ทำบุญหมู่บ้าน 12 ม.ค. 57


และแล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่พวกเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำกิจกรรมให้ความรู้และแนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งตรงกับวันที่หมู่บ้านจะทำบุญหมู่บ้านกันทุกปี ความตื่นเต้นก็คืบคลานเข้ามา มาดูกันว่างานของพวกเราจะออกมาเป็นอย่างไร

(ขออนุญาตรายงานเป็นช่วงเช้าและบ่ายรวมกัน เพราะวันนี้ทำกิจกรรมกันไม่เยอะครับ)

เริ่มงานของพวกเราด้วยการตื่นเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ตื่นกันประมาณ 4.00 - 5.00 น. ต้องมาอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนิสิต เพราะวันนี้งานกิจกรรมของเราเป็นค่อนข้างเป็นทางการสำหรับชุมชนนี้ บางคนมีอาหารเช้าเตรียมไว้ก็กินกันไป ไม่มีก็ไม่ได้กิน พอใกล้ๆ 6.00 น. ก็ขนอุปกรณ์ที่จะต้องใช้เช่น โปสเตอร์ ขาตั้ง คอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ ของรางวัล เป็นต้นขึ้นท้ายรถไปส่งที่ รร.วันครู หรืออีกชื่อคือ รร.ปากน้ำแหลมสิงห์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของที่พักเราแค่นี้เองครับ ในบ้านนอกจากพวกเราที่ต้องเตรียมของแล้ว คุณตาคุณยายก็เตรียมอาหารไว้เลี้ยงเพลทำบุญพระเหมือนกันครับ

บรรยากาศที่จัดงานก็คึกครื้นตั้งแต่เช้าเลย 6.00 น. อากาศวันนี้ก็เย็นพอสมควร ใส่ชุดกันหนาวกันไปเลยอ่ะครับ lol ผู้คนก็ตื่นกันมางานทำบุญหลายคนเลยครับเช่นกัน จัดเตรียมอาหารเลี้ยงพระเช้ากันอย่างขะมักเขม้น อย่างที่เคยคุยไว้ ชุมชนนี้ตื่นกัน 6.00 น. lol

พอเห็นเช่นนั้นทางฝั่งเราก็ไม่น้อยหน้าครับ จัดซุ้มของเรากันบ้างเลย ซุ้มรณรงค์เรื่องเบาหวานของพวกเราจะอยู่ข้างๆที่จัดงานบุญนั่นแหล่ะครับ ใช้พื้นที่ไม่มาก มีโปสเตอร์ตั้ง 4-5 อันแล้วก็มีป้ายผ้า 2 ผืน มีเก้าอี้สีชมพูจำนวนหนึ่งตั้งไว้ข้างๆกัน เอาไว้ให้ผู้ที่สนใจนั่งฟังพวกเรา ตั้งผ้าขาวและโปรเจคเตอร์ไว้ข้างๆกัน เพื่อจะได้ชมคลิปวิดีโอได้ชัดๆ เครื่องเสียงพร้อม ผู้บรรยายพร้อม อุปกรณ์พร้อม สถานที่ก็พร้อม เหลือแค่รอเวลาอย่างเดียวครับ

 

ตอนเช้าพวกเราก็ทำบุญร่วมกับชาวบ้าน ตักบาตรข้าวสวยอาหารสดตามๆกันไป ทุกคนในกลุ่มก็ได้ทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าเกิดมาเจอกันอีกแน่เลย >w< หลังจากตักบาตรเสร็จก็ไปนั่งฟังพระสวดมนต์ตอนประมาณ 7.00 น. ในงานทำบุญ โฆษกก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้พวกเรากันด้วยว่าหลังจากเลิกงานเช้านี้จะมีการให้ความรู้และแนะนำการปฏิบัติตัวในผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยนิสิตแพทย์จากรพ.พระปกเกล้า ประชาชนก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ก็ตามปกติทั่วไปก็งานสังคมคนหมู่มาก มีเหตุการณ์แบบนี้ก็ธรรมดาครับ ลูกเล็กเด็กแดง สัตว์เลี้ยงอะไรก็พามาทำบุญเช่นกัน เป็นการแสดงออกถึงความเข้มแข็งและวัฒนธรรมประเพณีของชุมชนปากน้ำแหลมสิงห์แห่งนี้

หลังจากพระสวดกันเสร็จแล้ว ตอนนั้นแหล่ะครับที่สร้างความตระหนกให้กับพวกเราทั้งกลุ่มเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่มากกว่า 50% เดินออกไปอย่างหน้าตาเฉย ไม่สนใจว่ามีอะไรที่พิเศษกว่าครั้งอื่นๆ ที่เหลืออยู่ก็มีแต่ผู้สูงอายุที่บางคนก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาฟัง จะมาทำบุญและกินอาหารเช้าฟรีหรือกลับบ้านได้ลำบาก กับผู้สูงอายุที่ตั้งใจจะมางานเราอยู่แล้วครับ ย้ำว่าน้อยกว่า 50% คร่าวๆตอนเช้าก็มาเกือบ 100 ตอนนี้เหลือแค่ประมาณ 20-30 คน เบาหวานจริงๆแค่ 9 คน ทำให้พวกเราท้อไประดับหนึ่ง สภาพประมาณขายตั๋วแสดงเวทีแล้วมาไม่เกินครึ่งห้องโถง จากตารางที่วางแผนไว้เป็นอย่างดี กลับไม่เป็นไปตามแผนซะแล้วสิ แต่ถึงสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเราก็จะทำต่อไป จนกว่ามันจะไม่ได้ผลจริงๆ เพราะอย่างน้อยก็มีคนสนใจอยู่

พวกเราก็ทำตามแผนเดิม เริ่มแรกก็แนะนำตัวเองว่าพวกเราเป็นนิสิตแพทย์มาจากรพ.พระปกเกล้า จะมาให้ความรู้และแนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ก่อนอื่นก็ให้ทำแบบสอบถามก่อนการทำกิจกรรม แล้วค่อยอธิบายว่าเบาหวานคืออะไร อาการเป็นอย่างไร ภาวะแทรกซ้อนเกิดอะไรได้บ้าง วิธีการปฏิบัติตัวของแต่ละสี และคลิปวิดีโอเกี่ยวกับเบาหวาน ฟังง่ายๆ อ่านเข้าใจ สบายๆ ซึ่งคลิปวิดีโอจะมีในส่วนของการปฏิบัติตัว 3อ 2ส ความรู้เบื้องต้นที่มีอาจารย์มาพูดให้ฟัง และคำพูดในใจของผู้ป่วยที่พวกเราไปสัมภาษณ์กันมา

อาจเป็นเพราะพวกเราเข้าถึงผู้คนในชุมชนไม่ดีนัก ให้ทำแบบสอบถามพร้อมอธิบายสิ่งต่างๆที่กล่าวมาไปด้วย ทำให้ไม่มีสมาธิที่จะฟังกัน รวมถึงสภาพแสงแดดบนท้องฟ้าที่จ้า แต่อากาศกลับไม่ร้อน ก็มีผลกระทบต่อโปรเจคเตอร์ของเรา ทำให้คลิปวิดีโอที่ฉายขึ้นจอเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่เสียงดังชัดเจนอยู่ นอกจากนี้พอถึงช่วงกินอาหารเช้าหลังงานบุญ ทุกคนก็จดจ่ออยู่กับการกิน อาหารที่มาเสิร์ฟก็...ไม่ค่อยเป็นอาหารที่ลดหวาน มันหรือเค็มสักเท่าไร แต่การไปขัดการกระทำของพวกเขาในงานประเพณีแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่อง พวกเราก็เลยต้องทำใจทำตามแผนเดิมต่อไป ความจริงก็รู้สึกท้อๆตั้งแต่เห็นคนมาร่วมกิจกรรมละครับ อย่างน้อยระหว่างกินอาหารเช้าก็ยังมีคนเงยหน้าขึ้นมาดูคลิปวิดีโอและมองพวกเราอธิบายข้อมูลต่างๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่บอกว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนสนใจในกิจกรรมของเรา หรือที่ดีเลยก็คือมีความพร้อมในการที่จะให้ความร่วมมือกับเราในการทำกิจกรรมต่างๆ สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดก็ได้ประชาสัมพันธ์เรื่องกิจกรรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพของเราที่จะจัดกันในวันที่ 13-16 ม.ค. 57 ที่รร.วันครูแห่งนี้ ในเวลา 17.00 น. คนที่สนใจสามารถมาร่วมได้ไม่จำเป็นต้องมีแต่ผู้ป่วยโรคเบาหวานครับ

ปฏิบัติงานกันเสร็จภายใน 1 ชั่วโมงจากที่คิดไว้ว่าเกือบ 2 ชั่วโมง ปัญหาก็อย่างที่กล่าวไปแล้ว อาจทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับคนที่มาร่วมกิจกรรมได้ไม่ครอบคลุม ทำให้เวลาที่ควรจะใช้ไปกับสิ่งเหล่านี้กลับหายไป เวลากิจกรรมของพวกเราเลยสั้นลง ทุกคนหลังเสร็จงานก็นั่งทำใจสักพักหนึ่ง บางส่วนก็ค่อยๆเก็บของในบริเวณที่ทำกิจกรรมให้เรียบร้อย เตรียมขนขึ้นรถกลับบ้าน พี่เรณูก็มาคุยกับพวกเราแล้วก็บอกว่า “ทุกครั้งก็คล้ายๆแบบนี้แหล่ะหมอ ชุมชนนี้ค่อนข้างใหญ่ เรียกรวมตัวกันลำบาก มากันได้เท่านี้พี่ก็คิดว่าดีแล้วนะหมอ และคนส่วนใหญ่จะมาทำบุญกันมากกว่า ไม่เป็นไรๆ” พวกเราก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยพี่ๆอสม.ก็ยังรู้สึกถึงปัญหาเช่นเดียวกับพวกเรา พวกเราก็เลยเลิกท้อ มาช่วยกันเก็บข้าวของขนกลับ

ก่อนที่จะกลับกัน ผู้ใหญ่บ้านก็ชวนกินอาหารเช้าร่วมกันหลังทำบุญ อาหารก็มีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวาน เป็นอาหารที่ทุกคนจัดเตรียมกันมาเพื่อมากินร่วมกัน มีทั้งต้มจืด ผัดกะเพรา ผัดพริกหยวก หมูผัดพริกแกง แกงหมูเทโพ ขนมชั้น ขนมวุ้น แอปเปิ้ล ฯลฯ ค่อนข้างเยอะและหลากหลายพอสมควร พวกเราก็กิ่นกันจนอิ่มเลย บางคนก็กลับกินไม่ค่อยลง lol ยังคงรู้สึกท้อๆอยู่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมประเพณีดีๆของชุมชนแห่งนี้ครับ

พอขนของกลับมาที่บ้าน จัดเก็บให้เรียบร้อย ส่วนหนึ่งก็ค้างไว้บนรถเพราะจะต้องนำกลับไปคืนรพ.แหลมสิงห์ในวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็สลบกันเป็นแถบ อาจเป็นเพราะตื่นเช้าร่วม สภาพร่างกายที่ถูกใช้งานมาตลอด 1 สัปดาห์ และสภาพจิตใจที่ยังรู้สึกท้ออยู่ ทำให้ไม่มีอารมณ์ที่จะทำอะไรอย่างอื่นนอกจากนอนพัก บางส่วนที่ยังตื่นนอนอยู่ก็ทำงานเล็กๆน้อยๆของตนเองไป สักพักผู้ใหญ่บ้านก็มาบอก เดี๋ยว 10.30 น. พระจะสวดอีกรอบนะ ถ้ายังไหวก็ไปได้ 11.00 น. มีอาหารกลางวันเลี้ยง ไปกินกันได้นะ พวกเราก็รับทราบเรื่องนี้และแจ้งทุกคนในกลุ่ม ได้ข้อตกลงว่าจะไปกันอีก อย่างน้อยก็เป็นการเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน ทำให้เราเข้าถึงชุมชนได้ง่ายขึ้น รู้จักชุมชนแห่งนี้มากขึ้นครับ แต่ตอนนี้ขอนอนพักก่อน lol

พอถึง 11.00 น. พวกเราก็ไปฟังพระสวด จะเห็นว่าที่ผู้ใหญ่บ้านบอก 10.30 น. แต่พวกเราไปกัน 11.00 น. แสดงว่าสภาพร่างกายไม่ค่อยสู้ดีจริงๆแหล่ะครับ ถึงได้ไปสายได้ขนาดนี้ แต่พอไปถึงพระก็ยังไม่ได้สวดนะครับ ก็ถือว่าโชคดีของพวกเราที่มาทันกิจกรรมของชุมชน ก็ฟังพระสวดกันตอน 11.00 น. หลังจากสวดเสร็จก็กินอาหารกลางวันร่วมกันกับคนในชุมชน อาหารก็ไม่ต่างจากตอนเช้ามากนัก จะมีผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ยำหมูกรอบ ฯลฯ ที่มาเพิ่มเติม มีพี่พยาบาลจากรพ.แหลมสิงห์มาหาพวกเราด้วย ดูว่าผลลัพธ์ของกิจกรรมเราเป็นอย่างไร และหลังจากที่พวกเราเล่าให้พี่เค้าฟังเสร็จว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบนี้นะ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว พี่เค้าก็คิดเหมือนพี่เรณู อาจจะเป็นลักษณะหนึ่งของชุมชนแห่งนี้ ทำให้การเข้าถึงผู้คนในชุมชนลำบากยิ่งขึ้น สภาพสังคมอาจทำให้ผู้คนในชุมชนไม่ว่าง และพร้อมที่จะมาทำกิจกรรมกับพวกเรา แต่ไม่เป็นไร ผลเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราก็เลยพยายามคิดหาทางอื่นอีก เพื่อที่จะแก้ปัญหาของชุมชนแห่งนี้ให้ได้

หลังกินอาหารกลางวันเสร็จก็รอทำกิจกรรมถัดไป ก็คือกิจกรรมเทกระจาด ไม่รู้ว่าเรียกถูกหรือเปล่านะครับ เป็นกิจกรรมที่ทุกคนจะร่วมกันใส่เหรียญอะไรก็ได้ลงในบาตรพระ คล้ายๆกับการบริจาคนั่นแหล่ะครับ แล้วก็จะมีตัวแทนของหมู่บ้าน ในที่นี้ก็จะเป็นผู้ใหญ่บ้านแอ๋วกับเพื่อนอีก 1 คน มาทำหน้าโยนเหรียญ อ่านไม่ผิดหรอกครับ โยนเหรียญแล้วให้คนที่มาทำกิจกรรมเนี่ย แย่งกันเก็บ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานปนอันตราย lol บางคนก็ง่วนอยู่กับการเก็บเหรียญ ในขณะที่บางคนง่วนกับการป้องกันตัว เพราะเหรียญมันก็เป็นของแข็ง ตกลงใส่หัวใส่ตัวก็คงเจ็บอยู่แล้วล่ะ ผู้เขียนได้มาแค่ 8 บาทเอง lol ง่วนอยู่กับการป้องกันตนเอง รูปภาพก็ไม่ได้ถ่ายมาสักรูป =0= อดนำบรรยากาศความสนุกสนานแบบนี้มาให้ทุกคนชมเลย

 

พอทำกิจกรรมเสร็จ ทุกคนก็มาอวดกันว่าใครเก็บได้เท่าไรกันบ้าง ที่เยอะสุดของกลุ่มเราคือ 46 บาท =w=b มือเก็บเหรียญขั้นเทพ หลังจากนั้นก็ปิดงาน พวกเราก็ช่วยกันเก็บของต่างๆ เช่น ม้วนเสื่อ เก็บเก้าอี้ เก็บช้อน-จานใส่ตะกร้า และสุดท้ายก็กล่าวลาผู้คนในชุมชนไปพักผ่อนครับ ช่วงบ่ายของเราจะเป็น Freetime ดังนั้นทุกคนก็เลยพักผ่อนเอาแรงกัน บางคนก็ไม่หลับอีกตตามเคย นั่งดูหนัง ทำงานส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ ซักผ้าตากผ้า และคิด To-do list ในเย็นวันนี้และวันพรุ่งนี้ เป็นต้น

พอถึงตอนนี้แล้วหวังว่าทุกคนคงได้รับอะไรดีๆไปบ้างจากการอ่านบทความของพวกเรานะครับ ช่วงหน้าจะมีอะไรต่อไป ไว้ติดตามชมกันครับ

by Kiba-kun

 

หมายเลขบันทึก: 559072เขียนเมื่อ 14 มกราคม 2014 12:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มกราคม 2014 13:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ให้กำลังใจก่อน

แต่เล่นน้ำคงหายท้อแล้วนะครับ

ชวนคิด

หากทราบวัฒนธรรมและบรรยากาศของการทำบุญของชุมชนนี้มาก่อน

จะจัดกิจกรรมอย่างไรเพื่อให้สัมฤทธิ์วัตถุประสงค์ของกลุ่มมากขึ้น

หนทางในการรวมคนให้ได้มากๆแทบไม่มีเลยครับ เหมือนแต่ละคนมีธุระกันอยู่แล้ว แถมช่วงนี้ที่พวกเรามาอยู่ กิจกรรมของหมู่บ้านเยอะมาก จนเราหาวันลงเต็มๆวันไม่ได้ ซึ่งถ้าจะให้แทรกไปตามประเพณีแบบนี้ ผู้คนจะไม่โฟกัสที่งานของเราเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท