ภูหินร่องกล้า (๑) : มุ่งสู่เป้าหมาย


การเดินทางสู่ภูหินร่องกล้า : ระหว่างเดินทาง

    เรา (ผมและคู่ชีวิต) ได้รับบัตรเชิญเพื่อเข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนร่วมงานท่านหนึ่ง จึงตกลงกันว่า จะเดินทางไปร่วมงานแต่งงานคือ จังหวัดนครสวรรค์ คู่ชีวิตเดินทางมาจากสงขลาในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๗ เพื่อมาสมทบกับผมที่จังหวัดปทุมธานี ในการนี้ คู่ชีวิตพูดเปรยอยู่บ่อยๆ กรณี อยากไปดูซากุระเมืองไทย ที่ภูลมโล จังหวัดเลย (พิษณุโลก+เพชรบูรณ์) อันเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่อยากชื่นชมกับความสวยงามอย่างดอกไม้เป็นต้น ผมทราบในใจว่า ความอยากชื่นชมดังกล่าวนี้ต้องมีที่มา ที่สำคัญคือการสื่อสารทางโทรทัศน์ ผมไม่ขัดกับเรื่องดังกล่าว แม้ว่าเธอจะทัดทานว่า "ไม่ต้องไปก็ได้" ข้อความนี้มีความหมายบางอย่าง เพราะคำว่า "ก็ได้" มันหมายถึงมีนัยอยากจะไป 

   วันเสาร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๔.๓๐ น. เราตื่นนอนและทำภาระกิจตามปกติ ประมาณ ๐๕.๓๐ น. เราจึงเดินทางออกจากบ้าน มุ่งไปที่จังหวัดนครสวรรค์ อันเป็นสถานที่แต่งงานของเพื่อนร่วมงาน โดยพาหนะคือรถ eco car ความเร็วโดยเฉลี่ยคือ ๑๐๐-๑๒๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ถนนโล่งพอสมควร อาจมีบางครั้งที่ต้องให้เครื่องยนต์ออกกำลังคือเลยไปที่ความเร็ว ๑๔๐-๑๕๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง (ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้) ระหว่างนั้น แวะกินอาหารเช้ากันที่ปั๊ม ปตท.บ้าง แวะเข้าห้องน้ำบ้าง อนึ่ง การเดินทางของเราที่ใช้เป็นปกติคือ เราจะเติมน้ำมันปั๊มบางจาก แต่จะแวะพักที่ปั๊ม ปตท. ประมาณ ๐๙.๓๐ น. เราจึงสถานที่เป้าหมายคืองานแต่งงาน

   ในงานแต่งงาน มีแขกเหรื่อเข้ามาร่วมพอสมควร โดยมากเป็นผู้สูงอายุวัยเกษียณ ซึ่งเป็นญาติฝ่ายพ่อและแม่ ของเจ้าสาว ส่วนเจ้าบ่าวนั้นอายุเกือบ ๕๐ แล้ว เพื่อนร่วมงานจึงปลอดวัยรุ่นไป เสียงเฮฮา กรีดกราย จึงไม่มี ทราบมาว่า พ่อของเจ้าสาว ก่อนเกษียณ ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ มรภ.นครสวรรค์ ส่วนแม่เป็นพยาบาล เจ้าสาวเคยทำงานแบงค์มาก่อน ทั้งคู่ เรียนจบปริญญาโทมาด้วยกัน ฝ่ายชาย (เจ้าบ่าว) จบจริยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ฝ่ายหญิงเรียนจบ เศรษฐศาสตร์ แม่ของเจ้าบ่าวมีอาชีพชาวนา แต่เกษียณจากชาวนาแล้ว จึงปล่อยให้ลูกๆได้ประกอบกิจการชาวนาต่อไป 

   งานแต่งงานเริ่มจากช่วงเช้า ๐๖.๐๐ น. มีการผูกข้อไม้ข้อมือจากญาติทั้ง ๒ ฝ่ายที่บ้านของเจ้าสาว ประมาณ ๐๗.๐๐ น. ทำพิธีสงฆ์ที่หอประชุมของโรงเรียน...(จำไม่ได้) ในตัวเมืองนครสวรรค์ และประมาณ ๐๙.๓๐-๑๐.๓๐ น. เป็นพิธีรดน้ำสังข์ เราสองคนมาทันรดน้ำสังข์ แม้ว่าเราจะอายุน้อยกว่าเจ้าบ่าว และคุณความดี ความงามทางจิตใจของเรานั้นไม่เท่าเจ้าบ่าวเลย แต่ก็อยากที่จะรด จึงเดินต่อแถวร่วมด้วยไปให้พรด้วย อย่างน้อย เจ้าสาวก็อายุน้อยกว่าผม เจ้าสาวเป็นคนน่ารัก สุ้มเสียงอ้อแอ้ ทางพิธีกรแซวมาแต่ไกลว่า งานนี้น่าจะเป็นงานหนึ่งที่เจ้าบ่าวยิ้มร่า

 

   การจัดเลี้ยงไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอร์เลย ในความคิดของเราถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างหนึ่ง อาหารที่จัดเลี้ยงเป็นแบบโต๊ะจีน อย่างที่สังคมไทยทั่วๆไปได้ใช้บริการกันอยู่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในหลายเรื่อง อย่างน้อย เจ้าภาพของงานจะได้ไม่ต้องพวงกับการบริการอาหาร แตกต่างจากบ้านนอกทางภาคใต้อย่างสงขลา จะมีการเลี้ยงกันทั้งวัน และแขกเหรื่อก็เดินทางกันมาทั้งวัน

   

   พิธีกรยังไม่หยุดแซว โดยชื่นชมผ่านทางเครื่องขยายเสียงหลายหน ว่าตั้งแต่เป็นพิธีกรมา ก็เห็นจะมีงานนี้แหละ ที่เจ้าบ่าวทำหน้าที่เจ้าบ่าวจริงๆ โดยเริ่มจากพิธีสงฆ์ เจ้าบ่าวเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของงาน ทางพิธีกรได้ถามถึงว่า พบกันครั้งแรกเมื่อไร และรักกันเมื่อไร เจ้าบ่าวเรียกเสียงฮาจากผู้ร่วมงานอย่างน่าชื่นใจ ขณะที่สาวๆทั้งหลายน้ำตาไหลพราก

   เจ้าบ่าวและเจ้าสาว รู้จักกันผ่านเพื่อน และโทรคุยกัน แล้วมีแอบมาดูตัวกัน ถามว่า รู้ว่ารักกันเมื่อไร เจ้าบ่าวบอกให้ทราบว่า คงจะไม่อาจบอกใครๆได้ว่ารักกันเมื่อไร เพราะเจอกันครั้งแรกนั้นเกินคาดไปหน่อย (ฮาาาาา เพราะเจ้าสาวน้ำหนักเยอะ) อันความรักนั้นเปรียบเหมือนน้ำซึมในผืนทราย (วาทะเจ้าบ่าวเรียกฮาแบบซาบซึ้ง) ค่อยๆซึมซับจนทรายเต็มด้วยน้ำ จึงบอกไม่ได้ว่า เกิดครั้งแรกเมื่อไร อย่างไรก็ตาม ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั้นรักพ่อแม่มาก ช่วงสุดท้าย เจ้าสาวร้องไห้พูดไม่ออก เพื่อจะบอกว่า การมีวันนี้ได้นั้นเพราะพ่อและแม่ ขณะที่เจ้าบ่าวซึ่งใจแข็ง แต่แล้วก็ต้องร้องไห้เมื่อ "ขอบคุณแม่" (แม่หวังมานานจะให้ลูกมีครอบครัวเสียที) และพูดไม่ออก ต้องรออยู่พักใหญ่ จึงทำใจได้ และได้ขอบคุณต่อบรรดาแขกเหรื่อที่เข้าร่วมงาน

 

   เวลาเกือบ บ่ายโมงเห็นจะได้ หลังจากที่เจ้าบ่าวขอบคุณแขกเหรื่อ เราจึงขอตัวออกจากงานเพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่คู่ชีวิตของผมต้องการจะเดินทางไป

