สมอง กับ จิต สัมพันธ์กันอย่างไร


มีท่านผู้รู้และลึกซึ้งทางธรรม ได้เปิดประเด็นนี้มาในเวบ พร้อมวิพากษ์ไว้ว่า....

14:50
Eakkung Sritara

มีคำถามเกิดขึ้นในใจละว่า 
เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่หลงยึดให้เกิดตัณหา เป็นเพียงแค่รูปที่ไม่มีอะไรเลย เป็นของที่มีอยู่เป็นธรรมดาแล้วอะไร ที่ยังทำให้เรายึดอยู่ ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่ง ๆ ที่เราหลงนั้น เป็นธรรมดา เป็นคำถาม ที่เอกตอบตัวเองไม่ได้เลย

14:52
ณรัฐกร ธันยวุฒิโรตม์

ที่รู้ สมองมันรู้ แต่จิตมันไม่รู้หรอก ทุกคนรู้หมดแหละ ว่าอันนี้ไม่ควรยึด อันนี้ไม่ควรหลง อะไรคือกิเลส แต่รู้แค่ระดับสมอง ระดับสมองเป็นแบบโลกๆ 

อย่างคนที่อ่านเยอะ ฟังธรรมเยอะ ก็รู้เยอะใช่ไหม แต่รู้แค่ระดับสมองมันไม่ได้เข้าไปในจิต เพราะ จิตไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราเป็นเพียงภาชนะของจิต จิตไม่ได้รู้ไปตามสมอง เพราะความรู้ทางสมองเป็นของหยาบ 

เมื่อจิตไม่รู้ จึงวางไม่ได้จริง การวางต้องวางที่จิต สังเกตง่ายๆ ใครที่ฟังธรรม ไม่ภาวนาขจัดกิเลส ปฎิบัติให้สบายๆ ตามแต่ใจตนเอง ทำให้จิตไม่รับรู้ความเป็นจริงแห่งทุกข์ จิตจึงไม่ยอมรับความจริงว่าการเกิดเป็นทุกข์.. เสร็จแล้วบอกว่าตนเองได้ธรรม คือได้จริงแต่ได้แค่สมอง แค่ความคิด ตายก็หมดไป ส่วนจิตนั้นไซร์ โง่เช่นเดิม ต้องไปวนเกิดใหม่ 

นี่คนหลงไปเยอะ เพราะว่าไม่รู้ แยกแยะไม่ได้ ระหว่างความคิดสมอง หรือ ปัญญาของจิต คนจึงโดนหลอกไปนอกทางเยอะ คือไม่เข้าทางจิต แต่คิดเอา เออเอา ตามตำรา ตามสิ่งที่ฟังมา

วิธีการที่จะให้จิตรู้ความจริง และวางได้ต้องภาวนาให้ได้วิปัสสนา..

ณรัฐกรณ์
กลุ่มต้นบุญ https://www.facebook.com/groups/tonbun
 
 ************************************************************************
 
ที่ผมขอนำหลักการนี้มาคิดต่อว่า........
 
รื่องนี้น่าคิดมากๆ เพราะเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในสังคมโลกปัจจุบัน

ทั้งนี้เพราะ คนจำนวนมากอยู่ในวังวนของ "ดี ชั่ว รู้หมด แต่อดไม่ได้"

ทั้งที่รู้ว่าไม่ดีกับใครทั้งสิ้น ก็ยังทำลงไป

หรือ ในทางตรงกันข้าม

ดีกับทุกคน แต่กลับไม่ทำ ทั้งๆที่ ก็ทำได้ไม่ยาก อยู่ในขีดความสามารถอยู่แล้ว

---------------------------------------------------------------

เรื่องนี้ ผมเคยบันทึกไว้ไม่ต่ำกว่า 3 บันทึก สักช่วงประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาแล้ว 

ว่าเป็นระดับของการจัดการความรู้แบบ "ธรรมชาติ" (KM ธรรมชาติ)

ที่มีตั้งแต่ระดับเล็กสุด (โมเลกุล) ระดับอวัยวะของสิ่งมีชีวิต (สมอง) และ และสูงสุด ระดับจิตวิญญาณ

ที่ผมเดาแบบอนุมาน ว่าน่าจะสอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ที่น่าจะเกิดในระดับสัตว์ที่ใช้สัญชาตญาณในการดำเนินชีวิต
แต่น่าประหลาดที่ธรรมชาตินี้ กลับไม่เกิดแบบ "อัตโนมัติ" ในคนที่มีสมองขนาดใหญ่

แต่ต้องอาศัยการสร้างให้เกิดขึ้นโดยระบบ "การศึกษา" ที่แปลว่า การพัฒนาตนเอง เสียก่อน

ซึ่งการศึกษาของมนุษย์ในสมัยโบราณนั้น ก็เน้นการพัฒนาตนเองได้ดีพอสมควร

แตเมื่อคนได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมา คนส่วนใหญ่กลับเน้นเป้าหมาย "การศึกษา" ไปเพื่อการทำมาหากิน มากกว่า การพัฒนาตนเอง
และการทำมาหากินของมนุษย์ในโลกสมัยใหม่ กลับยิ่งห่างไกลจากการพัฒนาตนเอง จนแม้กระทั่งเป็นการ "ทำลายตนเอง" ไปก็ยังมี

ดังนั้น คำพูดสั้นๆในรูปนี้ ได้กระตุกระบบคิดของคน ให้ลองหันมาคิดว่า เรากำลังทำอะไร เพื่ออะไรกันแน่ ทั้งวันนี้ และวันข้างหน้า
----------------------------------------------------------------
สำหรับท่านที่สนใจที่จะ "พัฒนาตนเอง" หรือ ทำให้ต้วเองมีการศึกษา
คงต้องพยายามทำให้กระบวนการเรียนรู้ของสมองกับจิต เป็นเรื่องเดียวกัน

การส่งถ่ายข้อมูลทะลุผ่านถึงกัน โดยไม่มีอะไรขวางกั้น

ก็น่าจะทำให้ "สมอง" สามารถช่วย พัตนาจิต ที่เป็นแก่นของชีวิต ทั้งปัจจุบัน และอนาคตที่อาจมี ก่อนที่สมองจะหมดสภาพ หรือเสื่อมจนทำอะไรไม่ได้

การพัฒนาจิต โดยใช้สมองเป็นฐาน น่าจะย้อนกลับมาสน้บสนุนให้สภาวะของการจัดการความรู้ระดับโมเลกุล และสมอง พัฒนาไปอย่างถูกทาง มีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อทั้งตัวเราเอง และสังคมโดยรอบ
----------------------------------------------
นี่คือสิ่งที่ผมเข้าใจ และพยายามคิดดังๆ เพื่อทบทวนความคิดของตัวเอง ว่าเข้่าท่าเข้าทางมากน้อยแค่ไหน

โชคดีหน่อยที่ผมศึกษาพระอภิธรรม จิต และเจตสิกมาบ้าง ก็เลยพอจะอ่านเจตนาของผู้ให้ข้อคิดที่สำคัญข้อนี้

และน่าจะมีการนำไปปรับใช้ในวงกว้างอย่างเป็นจริงต่อไป

ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ต่อท่านผู้ให้ต้นคิดนี้ครับ

ผมจะลองคิดต่อ และขยายผลตามเจตนาอันเป็นกุศลของท่านครับ
หมายเลขบันทึก: 563295เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2014 21:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม 2014 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท