เช้าแรกของการทดลองสอนมาถึงแล้ว วันนี้ตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ เพราะจะได้พบเจอกับนักเรียนของโรงเรียน วชิราลัย อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เป็นครั้งแรก และยังต้องได้เป็รครูลูกเสือจำเป็นให้กับนักเรียนในการเข้าค่ายลูกเสือครั้งนี้ด้วย
ก่อนจะไปเข้าค่ายกับเด็ก ๆ ฉันได้มีโอกาสพบปะกับครูพี่เลี้ยงและผู้จัดการโรงเรียนวชิราลัย (ผู้จัดการ ในที่นี้ก็คือ ผู้อำนวยการโรงเรียน นั่นเองค่ะ) ครูพี่เลี้ยงของฉันได้พูดกับฉันอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ทำให้ฉันต้องหาคำตอบให้ได้ระหว่างการอยู่ค่ายครั้งนี้ คือ น้องจะเห็นความแตกต่างระหว่างครูโรงเรียนรัฐบาลและครูโรงเรียนเอกชนรวมทั้งเด็กนักเรียนด้วย
จากนั้นครูพี่เลี้ยงก็ได้พาไปพบกับผู้จัดการโรงเรียน และท่านได้ให้ข้อคิดว่า "ออกจากบ้านมาแล้วเมื่อกลับไปบ้านต้องได้อะไรกลับไปบ้างซักอย่างนึง" ไม่ใช่สักแต่ว่ามาสอนหรือมาเข้าค่าย..... อืม น่าคิดนะค่ะ
07.45 น. เวลาของการลงทะบียนของนักเรียนก็มาถึง ฉันและเพื่อนจึงทำหน้าที่ทันที คือช่วยครูในการจัดเด็กลงทะเบียน
เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้ว นักเรียนทุกคนก็จะมาเข้าแถวเพื่อรับโอวาทจากผู้จัดการโรงเรียน
จากนั้นคณะครูและนักเรียน ได้เดินไปไหว้ครูบาศรีวิชัย ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านบนอาคาร(ดาดฟ้า)
เมื่อไหว้ครูบาศรีวิชัยกันเสร็จแล้ว ก้ออกเดินทางสู่ค่ายชุ่มจิตต์ทันที.............
ถึงแล้วจ้า ^^ ค่ายชุ่มจิตต์ เมื่อนักเรียนเดินทางมาถึง วิทยากรก็ทำการต้อนรับกันเล็ก ๆ น้อย เพื่อรอลูกเสือและเนตรนารี บางส่วนที่ยังเดินทางมาไม่ถึง
เมื่อลูกเสือและเนตรนารีทุกคนมาพร้อมแล้ว ก็ได้ทำการเปิดกองลูกเสือทันที ....
เปิดกองลูกเสือเลร็จแล้ว ก็เวลาประมาณ 11.30 น. ลูกเสือ-เนตรนารี ทุกนาย ยังไม่ได้เก็บสัมภาระของตัวเองเข้าที่พักหรอกน่ะจ๊ะ ทุกคนต้องเดินทางไกลทันที ระยะทางในวันนี้ 7 กม. ค่ะ
ถามว่า เด็ก ๆ ไม่กินข้าวหรอ? คำตอบคือ กินค่ะ แต่ให้แวะกินระหว่างการเดินทางไกล (ทุกคนจะเตรียมห่อข้าวของตัวเองมา) เหมือนการเดินทางไกลจริง ๆ เลยใช่มั้ยละค่ะ
ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยวิทยากร ฉันและเพื่อนจึงได้รับหน้าที่ให้ประจำอยู่ที่ ฐานที่ 5 เป็นฐานเกิอบสุดท้าย เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่แล้วก็เดินทางไปกันเลยค่ะ...
