วันผู้ใหญ่ในวันนี้คงไม่มีหากไม่ได้วันเด็กที่ผ่านมา
เมื่อสี่สิบปีที่แล้วฉันเหมือนเด็กชนบทคนอื่นๆที่เนื้อตัวมอมแมมวิ่งเล่นซ่อนแิบตามข้างบ้าน วิ่งเข้าบ้านโน้นออกบ้านนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น โดยมีน้องตระเตงอยู่บนเอวและมีน้องอีกคนวิ่งตาม ในขณะที่พ่อแม่ต้องออกไปทำสวนยางในวันหยุดราชการ
เมื่อมานึกดูแล้วความผูกพันธ์ระหว่างเครือญาติจากการเข้านอกออกในและการละเล่นของเด็กช่วยให้วันนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยามเมื่อเราสุข และจะอบอุ่นมากขึ้นยามเราทุกข์์
การหาผลไม้ข้างบ้านมารับประทานเป็นอาหารว่างโดยเฉพาะฝรั่งขี้นก ที่ฉันและญาติๆได้ปีนป่ายอยู่บนต้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีภาวะน้ำหนักเกิน อีกทั้งทำให้ได้สัมผัสธรรมชาติล้วนๆยามแทะผลไม้ไร้สารพิษบนต้น
ฉันรอวันที่ฝนตกเพื่อจะได้ขุดดินหาไส้เดือนเพื่อเป็นเหยือดกปลาในคูน้ำหน้าบ้าน ได้ทั้งปลาตง ปลาหมอ ปลากระดี่ไว้ทำรับประทานเองกับญาติๆที่เป็นเด็กด้วยกัน บางครั้งปลาช่อนตัวเขื่องกระโดดน้ำขึ้นมาหน้าบ้าน เด็กๆวิ่งตามจับให้วุ่นวาย
เมื่อน้ำแห้งเราก็ช่วยกันวิดน้ำจับปลา คราวนี้มีปลาทุกชนิดที่ได้รับประทานกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ในแต่ละวันของเราดูเหมือนแทบจะใช้จ่ายเงินน้อยมากแต่แฝงด้วยความสุข
ช่วงฤดูร้อนปู่ซึ่งเป็นพี่ชายของย่าจะตั้งสมาคมเด็กๆทำว่าววงเดือน เด็กๆจะเหลาไม่ไผ่ แปะกระดาษว่าวเป็นสีๆสวยงาม แล้วนำไปเล่นกลางทุ่งนา ที่ไม่มีสายไฟฟ้ารกรุงรัง
วันนี้เด็กรุ่นลูกคงได้รับโอกาสนัั้ั้นผ่านสื่อออนไลน์
ผู้ใหญ่วันนี้จึงขอบอกว่า สื่อออนไลน์มีประโยชน์แต่เด็กๆขาดโอกาสสัมผัสกลิ่นพอมขอดินยามฝนตก กลิ่นโคลนยามน้ำลด ลมว่าวยามหน้าร้อนเท่าที่คนในอดีตได้สัมผัสผ่านกาลเวลา
น่าสนใจดีไหมคะเด็กๆกับชีวิตชนบทแบบไทยๆ
อ่านแล้วคิดถึงวัยเด็กจริงๆ ค่ะ