ไมซาเร๊าะเป็นคนถนัดซ้าย
บางคนได้ยิน---อาจให้กำลังใจในแง่บวก
บอกว่า "ศิลปิน"
แม้รู้ว่าตัวเองถนัดซ้าย แต่ก็เลือกที่จะสวมนาฬิกาไว้ข้างซ้าย
แม้จะรับผู้ว่า คนปกติทั่วไปจะสวมนาฬิกาข้างที่ตัวเองไม่ถนัด
การพยายามทำตัวให้เหมือนคนถนัดขวา
จึงเป็นสิ่งที่ครูตอนมัธยมเคยแซวแบบขำ ๆ
ด้วยความสนิทกันว่า "เธอไม่เหมือนเพื่อนแต่พยายามทำตัวปกติ"
แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร
การถนัดซ้ายของไมซาเร๊าะ ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก
เพราะทุกอย่างอิสลามให้เริ่มด้วยมือขวา
ให้ทานข้าวด้วยมือขวา
และก็พยายามทานข้าวด้วยมือขวา จนทานได้---
ต้องขอบคุณโต๊ะ (ยาย) ที่หมั่นเปลี่ยนช้อนให้ฝึกทานขวา
จนทำได้ในปัจจุบัน
จากเหตุการณ์ที่กล่าวมา ดูแล้ว
ไมซาเร๊าะไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักกับการที่ตัวเองถนัดซ้าย
ถ้าสิ่งนั้นไม่เกี่ยวพันกับการขับมอไซต์
การขับมอไซต์เราต้องเลี้ยวขวาในบางครั้ง
เป็นสิ่งที่กำหนดตามกฎจราจรและเส้นทาง
ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
หากรถไม่เยอะ---หรือขับคนเดียว ก็สามารถเลี้ยวขวาได้
แม้จะไม่คล่องนัก แต่ก็พอไปได้
หรือบาฝทีขับอยู่เลนส์ซ้าน ก็ปาดไปเลนส์ขวา
ถ้าเห็นว่ารถว่าง และเลี้ยวซ้ายอีกที
ข้างต้นเป็นการแก้ปัญหาการขับรถของตัวเองเมื่ออยู่ในหมู่บ้าน
ที่มีรถแบบนับจำนวนคันได้
แต่ไม่ใช่ที่ปัตตานี ซึ่งรถเต็มถนนสายมอ.
และยิ่งคนไปไหนแล้วไม่จำทางอย่างไมซาเร๊าะแล้ว
ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
แล้วคุณเชื่อเรื่องการเติมเต็มมั้ย
ตอนแรก ไมซาเร๊าะต้องเตรียมพร้อม เมื่อทราบว่า
สามีของเราไม่สามารถขับรถได้
นั่นหมายความว่า เราต้องเป็นคนขับ
และต้องขับให้คล่องขึ้น เพื่อจะไปไหนด้วยกันได้
ในบางอารมณ์ที่อยากมีเราแค่สองคน
ทฤษฎีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดจึงถูกนำมาใช้
เมื่อวันหนึ่งที่เราพักอยู่หน้ามอ. และอยากเดินทางไปยังสวนสมเด็จ
และเลยไปหาของอร่อย ๆ ริมทะเล
คุณสามีหลับตาคำนวนเส้นทาง
เมื่อไมซาเร๊าะเอ่ยชวน ว่าอยากพักสายตา
หลังจากที่นั่นหน้าคอมและมึนกับเด็นโดรแกรมของวิจัย
และตามด้วยประโยคต่อมาว่าเสียดาย เพราะตามความเข้าใจไมซาเร๊าะ
จะไปสวนสมเด็จได้ ต้องกลับรถไปทางหน้ามอ.เท่านั้น
"ใครบอก มีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด บังรู้จักทาง"
"เลี้ยวซ้ายที่ไหน---ไปสวนสมเด็จต้องตรงไปทางมอ. ต้องเลี้ยวขวาแน่นอน"
ไมซาเร๊าะแย้งไปตามความรู้เรื่องเส้นทางอันน้อยนิด
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขับ โดยมาคุณสามีซ้อนท้าย
ด้วยการชี้ให้ขับลัดเลาะมาทางซ้ายมื้อห้าแยกสายมอ.
และไปทะลุหลังมอ. ซึ่งเป็นทางไปสวนสมเด็จ
เป็นอันว่า ทฤษฎีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดได้ผล
และตอนกลับ---เราก็กลับทางหน้ามอ.
ตามเส้นทางที่ไมซาเร๊าะจดจำมา
บางทีเราอาจจะไม่สมบูรณ์
เขาเองก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์
แต่เมื่อเรามาใช้ชีวิตด้วยกัน
ก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์
เพราะหากสมบูรณ์ไมซาเร๊าะก็คงได้สามีที่ขับรถคล่อง
บังอาริฟเองก็คงได้ผู้หญิงที่พร้อมลุยและเข้มแข็งกว่านี้เป็นภรรยา
เราสองคนนิกะฮฺกันแล้ว
ใช่ว่าเราสองคนจะสมบูรณ์
แต่ในความไม่สมบูรณ์นั้น
เราก็หมั่นเพียรเติมเต็มให้กันเสมอ
เราหัวเราะและยิ้มให้กันได้
แม้ยามที่เจอสะพานต่ำเตี้ยที่เราต้องลอดผ่าน
บังอาริฟหันมามองไมซาเร๊าะด้วยความเป็นห่วง
คิดว่าลอดไม่ได้แน่ ๆเพราะเราอ้วน
ส่วนเขาก็ต้องผ่านอย่างง่ายดาย
เพราะเขาผอมและตัวเล็ก
แต่เมื่อผ่านมาได้---กลับพบความจริงที่ว่า
ไมเราะผ่านมาอย่างง่ายดาย เพราะเราอ้วนและตัวสั้น
แต่บังกลับผ่านมาแบบทุกลักทุเล
เพราะถึงแม้จะผอม แต่ดันขายาวและสูง
สุดท้ายก็จบที่การหัวเราะให้กัน
กับการคาดคะเนของเราสองคน
โดนใบสั่งให้วิ่ง
สวีตกันนิดนึง
แหนมเนื้อ
ส้มตำ---อาหารนานาภาค
หมึกไข่ย่าง
มุมสวย ๆ ของหาดรูสะมิแล
แบ่งปัน ทายซิ ใครมือบนใครมือล่าง
(ใครให้ใครรับ)
สลามครับ
ขอบคุณที่นำบางมุมของตัวเองและครอบครัวมาเรียนรู้
วะอาลัยกุมุสลามค่ะ เป็นการเริ่มต้นก.ไก่ของชีวิตคู่ เราสองคนเริ่มทำความรู้จักกันหลังแต่งงานค่ะ
เลยต้องเรียนรู้ร่วมกันอีกเยอะเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และกำลังใจจากการติดตามค่ะ
อาจารย์
สลามหมึกไข่น่ากินมาก
ขอบคุณมากๆครับ
รสชาติก็ดีมากเหมือนกันค่ะ ท่าน