หลายท่านคงจะคุ้นเคยกับการ "สูญเสีย" อาหาร จากระบบ การผลิต การขนส่ง และการแปรรูปพอสมควร
แต่ผมเชื่อว่า อาจจะยังไม่คิดถึงการสูญเสีย จากการบริโภค
อย่างมากก็อาจจะแค่ "ทานให้หมด ไม่เหลือทิ้ง" อะไรประมาณนั้น
แต่ผมเชื่อว่า การ "กินให้หมด" นั้น ก็อาจจะทำให้ "สูญเสีย" ไปมากพอสมควรแล้ว
เพราะอาจจะ "เกินความต้องการของร่างกาย" ก็ได้
รู้ได้อย่างไรว่าเกิน ก็ดูจากการสะสมไขมันสำรอง "เกินความจำเป็น"
และในกระบวนการ "กินอาหาร" ก็ยังทำให้สูญเสียได้อีกมาก
แม้จะไม่มีการสะสมไขมันส่วนเกิน
ก็คือ "เกินจากที่ร่างกายจะเก็บไว้ได้
และสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดไม่ถึง ก็คือ.......
การเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ทำให้เซลล์เดิมแตกละเอียด สารอาหาร และ "โภชนะ" หรือ "โอชารูป" ถูกนำไปใช้ได้ทั้งหมด ไม่ติดคาไปกับกากอาหาร และขับถ่ายไปเป็น "กาก" ในระบบขับถ่าย
ถ้าคิดและทำได้ดั่งนี้แล้วไซร้ ถือว่าเป็นการบริโภคอาหารที่ลดก
แต่ยังไงก็คงไม่ถึง 100%
เพราะยังไงก็มีการสูญเสียในระบบ
ดังนั้น ที่กล่าวมาจึงสรุปได้ว่า.......
การลดความสูญเสียอาหารนั้นนอกจา
1. ผลิตและบริโภคโดยตรง จะลดความเสียหายจากการขนส่ง
2. ทานอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อย จะมีโอกาสสูญเสียน้อย
3. ทานแต่พอดี ไม่เหลือทิ้งทั้งในขั้นตอนการปรุง ทำอาหาร การตัก การล้าง ฯลฯ
4. ทานเท่าที่จำเป็น ไม่เกินความต้องการของร่างกาย
5. เคี้ยวให้ละเอียด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยแล
6. ไม่ควรเน้นการสะสมอาหารสำรองในร่างกายเกินความจำเป็น สัก 2-5 กก. ก็พอ แค่เผื่อฉุกเฉินและเจ็บป่วย ไม่สะดวกทานอาหาร หรือทานไม่ได้
และพึงระลึกเสมอว่า.....
การทานอาหารเกินความจำเป็นนั้น
ก. เราจะทำลายทรัพยากรไปโดยไม่จำเป็น
ข. ร่างกายต้องทำงานหนักเกินความจำ
และ
ค. มักจะมี "อาการ" ผิดปกติของร่างกายสารพัด ที่ภาษาหมอเรียกว่า "โรค" ที่ทำให้ตัวเอง ครอบครัว และสังคมเดือดร้อน ได้อีกหลายเรื่อง
จึงขอเชิญชวน มา "ลดการบริโภค" อาหารเกินความจำเป็น
เพื่อตัวเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม กันดีกว่าครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
...เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะท่านดร.แสวง
หลังจากที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ผมหุ่นดีขึ้นจากน้ำหนัก80ลดลงเหลือ77สูง170จะลดลงอีกให้เหลือ70-75ตามมาตรฐานสากลหล่อขึ้นเยอะอิอิอิอิอิอิอิอิ