ลุงเหมย
ข้าราชการครูบำนาญ นายชุมพล บุญเหมย

การแผ่เมตตา หลังจากการเสร็จเสิ้นการภาวนาทุกครั้ง.......


กราบบุญบารมีของท่านกัลยาณชนและรัตนมิตรทุกท่านของอีตาลุงเหมยด้วยใจบริสุทธิ์ครับ.....การแผ่เมตตา หลังจากการเสร็จเสิ้นการภาวนาทุกครั้ง.......การแผ่เมตตา...หมายถึงการตั้งจิตปรารถนาให้ผู้อื่นมีสุข การแผ่เมตตาเป็นกากรเจริญกรรมฐานอย่างหนึ่ง ซึ่งมี ๒ ประเภท คือ สมถกัมมัฏฐาน แปลว่าการสงบใจ , การฝึกให้จิตสงบตั้งมั่น และ วิปัสสนากัมมัฏฐาน แปลว่าการเรืองปัญญา  , การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งรู้ชัดภาวะของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น สรุปแล้วก็คือ .. การเจริญเมตตามีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดกิเลสฝ่ายโทสะ เช่น  ทำจิตปลอดโปร่งเบาสบาย และ เป็นสุข ดังนั้น...กากรแผ่เมตตาแม้จะเป็นการแผ่ความปรารถนาดีแก่ผู้อื่นก็จริง แต่ผู้ที่ได้รับอานิสงส์หรือประโยชน์ที่แท้จริงนั้น คือตัวเรา ... การแผ่เมตตา โดยปกติแล้วมี  ๒  ประเภทด้วยกัน คือ
          ๑.   การแผ่เมตตาโดยไม่เจาะจงผู้รับ  คือ แผ่กไปโดยไม่ระบุลักษณะผู้รับว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน เพศอะไร หรือมีลักษณะเป็นอย่างไร คือแผ่ไปโดยใช้คำกลาง ๆ ที่ครอบคลุมสัตว์ทุกประเภท เช่นคำว่า สัตตา (สัตว์ทั้งหลาย) ปาณา (สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย ) ถูตา  (สัตว์ที่เกิดมีแล้วทั้งหลาย )
         ๒.   การแผ่เมตตาโดยเจาะจงผู้รับ  คือ แผ่ไปโดยระบุประเภทหรือลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งของผู้รับ เช่น ระบุว่า..แผ่เมตตาให้มนุษย์ เทวดา เปรต อสุรกาย หรือ สัตว์นรก เป็นชาย หรือหญิง เป็นต้น....แต่ในพระคาถาเมตตาหลวงได้เพิ่มลักษณะการแผ่เมตตาอย่างที่ ๓ ขึ้นมาอีก คือ การแผ่เมตตาให้กับสัตว์ที่อยู่ในทิศต่าง ๆ อีก ๑๐ ทิศ....
การแผ่เมตตาโดยไม่เจาะจงผู้รับ
พระพุทธองค์ทรงระบุไว้มี  ๕  ประการ  คือ แผ่ให้แก่...
     ๑.   สัตตา สัตว์ทั้งหลาย
     ๒.   ปาณา สัตว์ที่มีลมปราณ (สัตว์ที่มีชีวิต)
     ๓.   ภูต สัตว์ผู้เกิดมีแล้ว เป็นแล้ว เช่น เกิดมีชีวิตเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นเทพ หรืออีกนัยหนึ่ง ภูต ยังแปลว่า ผู้มีอยู่เป็นอยู่ตามกรรมที่ตนสร้างไว้ คือยังมีกิเลสเป็นเหตุให้สร้างกรรมและต้องรับผลของกรรม
     ๔.   ปุคคะลา บุคคลทั้งหลาย บุคคล ตามภาษาบาลีแปลว่า ผู้กินอาหารเลี้ยงชีพ หรือ ผู้มีชีวิตด้วยการกินอาหาร หรืออีกนัยหนึ่งแปลว่า ผู้เคลื่อนไปสู่การจุติ(ตาย) และอุบัติ(เกิด) อันได้แก่สัตว์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด
     ๕.   อัตตะภาวะปะริยาปันนา มาจากคำว่า อตฺตภาว (อัตภาพ,ภาวะแห่งการมีตัวตน) + ปริยาปนฺนา (นับเนื่อง,เกี่ยวเนื่อง) แปลรวมกันได้ว่า .. ผู้นับเนื่องหรือเกี่ยวเนื่องกับการมีตัวตน หรือมีความเกี่ยวข้องกับขันธ์ ๕ คือ มีรูปร่างและจิตวิญญาณ แปลให้เข้าใจงาย ๆ ว่า...สิ่งที่มีชีวิตมีตัวตน.....ซึ่งมีคาถาสวดโดยไม่เจาะจงผู้รับดังนี้....

       กะตะเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ ฯ
   ๑.  สัพเพ สัตตา  อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
   ๒.  สัพเพ ปาณา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
   ๓.  สัพเพ ภูตา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
   ๔.  สัพเพ ปุคคะลา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
   ๕.  สัพเพ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง
        ปะริหะรันตูติ
          อิเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ

       เป็นอย่างไรบ้างครับ ยังงงอยู่ใช่ไหมล่ะว่า บาสวดเมตตาใหญ่นี้ทำไมไม่เหมือนกับบทสวดที่ท่านที่เคารพของอีตาลุงเหมยสวดอยู่เป็นประจำใช่ไหมครับ...โปรดติดตามต่อไปก็บอกกแล้วไงว่าบทสวดพระคาถาเมตตาใหญ่ไงละครับ....ตอนต่อไปจะเป็นการสวดแผ่เมตตาโดยการเจาะจงผู้รับ สำหรับวันนี้ขอกราบเท้าท่านกัลยาณธรรมและรัตนมิตรทุกท่านจงประสพแต่ความสุขการ สุขใจไปทุกเมื่อ...เทอญ...

 
     




 
 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 563566เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2014 12:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม 2014 22:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

หวัดดีจ้ะลุงเหมย คิดถึงจ้ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท