ระยะสองสามปีที่ผ่านมา ผมมีจำนวนลูกศิษย์ที่สนิทสนมกัน
ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นลูกชาย (เกิดประมาณปี 2521) และบางคนก็เป็นรุ่นลูกสาว (เกิดประมาณปี 2531)
รุ่นวัยอื่น มีประปราย ที่ผมก็แปลกใจว่าทำไม??????????
ถ้าว่าตามหลักพระอภิธรรม ก็คงเป็นรุ่นที่สร้างกรรมร่วมกั
รุ่นลูกทั้งสองของผมนี้ เป็นกลุ่มที่นับถือผมมากๆ และคงคิดว่าผมเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต ที่มีธรรมะนำทาง
แต่ท่านเหล่านั้น หารู้ไม่ว่า ท่านเก่งกว่าผมเยอะมากๆๆๆๆๆๆ
เพราะผมกว่าจะตั้งหลักได้ จากชีวิตที่ไม่มีมรดกแม้แต่บาทเดียว
อดมื้อกินมือมายาวนานมากๆ
ความรู้ที่เป็นจริงทั้งหลายนั้น ก็ต้องวิ่งหาเองแทบทั้งสิ้น
มันช่างช้า และลำบากมากๆ จริงๆ
ผมกว่าจะรอดมาได้แบบ "ลอยตัว ก็ไม่นานมานี้เอง
ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ ครอบครัว สังคม การเรียนรู้ และการใช้หลักธรรมะในการชี้นำชี
ผมจึงนับได้ตามหลักว่า..... ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 40+
ใครเจอผมก่อนหน้านี้อาจจะรู้จัก
แต่หลังจากอายุ 40 เป็นต้นมา (พ.ศ. 2533) ผมเริ่มมีความเป็นตัวเองมากขึ้น
และเป็นตัวเองที่สมบูรณ์ครบถ้วน
ที่มีความรู้ประมาณว่า "พอใช้" ในแทบทุกด้าน แม้กระทั่งหลักธรรมะนำทางชีวิต ก็พอสมควร
------------------------------
แต่ลูกศิษย์ของผมที่สนิทสนมกันม
แต่ละคนมีชีวิตที่สมบูรณ์มากๆ แต่ก็ยังมานับถือผมเป็นครู ที่ผมสารภาพตรงๆว่า อายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพราะถ้าเทียบอายุกันแล้ว ท่านเก่งกว่าผมทุกคน อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
แต่......ที่ผมพอจะแนะนำท่านได้
นอกนั้นผมเทียบท่านไม่ได้เลยสัก
วันนี้************************
"ลูกศิษย์ผม เก่งกว่าผมทุกคน"
และผมนับถือท่านด้วยความจริงใจ
ท่านเป็น "ครู" สอนให้ผมรู้ว่า ...........................
"ชีวิตที่เริ่มต้นอย่างถูกต้อง และ เข้าทางที่ถูกต้องได้เร็ว ย่อมพัฒนาได้เร็ว"
ขอทุกท่านได้รับความขอบคุณ ด้วยความจริงใจ จากใจลึกๆ "มุทิตาจิต" ของผมเลยครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
ชอบวิธีคิดและบทเรียนแบบนี้ค่ะ คือ คนถ่อมตน จะทำให้เรามีความสุข สุขที่เราพอเพียง แม้นการเปรียบเทียบก็ทำอย่างพอดี เพราะมันเริ่มไม่เหมือนกันค่ะ สมัยโน้นกับสมัยลูกก็เริ่มกันไม่เท่ากัน เราคือฐาน ลูก ลูกศิษย์จึงไปต่อไปได้ค่ะ