ครับ...ช่วงนี้ใกล้ๆสิ้นปี หลายท่านมักพูดว่าเป็น ฤดูกาลแห่งการประเมินผล ที่ สคส. ก็เหมือนกันครับ ในเดือนนี้เท่าที่จำได้ มีหลายประเมินเหมือนกันครับ มีทั้ง ไปประเมินคนอื่น ถูกคนอื่นประเมิน และประเมินเจ้าหน้าที่ภายใน
แต่ที่จะเล่าครานี้ เป็นเรื่องที่ตัวเองถูกประเมินครับ
ที่ สคส. ก็มีการประเมินผลการทำงานเจ้าหน้าที่เหมือนกันครับ ผมจำได้ว่าถูกประเมินเมื่อทำงานครบ 3 เดือนเป็นครั้งแรก จากนั้นอีกปีกว่าๆ ตุลาคม 2548 ก็ถูกประเมินอีกครั้งหนึ่ง และล่าสุดปลายเดือนตุลาคม 2549 เพิ่งประเมินกันไป
จะว่าถูกประเมิน ซะทีเดียวก็ไม่ถูกนะ เพราะว่าก่อนวันประเมินทุกคนที่ สคส. จะต้องเขียน self-assessment report ซึ่งเป็น report ที่ทีมงานคุยกันแล้วกำหนดตัวภารกิจหลักๆขึ้นมา ส่วนรายละเอียดแต่ละคนก็กลับไปรวบรวม รื้อฟื้นข้อมูลการทำงานจาก diary - กลาง, blog Gotoknow หรือจาก ปฏิทินการทำงาน แล้วเขียนว่าได้ทำอะไรไปบ้างในปีที่ผ่านมา ได้เรียนรู้อะไรบ้าง เห็นความเปลี่ยนแปลง หรือผลที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง ประมาณนี้ แต่วิธีการเขียน template ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะครับ design กันเอาเอง report ที่ว่านี้ ก็เพื่อส่งให้อาจารย์หมอวิจารณ์ และอาจารย์ประพนธ์ ได้ดูก่อนวันประเมินล่วงหน้าประมาณ 1 อาทิตย์
พอถึงวันประเมิน วิธีการประเมินแต่ละปีก็ไม่เหมือนเดิม ที่ผ่านมาพูดคุยที่ละคน แต่ปีนี้ เรียกคุยพร้อมกันเป็นชุด ชุดสำนักงาน ชุดเจ้าหน้าที่ประสานงานเก่า และคำถามที่ใช้แต่ละปีก็จะไม่เหมือนกัน จะเรียกว่าคำถามเสียเลย ก็อาจจะผิดครับ บางที่ก็เป็นการชวนคุยมากกว่า อย่างเช่นปีนี้ คำถามที่อาจารย์โยนลงมากลางวง และให้ช่วยกันแสดงไอเดีย ก็คือ "อะไรที่คิดว่าเป็น break - through ของการทำงานปีที่ผ่านมา ที่ทำให้งานของ สคส. ก้าวหน้าไปด้วยดี?"
แต่ละคนก็จะแสดงความเห็นจากปรากฏการณ์ที่ผ่านมาที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เหมือนกันบ้าง
อาจารย์ประพนธ์ ยังได้จุดประเด็นชวนคุยต่อในช่วงท้าย เรื่องประมาณว่า "ความสัมพันธ์กับภาคีเก่า และการหาภาคีใหม่ รูปแบบการทำงานแบบใหม่ๆที่ไม่ซ้ำเดิม focal point ของการทำงาน เหล่านี้ก็ได้พูดคุยกันพักใหญ่ ใช้เวลาคุยกันตั้งแต่ 13.30 น. ไปจนถึงเกือบ 16.00 น.
บรรยากาศการคุย ผม (คิดว่าคนอื่นด้วย) ไม่ค่อยรู้สึกถึงการถูกประเมินซักเท่าไร แต่เป็นการคุยแบบชวนทบทวนเรื่องการทำงานที่ผ่านมา เพื่อพัฒนางานในปีต่อไปมากกว่า และวันนี้อาจารย์วิจารณ์ชวนเลี้ยงข้าวกลางวัน เป็นการฉลองไปด้วยในตัวครับ
อ่านจากที่คุณธวัชบันทึกแล้ว ทำให้ user requirement ที่ชัดเจนขึ้นในแง่ว่า GotoKnow จะต้องเป็นระบบจัดการความรู้ที่ผู้ใช้สามารถใช้ควบคู่ให้เนียนไปกับการทำงานในชีวิตประจำวันได้ค่ะ ตัวอย่างเช่น การมี calendar นัดหมาย หรือ บันทึสิ่งที่จะต้องทำ เป็นต้นค่ะ