การเดินทางสู่ภูหินร่องกล้า : มุ่งสู้เป้าหมาย

   เนื่องจากการเดินทางไปสู่ภูหินร่องกล้า-ภูลมโล-ภูทับเบิก นั้น เราไม่เคยมีประสบการณ์เที่ยวกับเส้นทางสายนี้หรือภาคนี้ ทั้งหมดจึงเป็นการคาดเดาจากข้อมูลทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต โดยออกจากนครสวรรค์มุ่งหน้าไปสู่พิษณุโลก ต่อไปยังอำเภอนครไทย ก่อนถึงเป้าหมาย เราถอดใจกัน เพราะทางไปสู่อุทยานภูหินร่องกล้านั้น ช่างเงียบเหงา ไม่มีที่พักให้ค้างคืนได้เลย เสียงคู่ชีวิตเตือนมาว่า "กลับก็ได้นะ ก่อนที่จะค่ำเสียก่อน" ผมเอ่ยตอบไปว่า "เมื่อมาแล้ว ก็ต้องไปให้สุดทาง เพราะเราเดินทางมาไกล ที่สุดของทางจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน" อันที่จริง ในใจของผมคือ ต้องการให้คู่ชีวิตได้เที่ยว เพราะเธอลางานมา หลังจากกลับไปแล้ว ก็ต้องไปคร่ำหวอดอยู่กับงานประจำนั้นอีก การไปเที่ยวคือการได้พักสมอง ได้เจอสิ่งที่แตกต่างของเวลาและสถานที่ ความแตกต่างอาจเป็นสิ่งใหม่ที่ช่วยคลายสิ่งที่อยู่ในสมองบางอย่างออกไปได้บ้าง ระหว่างทาง มีเรื่องตื่นเต้นช่วงหนึ่ง (ถนนเส้นไปทางนครไทย) มีรถเก๋งคันหนึ่ง ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซิตี้ ขับส่ายไปส่ายมา ทั้งที่เส้นทางเป็นภูเขา ทำให้เรารู้สึกหวั่น ครั้งหนึ่ง รถถลาออกเลยเส้นกลาง เกือบปะทะกับรถที่ขับสวนทางมา รถที่สวนทางมาต้องรีบหลบ และครั้งที่เสียวกว่าคือ รถเกือบตกคูข้างทาง อีกนิดเดียวตก เราพูดกันในรถของเราว่า สงสัยว่าคนขับคงจะเมา ผมทนไม่ไหวที่ตามหลังรถคันดังกล่าว เห็นท่าไม่ดี จึงกดแตร (ปกติจะเป็นคนไม่ชอบกดแตร) หลายครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณว่า ขอให้ระมัดระวังด้วย จากนั้นจึงรีบเหยียบ (ทางเป็นเนินบ้าง ลงเนินบ้าง) แซงขึ้นไป มองทางกระจกหลัง พบว่า รถคันดังกล่าวมีร่องรอยอุบัติเหตุ ข้างหน้ายุบ กระโปรงหน้าหักขึ้นบังกระจกหน้า จึงเข้าใจว่า สงสัยว่าคนขับรถมองทางไม่เห็น จึงคาดเดาถนน และขับรถส่ายไปส่ายมา ซึ่งอันตรายอย่างมากทีเดียว

   ประมาณเกือบ ๖ โมงเย็น เราจึงถึงเป้าหมายคือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มองเห็นรถหลายคัน เต้นท์หลายหลังในอุทยานดังกล่าว เนื่องจากเราไม่ได้จองที่พักไว้ เราจึงเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ทราบว่าที่พักเต็ม ด้วยความที่คู่ชีวิตของผมหน้าตาเด็ก จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือว่า พอจะแนะนำที่พักได้บ้างไหม ที่ไหนบ้าง เพราะมาไกลจากสงขลา เจ้าหน้าที่ใจดี ๒ ท่าน จึงกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นคงต้องไปพักในหมู่บ้าน (เราก็เพิ่งรู้ว่ามีหมู่บ้านอยู่ในนี้ด้วย) ซึ่งห่างออกไปประมาณ ๗ กิโล แต่ไม่ทราบบ้านในหมุ่บ้านจะเต็มหรือไม่ เป็นโชคดีของเรา มีอยู่หลังหนึ่งที่ว่าง เพราะนักท่องเที่ยวเพิ่งออกไป เจ้าหน้าที่ใจดีจึงแนะนำทางให้เราขับรถไปตามเส้นทางอันคดเคี้ยว สูงบ้างต่ำบ้างน่าเวียนหัว แล้วเราก็ถึงหมู่บ้าน ยังเป็นดินลูกรัง อากาศตอนนี้เริ่มเย็น-หนาวแล้ว คู่ชีวิตเอ่ยขึ้นว่า "นั่นนะสิทำไมอากาศในรถจึงอุ่นๆ ถ้าข้างนอกเย็น ข้างในจะอุ่น ถ้าข้างนอกร้อน ข้างในจะเย็น แอร์รถยนต์เดี๋ยวนี้ช่างฉลาดดีแท้" เราเดินไปติดต่อ และได้บ้านหลังเล็ก เป็นบ้านไม้เล็กๆหลังหนึ่งของคุณลุงท่านหนึ่ง แต่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันกับอีกหลังหนึ่งซึ่งเป็นหลังใหญ่ มีสมาชิกมาพักด้วยเช่นกัน ๑ รถตู้+สมาชิกอื่นอีก ห้องน้ำนั้น แม้จะเป็นห้องน้ำรวม แต่สะอาดสะอ้านทีเดียว เราชโงกดูในบ้านเล็กที่เราจะพักนั้น รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมผ้าผมนวมมีให้หลายผืนเหลือเกิน เพิ่งเข้าใจเมื่อเราอาบน้ำเสร็จในตอนค่ำ

ภูหินร่องกล้า

   เรานำของที่จำเป็นออกจากท้ายรถ คู่ชีวิตขอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกง น่าจะเดินง่ายกว่า เสียดายที่ว่า ไม่ได้นำรองเท้ากีฬามา ทำให้เธอเดินไม่ค่อยสะดวกนัก จากนั้น เราจึงเดินออกไปสำรวจหมู่บ้าน เป็นภูเขา มองเห็นวิวทิวเขาสวยงามอย่างที่คนอย่างเราไม่สามารถจะมองเห็นได้ในตัวเมืองหาดใหญ่ เดินไปทางไหนก็เห็นนักท่องเที่ยว มีกลุ่มหนึ่งกางเต้นท์ด้วย อีกหลายกลุ่มอยู่ตามที่พัก ก่อนนั้นลุงเจ้าของบ้านบอกว่า "วันนี้ดี อากาศเป็นใจต้อนรับนักท่องเที่ยว" (อากาศเย็น-หนาว) เห็นว่า ค่ำมากแล้ว อากาศก็เย็นมาก เราจึงเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ไปหาอาหารประทังชีวิต ขณะเดียวกัน นัดแนะลุงไว้ว่า พรุ่งนี้ ๖ โมงเช้า จะไปที่ภูลมโล ไปดูซากุระ ลุงแนะนำให้กินอาหารเช้ากันก่อน ก่อนออกเดินทาง ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเรา

