จากเด็ก ก็ แก่เลย (วิชาผู้ใหญ่)


        ในยุคสมัยที่มีค่านิยม การเป็นเจ้าคนนายคน ป้าแดงก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ พ่อแม่ ยัดเยียดการเรียนให้มากกว่าเด็กหรือลูกชาวบ้านอื่นๆทั่วไป เพื่อหวังว่าลูกจะได้ทำงานดีๆเป็นข้าราชการที่พ่อแม่มีความภาคภูมิใจ กิจกรรมส่วนใหญ่จึงเกี่ยวกับการเรียน งานบ้านงานครัว พี่ๆก็รับไป การไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆก็น้อยมาก

        พอเรียนจบมีงานทำ ก็ต้องรับผิดชอบ การเป็นหัวหน้า การเป็นผู้นำทีม ร่วมถึงต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราะต้องอยู่ตามลำพัง ไม่มีพ่อแม่พี่น้องคอยประคบประหงม ไม่ค่อยมีเวลาที่่จะเริงร่า ลั๊นล๊าให้สบายอารมณ์ เพราะต้องทำตัวให้น่าเคารพนับถือ ไม่อย่างนั้นจะเป็นแบบอย่างที่ดีไม่ได้

      จำได้ว่าบอกกับน้องๆเพื่อนๆ ไปว่า "ช่วงชีวิตพี่ไม่เคยรู้จัก คำว่า หนุ่มสาว เลย เพราะ พอพ้นวัยเด็ก ก็แก่เลย " 

 

      ครั้งหนึ่งของชีิวิตการทำงาน มีญาติคนไข้ร้องไห้เข้ามาบอกว่า "เงินหายไป สงสัยลืมไว้ในห้องน้ำ นึกขึ้นได้ กลับไปดูก็ไม่เห็นเงินเสียแล้ว" ก็ไม่รู้จะช่วยลูกค้าเราอย่างไร ครั้นจะเอาเงินส่วนตัวให้ ก็ไม่ค่อยมี คิดอยู่เป็นนาน จึงตัดสินใจ เชิญทุกคนมานั่งประชุม เพื่อหาทางออกร่วมกัน ตอนนั้นรู้สึกประหม่ามากด้วยความเป็นเด็กจบใหม่ใครๆก็เฝ้าดูว่าเด็กใหม่จะแก้ปัญหาอย่างไร   ลูกค้า(คนไข้และญาติ) ต่างก็ล้วนเป็นคนมีอายุ บางคนเป็นคุณครู 

 

        ก็ได้แต่ขอร้องอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนไปว่า "เราต่างมีความทุกข์ร่วมกัน ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัีนในโรงพยาบาล ท่วมกลางการเจ็บป่วยของญาติพี่น้อง ซึ่งก็เป็นญาติๆกันทั้งนั้น มีอะไรก็แบ่งปันกันไป ครั้งนี้ เงินของเพื่อนหายก็เหมือนเงินของเราหายไปด้วย เพราะต้องกินต้องใช้ด้วยกัน ไม่ได้ว่าใครเป็นคนเอาไป แต่ขอให้เอากลับไปวางไว้ที่เดิม" 

 

        อีกไม่นานเจ้าของเงินก็วิ่งมาบอกว่า "ได้เงินคืนแล้ว ขอบคุณมาก" ตอนนั้นรู้สึกโล่งและภูมิใจกับตัวเองมากที่ทำได้สำเร็จ คนไข้และญาติก็อยู่ด้วยกันอย่างไม่หวาดระแวงกัน นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็เป็นสุขใจทุกทีและเขียนแชร์ออกไปบ่อยครั้ง 

 

        ทำงานมาสักพักใหญ่ ประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ก็พบว่า เด็กสมัยใหม่ เอาดีแต่เรื่องเรียนอย่างเดียวหนักกว่ายุคของเราเสียอีก รุ่นน้องที่มาทำงานด้วย รู้เรื่องดีเฉพาะในตำราแต่นำออกมาใช้ไม่ได้ พอไปเที่ยวงานบุญบ้านใคร ก็ช่วยงานบ้านไม่เป็น หยิบจับอะไรไม่คล่องเหมือนคนรุ่นเก่า 

 

        พอป้าแดง มีโอกาสได้ เป็นพี่เลี้ยงนักศึกษา จึงพาน้องๆออกงานสังคม ไปเที่ยวงานวัด ไปช่วยงานบุญบ้านเพื่อนๆพี่ๆ เข้าค่ายจิตอาสา เกี่ยวข้าวดำนา ตกปลา ไปเรื่อย ด้วยคิดว่า เด็กจะรู้จักการใช้ชีวิตนอกตำราที่มีความเป็นจริงของชีวิตอยู่มาก ทำให้เด็กสมัยใหม่ปรับตัวและใช้ีชีวิตในสังคมได้อย่างเป็นสุข เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต

 

       การที่เด็กจะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ต้องเรียนรู้ให้มากๆ ความผิดพลาดของชีวิตย่อมมีแน่นอนเพราะเราขาดประสบการณ์ การออกนอกตำราไปมองชีวิตจริงจะช่วยให้เรามีประสบการณ์ แก้ปัญหาต่างๆได้ การเป็นคนช่่างสังเกตช่างวิเคราะห์และไตร่ตรอง ก็จะช่วยให้เราผิดพลาดน้อยลง และที่สำคัญที่สุด หากเด็กได้เรียนรู้เรื่องการใช้สติ ไม่ประมาท ประพฤติตัวด้วยความระมัดระวัง ไตร่ตรองก่อนทำทุกครั้ง ชีวิตก็จะประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง อย่างแน่นอน 

       วันเด็กในปีนี้(2557) ขอให้เด็กได้เรียนรู้ความเป็นผู้ใหญ่ให้มาก ความผิดพลาดที่นำมาซึ่งความเดือดร้อนของคนส่วนใหญ่ เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ ขอให้เด็กในวันนี้ เป็นผู้ใหญ่ที่จะสร้างชาติให้สงบเจริญรุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจเป็นประวัติศาสตร์ของความดีงาม ด้วยเถิด............

 

 

 

        

        

        

หมายเลขบันทึก: 559198เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2014 12:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มกราคม 2014 12:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

คงต้องภูมิใจ...ที่ได้เป็นคนที่มีคุณค่าของสังคม

จึงขอให้กำลังใจในการทำความดีต่อไป

....... ขอบคุณมากนะคะ ....

เป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่ามากๆค่ะ

ดูป้าแดงยังกระฉับกระเฉงดี

ยังไม่แก่เลยนะครับ 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท