ผู้ลี้ภัย หมายถึงบุคคลที่อยู่นอกประเทศต้นกำเนิดหรือประเทศที่มีถิ่นฐานประจำ เพราะเขาผู้นั้นประสบกับภัยอันเกิดแต่การตามล่า การกดขี่ด้วยเหตุทาง เชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ ความเห็นทางการเมือง หรือ การเป็นสมาชิกของกลุ่มสังคมที่ถูกตามล่า บางครั้งอาจเรียกผู้ลี้ภัยว่า ผู้ขอที่ลี้ภัย (asylum seeker) จนกว่าจะได้รับการยอมรับสถานภาพของผู้ลี้ภัย [1]
แต่ประเทศไทยไม่ได้ลงนามรับรองเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 ดังนั้นไทยจึงเรียกบุคคลเหล่านี้ว่า ผู้หนีภัยความตายจากการสู้รบ แม้ไม่ได้เป็นภาคีแต่ไทยก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อบุคคลเหล่านี้ได้ เนื่องจากการคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวคือจะเคารพสิทธิของมนุษย์ขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่าการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของผู้หนีภัยความตายนี้ จึงขออทิบายควาหมายของผู้หนีความตายดังต่อไปนี้
ผู้หนีภัยความตาย” คือ ผู้หนีภัยที่เกิดกับชีวิต ทั้งภัยโดยตรง และโดยอ้อม ภัยโดยตรง เช่น ภัยจากการสู้รบส่วนภัยความตาย โดยอ้อม โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ [2]
1. ภัยความตายทางกายภาพ ซึ่งเกิดจากการคาดการณ์ได้ว่า ถ้าไม่หนีออกมาจากพื้นที่นั้นจะต้องตาย เช่น เมื่อรู้ข่าวว่ามีกองทหารกำลังจะเข้ามาที่หมู่บ้านและมีข้อมูลว่า หากทหารเข้ามาในหมู่บ้านแล้วจะเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนจนถึงขั้นเสียชีวิต ได้ จึง หนีออกมาก่อนที่ทหารจะมาถึง หรือ กรณีการหนีจากการบังคับเกณฑ์แรงงาน ซึ่งอันที่จริง การเกณฑ์แรงงานไม่ได้เป็นภัยความตายโดยตรง คือ ถ้าถูกยอมให้เกณฑ์แรงงานไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะไม่ถูกฆ่าตาย แต่ถ้าหากปฏิเสธไม่ยอมทำงาน ก็มีความเสี่ยงที่จะตายได้ หรือ หากถูกบังคับให้ทำงานแล้วหลบหนีออกมาก็มีข้อมูลว่าคนเหล่านี้จะถูกฆ่าตายได้ เช่นเดียวกับกรณีการถูกบังคับเก็บภาษี หรือการข่มขืน ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามก็มีความเสี่ยงที่จะตายได้ นี่เป็นตัวอย่างของภัยความตายทางกายภาพที่เห็นได้ชัด
2. ภัยความตายทางจิตใจ เช่น การข่มขืน เป็นต้น
เช่นนี้เมื่อเราพิจารณาถึงต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดผู้ลี้ภัยหรือหนีคามตายนั้น ส่วนมากเกิดจากปัญหาความขัดแย้งและสงคราม และบ่อยครั้งที่ต้องคนจำพวกเช่นว่านี้ต้องทนทุกข์เพราะได้รับความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิด ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ เช่น เหตุการณ์ในประเทศซีเรียเกิดการจลาจลขึ้นในเมืองดาราทางตอนใต้ของประเทศ หลังมีกลุ่มเด็กและวัยรุ่นถูกจับเพราะวาดภาพล้อเลียนการเมือง มีประชาชนเสียชีวิตหลายสิบรายหลังจับกลุ่มประท้วงและเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายการบริหารประเทศภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างยาวนานของตระกูลอัล-อัสซาด ฝ่ายรัฐบาลจึงตอบโต้ประชาชนที่ลุกฮือด้วยวิธีรุนแรงต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ การยิงระเบิดก๊าซพิษซารินในเดือนสิงหาคม 2013 เพื่อจัดการกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลในเมืองกัวตาห์ จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ราย ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนชรา แม้กระทั่งเด็ก [3]
โดยสรุปปัญหาที่เห็นได้ชัดของผู้ลี้ภัยนั้นมี 2 ประการ คือ สิทธิในการได้รับการศึกษา และสิทธิในการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
ประการแรก คือ สิทธิในการที่จะได้รับการศึกษา เด็กที่อยู่ในค่ายลี้ภัยส่วนใหญ่นั้นไม่มีโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีโอกาสได้ไปโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโรงเรียนที่มารูปแบบในการจัดการเรียนการสอนที่ดีเช่นเด็กคนอื่นที่มิได้อยู่ในค่ายลี้ภัย ซึ่งขัดกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 26(1) ที่มีหลักอยู่ว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษา การศึกษาจะต้องให้เปล่าอย่างน้อยในขั้นประถมศึกษาและขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับประถมจะต้องเป็นภาคบังคับ การศึกษาด้านวิชาการและวิชาชีพจะต้องเปิดเป็นการทั่วไป และการศึกษาระดับสูงขึ้นไปจะต้องเข้าถึงได้อย่างเสมอภาคสำหรับทุกคนบนพื้นฐานของคุณสมบัติความเหมาะสม ทำให้เด็กเหล่านั้นไม่มีโอกาสที่จะได้พัฒนาตนเองและโตขึ้นอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่าเด็กคนอื่นได้ซึ่งเมื่อพิจารณาหากผู้ที่ลี้ภัยจากประเทศซีเรียนั้นเป็นเด็กย่อมต้องต้องได้รับผลกระทบดังที่กล่าวมาแน่นอน
ประการที่สอง คือ สิทธิในการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอยู่การเป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้หนีภัยความตายนั้น ไม่ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป เพราะต้องอาศัยอยู่ในค่ายหรือที่พักพิงที่ทำขึ้นชั่วคราว รอผู้คนบริจาคปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต จากสงครามกลางเมืองของซีเรีย ผู้อพยพชาวซีเรียนั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก ซึ่งขัดกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 25(1) คือ ทุกคนมีสิทธิในมาตรฐานการครองชีพอันเพียงพอสำหรับสุขภาพและความอยู่ดีของตนและของครอบครัว รวมทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และการดูแลรักษาทางการแพทย์ และบริการสังคมที่จำเป็น
และเนื่องจากรัฐบาลไทยไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสถานะภาพผู้ลี้ภัยพ.ศ. 2494 และไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย หรือกระบวนการที่ใช้งานได้เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ขอลี้ภัยประเทศไทยถือว่า ผู้ลี้ภัยทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่ของค่ายผู้ลี้ภัยที่กำหนดไว้นั้นเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศโดยผิดกฏหมาย จึงทำให้เกิดปัญหามากมายและส่งผลเสียต่อผู้ลี้ภัยในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะยังไม่มีนโยบายรองรับผู้ลี้ภัยแต่อย่างใด ประเทศไทยจึงควรสัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสถานะภาพผู้ลี้ภัย2494 หรือพิธีสารเกี่ยวกับสถานะภาพผู้ลี้ภัย2510และออกกฏหมายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยเพื่อปฏิบัติตามพันธะภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รวมทั้งจัดตั้งระบบการพิจารณารับลี้ภัยอย่างเป็นธรรม ประเทศไทยควรเกณฑ์การพิจารณาสถานะผู้ลี้ภัยที่เหมือนกันแก่คนทุกสัญชาติ และมีความสอดคล้องกันกับคำนิยามระหว่างประเทศเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย ซึ่งรวมถึงผู้ที่รบหนีภัยจากการสู้รบ ประเทศไทยควรปล่อยตัวผู้ลี้ภัยที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติรับรองออกจากที่คุมขังโดยทันที และยุติวิธีการการควบคุมตัวอย่างไม่มีการกำหนดเพื่อจะกดดันให้ครอบครัวของผู้ต้องขังชำระค่าใช้จ่ายในการเนรเทศ เพื่อรองรับและขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ผู้ลี้ภัยในปัจจุบันให้หมดสิ้นไป [3]
แหล่งที่มาของข้อมูล
[1]ความหมายของผู้ลี้ภัย(ออนไลน์)
[2]ความหมายของผู้หนีความตาย(ออนไลน์) http://salweennews.org/home/?p=986
[3] เหตุการณ์จราจลในประเทศซีเรีย(ออนไลน์) http://www.hrw.org/node/110102
ไม่มีความเห็น