  คู่ชีวิต เดินไปร้านขายอาหารแบบบ้านๆ มีนักท่องเที่ยวนั่งกินกันแล้ว แต่ละคนแต่งชุดคลุมศีรษะ นั่งประจำโต๊ะกินอาหารกัน เราเข้าไปสั่งข้าวกระเพราหมู+ไข่ดาว เกือบชั่วโมงเห็นจะได้ ที่เราต้องรอ เมื่อรอไม่ไหว เพราะหนาวมากๆ คู่ชีวิตจึงชงโอวัลตินรองท้องแก้หนาวไปก่อน ส่วนผมขอเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมานั่งกิน เมื่ออาหารมาถึงโต๊ะ ยังจำได้แม่นยำว่า มือสั่นระริก ไม่ใช่เพราะความหิว แต่เป็นเพราะความหนาวมากกว่า กินอาหารเสร็จ จ่ายเงิน เดินออกจากร้าน เพื่อไปอาบน้ำ เราเข้าห้องและเปลี่ยนผ้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ จำได้ว่า ลุงบอกว่ามีห้องน้ำที่มีน้ำอุ่นให้อาบด้วย แต่ห้องดังกล่าวปิดอยู่ ก็เลยเข้าอีกห้องหนึ่ง แค่เพียงเอาเท้าเปล่าๆเหยียบพื้นก็พอจะรับรู้ถึงความเย็นจัดได้แล้ว เราทำใจอยู่นาน และแล้วก็ตัดสินใจหยิบขันน้ำจ้วงน้ำในถังและรีบราดบนศีรษะอย่างเร็วหลายๆขัน แม่เจ้าประคุณเอ๋ยยยยยยยยยยยย มันไม่ใช่เย็นชาแล้ว แต่มันคือ เจ็บผิวหนัง น้ำเย็นจัดถูกราดลงบนผิวหนัง ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ตัวสั่นงันงก รีบถูกสบู่ ฯลฯ แล้วออกจากห้องน้ำ ไปสั่นสะท้านกันในห้องพัก คู่ชีวิตของผมนั้นเท้าเย็นเฉียบ ต้องรีบเอามาห่มมาพันเท้าไว้ ก็ไม่หาย เรารีบซุกตัวในผ้าห่ม เดิมทีจะห่มแค่สามผืน แต่ไม่หาย จึงเพิ่มอีกผืนหนึ่ง แต่ไม่หาย เพราะไอความร้อนจากตัวเราไม่ได้คลายออกเพื่อให้อบในผ้าห่ม ยิ่งปลายเท้าด้วยแล้วยิ่งเย็นเฉียบ เพราะความร้อนจากเท้าไม่มีให้เลย แสนทรมานจริงๆ แต่เราก็เข้าใจว่า การมาในที่อย่างนี้ ก็ต้องเจอประสบการณ์แบบนี้บ้าง เราจะได้จำไว้ว่า ที่อย่างนี้เป็นอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่นานเราก็หลับกันได้ และตื่นขึ้นมาตอนเช้า ความเย็นยังคงเย็นเช่นนั้น ต้องยอมรับว่า เช้านี้ขอไม่อาบน้ำก็แล้วกัน เพราะเย็นมาก เกรงว่าจะไม่ไหวเอาเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา ขอแปรงฟัน ล้างหน้า เช็ดตัวแทนก็แล้วกัน เราแต่งตัวแล้วออกไปที่ร้านขายของ น่าเสียดาย ยังไม่มีอะไรให้กิน คู่ชีวิตของผมซื้อหมวกไหมพรมมาใบหนึ่ง เพื่อป้องกันหนาว เราต้องเดินกลับมาที่ร้านลุงและชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินกันคนละจอก

 

   ลุงแจ้งให้เราทราบว่า เมื่อคืนมีอีกกลุ่มหนึ่งต้องการเดินทางไปกับเราด้วย (รถกระบะ ฟอร์ด ขับเคลื่อน ๒ ล้อ) เราก็บอกกับลุงว่า ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนี้ ดีแล้วที่ไปด้วยกัน จะได้เพื่อนร่วมทางไปด้วย อนึ่ง การเหมารถกระบะของลุงนั้น ด้วยเหตุที่รถเก๋งขึ้นไม่ได้ เพราะเส้นทางที่เราจะไปดูซากุระนั้น เป็นทางลูกรัง ขรุขระ ต้องขึ้นภูเขา บางแห่งเป็นหลุม หากนำรถเก๋งขึ้นไป ความเสียหายอาจเกิดขึ้นได้ และคงไม่คุ้มกับการซ่อม หลังจากที่เรากินอาหารรองท้องกันแล้ว และกลุ่มสมาชิกอีก ๔ คน เป็นวัยรุ่น ชาย ๒ หญิง ๒ (นิสัยดี) มาถึง เราก็จึงออกเดินทาง โดยลุงเป็นคนขับรถพาเราไปเที่ยว ทั้ง ๔ คนให้เกียรติเรานั่งในรถข้างหน้า ส่วนพวกเขาขอนั่งกระบะ ทางที่เราไปนั้น ช่างขรุขระ เป็นถนนลูกรัง สุดโหดทีเดียว หากเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อจะสะดวกกว่า และรถเก๋งจะไม่เหมาะกับทางแบบนี้จริงๆ จุดแรกที่เราได้ไปคือ ชมพระอาทิตย์ขึ้น 

  ในความคิดของผม อันที่จริงพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เราจะไปดูที่ไหนก็ได้ พระอาทิตย์แหลมพรมเทพที่ภูเก็ต ปทุมธานี สงขลา ก็คือพระอาทิตย์ดวงเดียวกัน แต่เมื่อมาเที่ยวก็จงมาเที่ยว ให้ได้บรรยากาศการเที่ยว เพราะเป้าหมายของคู่ชีวิตของผมคือซากุระ แต่เป้าหมายของผมคือให้เธอสบายใจ (หากใครดูหนักเรื่องแชลวีเด้นท์ น่าจะเข้าใจดี) เมื่อเธอสบายใจ ผมก็พลอยยิ้มได้ไปด้วยที่เห็นเธอมีความสุข การได้อยู่ใกล้คนที่เราพึงพอใจก็มีความน่าอภิรมย์เช่นนี้เอง 

  ณ โขดหินบนภูเขา เราทั้งหมดมาถึงแล้ว เห็นพระและฆราวาสกลุ่มหนึ่งกางเต้นท์ผิงไฟกันอยู่ เราอยากเข้าไปผิงบ้าง แต่คงทำไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่พระ ทั้งที่รู้ดีว่า พระทางภาคนี้แตกต่างจากภาคใต้ในบางลักษณะ พระทางภาคนี้เป็นชาวบ้านชาวบ้าน เรารอพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งก็ธรรมชาติดีทีเดียว

 

 

  ตะวันยิ้มหยาดแย้ม ณ ปลายฟ้า...แสงสีทองส่องมานภาผ่อง...คราวรับแสงอุ่นกายน่าหมายปอง...หากแสงทองคือปัญญาน่าเกรงเฮยฯ 

  หนาวก็หนาว เพราะเรามารับความหนาวเย็นบนภูเขา ตอนหนึ่ง ผมพูดกับลุงว่า "น่าอิจฉาลุงนะ ได้อยู่กับอากาศอันปรอดโปร่ง ไม่เหมือนผม ต้องสูดดมควันรถกันทุกวัน" ลุงหัวเราะชอบใจ และบอกว่า ลุงชอบชีวิตแบบนี้ ผมถามลุงว่า ปกติแล้วไปที่อื่นบ้างไหม หมายถึง ไปต่างจังหวัดอะไรประมาณนี้ ลุงตอบว่า ไปไกลสุดก็ ๒ จังหวัดคือ พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ แต่นานน้านนนนจะไปสักที 

  

  เราซึมซับกับบรรยากาศ ณ ที่แห่งนั้นพอสมควร จึงมุ่งหน้าสู่เป้าหมายของคู่ชีวิต นั้นคือ "ซากุระ" เมืองไทย เส้นทางนั้นยังคงเหมือนเดิม คือถนนลูกรัง ร่องถนน หิน ภูเขา เนินเขา ลงเนิน ฯลฯ ผมสงสารคนนั่งข้างหลังเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องกระเด็นกระดอนไปตามๆกัน ระหว่างที่เราเดินทางกันอยู่นั้น มีรถพอสมควร บางคันที่ไปช้าๆ กลัวรถช้ำ ลุงเดา (ตอนออกจากที่พักยังมืดอยู่) ได้เลยว่า รถนั้นต้องมาจากต่างจังหวัด เพราะถ้ารถในพื้นที่คือชาวบ้าน เขาจะขับรถเร็ว รีบขับ เพราะอาจขึ้นเนินไม่ได้หากไม่รีบแต่งความเร็วรถ

  มาถึงสวนซากุระ คู่ชีวิตของผม รีบหามุมเก็บภาพเป็นการส่วนตัว ส่วนผมหรือเป็นมือกล้อง แต่เธอคงไม่ยอม ผมจึงต้องเก็บภาพกับดอกไม้ด้วย ซึ่งผมกับดอกไม้นั้นไม่เข้ากันเลย จึงบอกเธอว่า อย่าให้ผมถ่ายภาพกับดอกไม้อีกนะ เพราะมันไม่เข้ากัน เรื่องนี้มีผลคือ เมื่อมีวิวแบบเป็นภูเขา ป่าไม้ ท้องฟ้า นั่นแหละจะเหมาะกับผมที่จะยืนเคียงข้างสิ่งเหล่านี้ ดอกไม้ดอกเดียวที่ผมยืนข้างแล้วเหมาะสมนั้นคือเธอ (อุวะ) 

 

 

  ก่อนจะออกจาก สวนซากุระ เราขอถ่ายภาพคู่ลุงขับรถ อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะเป็นคนที่คุยกับคนไม่ค่อยจะเป็น กว่าจะคุยกับคนอื่นได้ ผมต้องหาคำถามว่า ผมจะคุยอะไรดี ผมก็ได้ข้อมูลบางอย่างมา เช่น ผมถามว่า ไร่กระกล่ำที่นี้ ใช้ยาหรือไม่ ทราบว่า ใช้สารเคมีเช่นกัน ลุงมาอยู่ที่แห่งนี้หลายปีแล้ว ตั้งแต่สมัยมีการปราบปราบผู้ที่ปฏิเสธแนวคิดของรัฐบาลไทย ลุงมาจากเพชรบูรณ์ มามือเปล่า มาหางานทำ หนักเอา เบาสู้ ทุกวันนี้สบายตัวแล้ว อยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียง

  ภาพรวมของลุงที่ผมพบคือ เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นชาวแบบบ้านๆ ยังไม่ถูกครอบงำด้วยโลกธุรกิจการท่องเที่ยว พยายามที่จะรักษาสภาพเดิมๆ เพื่อคนรุ่นหลัง หลายตอนที่ลุงเผลอพูดออกมาว่า ชาวม้งนั้น ไม่คิดถึงอนาคตของบ้านเลย เมื่อนักท่องเที่ยวมาก็พยายามเรียกเก็บค่ารถเขาแพงๆ คนที่มาเที่ยวนั้น มีทั้งเงินหนา และเงินน้อย อันที่จริงควรให้น้ำใจมากกว่า เพื่ออนาคตของหมู่บ้านเอง ฯลฯ การบริการของลุงนั้น ลุงเต็มที่ ต้องการไปไหนขอให้บอก ในความคิดของผม ๖๐๐ บาท/เที่ยวนั้น น้อยไป เมื่อเห็นว่ารถกระบะต้องวิ่งบนเขาอย่างไร ผมคิดว่า ที่รถช้ำเพราะการวิ่งนั้น หากเป็นรถของผม ผมว่าไม่คุ้ม เพราะบางกลุ่ม ๖๐๐ บาท เที่ยวกันเกือบวันหนึ่ง

  เรากลับมาเก็บของที่เหลือไว้เล็กน้อยที่บ้านพัก เข้าห้องน้ำ ไหว้ลุง จ่ายค่าห้องพักและค่ารถ ถอยรถออกจากหมู่บ้าน มุ่งสู่สำนักงานอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า กินข้าวรองท้องด้วยเกรงว่า ทางที่เราจะกลับนั้นอาจไกล รอบนี้เรามาอีกเส้นทางหนึ่ง มุ่งสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ อันที่จริงอยากไปวัด...สวยๆ แต่หาไม่เจอ เลยกลับมาทาง เพชรบูรณ์ - ลพบุรี - สระบุรี (แวะไร่ทานตะวันด้วย) และถึงปทุมธานี โดยสวัสดิภาพ เบ็ดเสร็จ จ่ายค่ารถ ๓๐๐ บาท (ลุงเก็บหัวละ ๑๐๐ บาท แต่เราเพิ่มให้ ๑๐๐ บาท อันที่จริงคือ เราสองคนเหมารถลุงในราคา ๖๐๐ บาท แต่เพราะมีกลุ่มอื่นมาเพิ่มด้วย ลุงจึงเก็บหัวละร้อยบาท) ค่าห้องพักส่วนตัว ๕๐๐ บาท ค่าน้ำมัน ๑๗๐๐ บาท ค่าอาหาร และของฝากทางบ้านประมาณ ๒๐๐๐ บาท 

  

   เรารับปากกับลุงไว้ว่า เมื่อกลับมาแล้ว หากใครต้องการจะไปเที่ยว ช่วยแนะนำมัคคุเทศก์อย่างลุงให้ด้วย ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผม เพราะลุงไม่ได้อยู่ในกลุ่มนักการเมือง เท่าที่มอง ไม่ได้ใส่ใจกับ "ธุรกิจจ๋า" เพื่อการท่องเที่ยว หากแต่ใส่ใจบริการด้วยน้ำใจ ซึ่งผมชอบชีวิตแบบบ้านๆ อย่างนี้ ลุงหมัก 085-2690509 ที่พักที่ผมพักนั้น ส่วนตัวดี ห้องน้ำสะอาด มีน้ำอุ่น และที่สำคัญสำหรับผมคือ ลุงเป็นคนใจดี

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 559197เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2014 12:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

...บรรยากาศ สวยงามมากนะคะอาจารย์...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท