คนข้ามชาติ[1] คือ ผู้ดำรงชีวิตในถิ่นฐานที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตนเอง เมื่อต่อมา คนข้ามชาติดังกล่าวได้ก่อตั้งครอบครัว ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชน ก็อาจก่อปัญหาทางด้านสัญชาติของบุตรที่เกิดมาจาก บิดาหรือมารดาที่เป็นคนข้ามชาติและไม่ได้มีสัญชาติเดียวกับถิ่นที่ดำรงชีวิตอยู่ หรือโดยฉพาะหากบิดามารดาซึ่งเป็นคนข้ามชาติไม่มีรัฐใดรับรองสัญชาติเลย
ประเทศไทยในปัจจุบันแม้ได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญาปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๐ แต่ก็ยังเกิดกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลในรัฐ ในข้อ ๑๕ ว่า(๑) สิทธิในการถือสัญชาติ (๒) การถอนสัญชาติโดยพลการ หรือการปฏิเสธสิทธิที่จะเปลี่ยนสัญชาติของบุคคลใดนั้นจะกระทำมิได้
ซึ่งการละเมิดสิทธิของประเทศไทยนั้นได้ปรากฏในกรณีตัวอย่างความไร้สัญชาติด้านข้อเท็จจริง ที่เป็นข้อบกพร่องทั้งผู้ปกครอง คือ พ่อแม่ และในระบบราชการไทยมากที่สุด ที่ผลักให้เด็กไทยที่มีสิทธิอยู่แล้วตามกฎหมาย กลายเป็นคนไร้สัญชาติ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย [2]
ได้แก่กรณี น้องดนัย ยื่อบ๊อ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2542 ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย เป็นบุตรของนายอาบู ไม่ได้มีสัญชาติไทยที่เป็นถิ่นฐานที่เข้ามาอยู่อาศัย โดยการเข้าเมืองผิดกฏหมาย กับนางหมี่ยื่ม ยื่อบ๊อ ซึ่งทั้งสองเป็นชาวอาข่าที่อพยพมาจากฝั่งเมียนมาร์ ต่อมาในปี 2552 นางหมี่ยื่ม สามารถพิสูจน์และได้รับสัญชาติไทยภายหลังจากทีน้องดนัยเกิด ดังนั้นในขณะที่น้องดนัยเกิด บิดาและมารดาจึงเป็นคนข้ามชาติที่อาศัยในไทย โดยไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย
จากข้อเท็จจริงน้องดนัย เกิดที่เมืองไทยซึ่งควรได้รับสัญชาติไทยตามหลักดินแดน แต่ในใบสูติบัตรระบุว่าน้องดนัยเป็นเด็กไร้สัญชาติ เมื่อน้องดนัยอยู่ในไทยโดยไร้สัญชาติไทยจึงกลายเป็นคนข้ามชาติ อันจะก่อให้เกิดการถูกละเมิดสิทธิอื่นๆ แต่เมื่อพิจารณาตามพรบ. สัญชาติซึ่งการได้มาของสัญชาติพบว่า ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ ม.7(1)[3] บุคคลที่เกิดจากมารดาสัญชาติไทย ย่อมมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยการเกิดตามหลักสายโลหิตจากมารดา แม้มารดาจะประสบปัญหาคนไร้สัญชาติในขณะที่น้องดนัยเกิด แต่ต่อมานางหมี่ยึ่มก็ได้พิสูจน์สัญชาติและมีรัฐไทยรับรองสัญชาติไทยโดยสำนักทะเบียนอำเภอแม่อาย เมื่อนางหมี่ยึ่มมารดาก็มิใช่คนต่างด้าวจึงไม่เข้าตามข้อยกเว้นใน มาตรา 7 ทวิ บัญญัติว่า ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาแลมารดาเป็นคนต่างด้าวย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ดังนั้นเด็กชายดนัยจึงมีสิทธิได้รับรองสัญชาติไทยจากอำเภอ
พิจารณาจากกรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยที่เป็นภาคีในอนุสัญญาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเด็กชายดนัย โดยไม่รับรองสัญชาติให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ15 (1) ทุกคนมีสิทธิในสัญชาติหนึ่ง [4] และในการละเมิดสิทธิในทางสัญชาตินั้นย่อมก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆตามมา คือประชาชน คนไทยที่ซึ่งยังไม่ถูกรับรองสัญชาติไทยนั้น ง่ายมากต่อการถูกกระทำ หรือละเว้นไม่กระทำการ อย่างใดหนึ่ง เพื่อให้เกิดการคุ้มครอง เนื่องจากไม่สามารถอ้างสิทธิใดๆได้เลย ยิ่งกว่านั้นไม่ได้รับแม้กระทั่ง ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาตนเองพื้นฐานที่บุคคลทุกคนพึงได้รับจากความเป็นมนุษย์ อาทิ สิทธิในการศึกษา ในข้อ 26(1) และสาธารณสุข ตาม ข้อ 25 (1) ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เป็นต้น
ดังนั้น รัฐจึงควรแก้ไขการละเมิดสิทธิในการได้รับรองสัญชาติให้มีการรับรองสัญชาติแก่เด็กแรกเกิดโดยดูจากจุดเกาะเกี่ยวกับชาตินั้นๆเพื่อให้นำไปส่การลดปัญหาการละเมิดสิทธิอื่นๆ
เขียน: 28 เม.ย. 2014
[1] พฤกษ์ เถาถวิล. นโยบายการจัดการแรงงานข้ามชาติ ของไทย. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://www.tci-thaijo.org/index.php/mekongjournal/article/viewFile/6802/5876. 25 เมษายน 2557.
[2] บทสรุปปัญหาคนไร้สัญชาติในประเทศไทย. ทีมงานThaiNGO. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://www.thaingo.org/story/nationless.htm. 25 เมษายน 2557.
[3] โครงการคุ้มครองสิทธิเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ. การได้มาของสัญชาติ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://www.stateless4child.net/content/การได้มาซึ่งสัญชาติไทย-อยากรู้อ่านบทความนี้นะครับ. 25 เมษายน 2557.
[4] กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ. ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
Universal Declaration of Human Rights. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://www.mfa.go.th/humanrights/images/stories/bo... 25 เมษายน 2557.
ไม่มีความเห็น