นี่แหละค่ะ เส้นทางการเดินไปยังฐานที่ 5 รีบ ๆ หน่อยค่ะ ต้องไปถึงฐานก่อนเด็ก ๆ และไปแต่งตัวให้กับวิทยากรด้วย
ระหว่างที่รอลูกเสือ-เนตรนารี มายังฐานที่ฉันประจำอยู่ ฉันก็ได้เดินไปฐานใกล้ ๆ เพื่อสำรวจดูเด็ก ๆ และได้เจอกับวิทยากรที่ขับมอเตอร์ไซต์ ตรวจดูเด็ก ๆ เผื่อว่าเด็กจะเดินหลงทางถึงแม้จะมีแผนที่ก็ตาม
และแล้วก็เป็นความจริง มีเด็กกลุ่มหนึ่งเดินหลงออกไปทางถนนใหญ่ระยะทางก็ประมาณ 3 กม. กว่าจะเดินกลับมายังจุดเดิมรวมแล้วก็เกือบ 6 กม. น่าสงสารเด็ก ๆ จริง ๆ
ฉันคิดว่าการเดินทางไกลเช่นนี้สำหรับเด็ก ม. ต้น มีแผนที่เพียงอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเด็ก ๆ คงไม่สามารถที่จะอ่านแผนที่กันได้อย่างแม่นยำ ควรมีการทำป้ายบอกทางในช่วงที่มีทางแยก หรือ มีป้ายบอกทางทุก ๆ 50 เมตร เพื่อกันเด็กเดินหลงทางเช่นนี้
.............................................
และเมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจในฐานที่ 5 ฉันและเพื่อนก็เดินทางกลับ เลยแวะเก็บภาพในฐานสุดท้ายของลูกเสือ-เนตรนารี
เย้..... เดินทางมาถึงที่พักแล้ว ภาระกิจต่อไปสำหรับเย็นนี้ของลูกเสือ-เนตรนารี ก็คือการทำอาหาร และต้องนำไปให้วิทยากรชิมด้วยน่ะค่ะเนี่ย
เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็ก ๆ ต้องเตรียมตัวสำหรับการเข้าฐานอีกครั้งในค่ำคืนนี้ และฉันก็ได้รับหน้าที่ประจำอยู่ที่ฐานประสาทสัมผัส แต่หน้าเสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก เพราะวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอุปกรณ์และทำหน้าที่
................................
สำหรับกิจกรรมทั้งหมดในวันนี้
ทำให้ฉันเหนื่อยมาก แต่ในความเหนื่อยนี้ก็แฝงไปด้วยความสุข :)
ในอนาคตฉันต้องสอนและดูแลเด็ก ๆ อย่างเต็มที่โดยที่ไม่กลัวลำบาก ไม่ว่าจะทั้งลุยน้ำ ลุยดิน เหมือนวันนี้ก็ตาม
ในเมื่อวันนี้ฉันสามารถดูแลเด็ก ๆ กลับไปถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย คงเปรียบกับในอนาคตที่ฉันจะต้องสั่งสอนนักเรียนและนำพานักเรียนทุกคนที่เป็นลูกศิษย์ไปถึงฝั่งให้ได้
ในค่ายนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนาน แต่วันนี้ทุกคนได้รับความสามัคคี ช่วยเหลือกันทั้งในหมู่ของตัวเองและต่างหมู่.....
สุภรัตน์ รัตนงาม
27/01/57
การเรียนรู้จะทำให้เกิดมุมมองอีกมาก เวลาเป็นครูจริงๆแล้วจะภาคภูมิใจขึ้นอีกโขครับสู้ๆ
สวัสดีค่ะ อาจารย์prayat duangmala
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ หนูจะสู้ต่อไปเพื่อเด็ก ๆ ที่น่ารักค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีครับ คุณ สุภรัตน์ รัตนงาม
การเรียนรู้มันต้องเริ่มจากศูนย์ แล้วเราถึงจะเก่ง สู้ไปพร้อม ๆกัน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ
สวัสดีค่ะ คุณพงศ์พันธ์ ปัญญาแก้ว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบันทึกน่ะค่ะ
สวัสดีครับ คุณ สุภรัตน์ รัตนงาม
ขอเป็นกำลังใจให้ครูมือใหม่คนนี้ด้วยนะค่ะ
สู้ ๆ ต่อไปค่ะ