเกิดความไร้สัญชาติ ไร้รัฐ

     สิ่งสำคัญที่รัฐบาลไทยต้องเร่งดำเนินการ คือรับรองสถานะของบุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่เกิดจากการแต่งงานข้ามชาตินี้ แม้ไม่รับรองในบัตรประจำตัวประชาชนชาวไทย แต่ควรรับรองในเอกสารสิทธิบางประการที่ทำให้กลุ่มคนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงสิทธิที่ตนควรได้รับ หรือสิทธิที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับ คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานนั่นเอง

     จากกรณีศึกษาครอบครัวเจดีย์ทอง จะเห็นว่าครอบครัวเจดีย์ทองมีจุดเกาะเกี่ยวมากกว่า1ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีสมาชิกคือนางสาวแพทริเซียเป็นมนุษย์ข้ามชาติ ครอบครัวเจดีย์ทองจึงเป็นครอบครัวข้ามชาติ ดังนั้นกรณีของนางสาวแพทริเซียในประเทศไทยจึงถือเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ซึ่งจะไม่ได้รับสิทธิต่างๆเท่าที่ควรทำให้สามารถเกิดเป็นปัญหาสิทธิมนุษยชนขึ้นได้ โดยหากเปรียบเทียบกับอีกกรณีที่สามารถทำได้หากต้องการจะอยู่ในประเทศไทยอย่างถาวร คือ การของวีซ่าคู่สมรส หรือ Spouse Visa และจดทะเบียนสมรส โดยหากทำเช่นว่านี้ผลคือครอบครัวเจดีย์ทองจะเป็นครอบครัวข้ามชาติตามกฎหมาย นางสาวแพทริเซียยังคงมีสัญชาติมาเลเซียและจะได้รับสิทธิต่างๆมากกว่าการเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนดังที่เป็นอยู่ อีกทั้งบุตรทั้ง 3 นอกจากจะมีสัญชาติไทยตามหลักดินแดนหรือตามสัญชาติของบิดาเเล้ว ยังมีสัญชาติมาเลเซียตามมารดาได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการมีสิทธิบางประการตามกฎหมายของประเทศมาเลเซีย

    http://www.l3nr.org/posts/535906

    รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร. 2557. กรณีศึกษาครอบครัวเจดีย์ทอง : บุตรที่เกิดในไทยจากชายสัญชาติไทยและ         หญิงมาเลเซียมีสิทธิในสัญชาติไทยหรือไม่ ? เพราะเหตุใด ?. แหล่งที่มา :http://www.gotoknow.org/posts/566775...28               เมษายน 2557

    http://www.workpermitthai.com/visa-thai.htm

หมายเลขบันทึก: 568012เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2014 12:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2014 12:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท