แย่งซีน


ไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณอภิสิทธ์ เวชชาชีวะได้มีการแถลงนโยบายแนวทางปฎิรูปประเทศไทย ในงานนั้นเองได้มีคุณ "Ake Auttagorn" ชูป้าย "RESPECT MY VOTE" ดังที่เราได้ทราบกันในข่าวกันแล้ว

ปรากฎว่าเมื่อวานและวันนี้ได้มีกลุ่มเสื้อสีขาวจุดเทียนสนับสนุนการเลือกตั้งเริ่มจับกลุ่มสนับสนุนการเลือกตั้งทั้งที่ลานหน้าหอศิลป์ฯ ในกรงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ (ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีในจังหวัดภาคใต้) ดังข่าว "ประมวลภาพ: พอกันทีฯ จุดเทียนรอบ 3 ปชช. ร่วมล้นลานหน้าหอศิลป์" และ "ประมวลกิจกรรมทั่วไทย จุดเทียนเรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง"

ผมดูจากในข่าวทั้งสองปรากฎว่าคำ "RESPECT MY VOTE" ได้กลายเป็นคำที่ถูกใช้มากในการแสดงออกทางการเมืองของคนกลุ่มนี้ มีทั้งในป้ายถือ ป้ายติด และในเสื้อ

กลายเป็นว่างานแถลงนโยบายของคุณอภิสิทธิ์กลายเป็นงานเปิดตัวคำขวัญสนับสนุนการเลือกตั้งไป

ลองนึกดูนะครับ จากการดูข่าวงานนี้ เราจำอะไรได้มากกว่ากัน ระหว่าง นโยบายของคุณอภิสิทธิ์ กับ ป้ายของคุณ Ake

วันนั้นผมอ่านนโยบายของคุณอภิสิทธิ์จนจบ มาถึงวันนี้สิ่งที่ผมจำได้ก็คือนโยบายนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้การคอรัปชั่นในประเทศไทยน้อยลง แต่ผมกลับจำอะไรที่จะทำเป็นรูปธรรมไม่ได้เลย น่าจะเป็นเพราะทักษะในการอ่านจับใจความของผมยังไม่ดีพอที่จะเข้าถึงนโยบายเหล่านั้น แต่ถ้าคนที่ฝรั่งมังค่าแจกใบปริญญาเอกมาให้ตั้งหนึ่งใบยังจับใจความไม่ได้ในการอ่านผ่านๆ เพียงครั้งเดียว ก็เป็นไปได้ว่าคนอื่นๆ จำนวนหนึ่งก็น่าจะจับใจความได้ลำบากเหมือนกัน ผมขอแนะนำว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะฝึกฝนที่จะสื่อสารแบบ "less is more"

ส่วนคำว่า "RESPECT MY VOTE" นั้นสั้นจำง่ายในกลุ่มคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ แม้คำนี้ไม่น่าจะเข้าถึงชาวบ้านได้ง่ายนัก แต่กลุ่มเป้าหมายของคำนี้กลับเป็นกลุ่มเดียวกับนโยบายของคุณอภิสิทธิ์ คือชนชั้นกลางที่มีการศึกษา นักการตลาดเขาบอกว่าถ้าจะสื่อสารถึงกลุ่มนี้ให้ใช้ภาษาอังกฤษสั้นๆ จำง่ายอย่างนี้ ดังที่เราเห็นในโฆษณาที่มีเป้าหมายไปยังกลุ่มนี้โดยทั่วไป

การแย่งซีนคราวนี้เลยกลายเป็นบทเรียนเรื่องการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ

การเมืองไทยนั้นน่าสนุกครับ มีการชิงไหวชิงพริบกันเพื่อให้ได้มวลชนตลอดเวลา ถ้าเราไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากมายนัก หากเราเพียงคิดตามเหตุผลที่เขานำเสนอ การติดตามข่าวสารบ้านเมืองเรานั้นเป็นเรื่องน่าสนุกอย่างยิ่งครับ

หมายเลขบันทึก: 558838เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2014 11:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม 2014 08:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เท่ากับว่าชมเฉพาะบทละครในสภาและกลางแปลงในประเทศ...ฟรี........ดีครับ...ไม่ต้องซื้อตั๋ว..

เค้าเรียกกระผมว่าไทยเฉย..

..ไม่ใช่สนุกอย่างเดียว..ยิ่งเปลี่ยนบ่อย..ล้ม..บ่อย..ก็..จะมีเงิน..หมุนเวียน..เข้ากระเป๋า..ออก..กระเป๋า..ลง............ถุงพลาสติค....กันเป็นว่าเล่นแบบ..เห็นใจ..แทนบทโศรกปรี็ด...ด้วยนา...ดูแล้ว..ถูกใจแถมเงินให้ด้วย...เจ้าค่ะ

...แล้วสอนว่า อย่าไว้ใจ มนุษย์...

If one does NOT respect the right of others to speak freely, one cannot expect others to upholds his right either!

Oooops!

If one does NOT respect the right of others to speak freely, one cannot expect others to uphold his right either!

ชอบบันทึกนี้ของอาจารย์ครับ สุขกายสบายใจตลอดทุกปีใหม่้และวันเด็กนะครับผม

I have to read twice to find a tiny mistake in Khun 's comments.

เห็นด้วยกับอ. ในเรื่องการสื่อสารจากพรรคประชาธิปัตย์นะคะ ฟังดูเหมือนจะดีเสมอ แต่รูปธรรมที่จะมองเห็นได้หรืออะไรที่มันชัดเจนนั้นหาไม่เจอ แล้วก็เหมือนจะเป็นมาตลอด คือดูดี แต่ดีแค่ดูนี่แหละ ตอนลงมือทำบางทีเราก็ไม่รู้ว่าทำได้ไปแล้วหรือยัง ไม่ชัดเจน ทำให้พรรคเก่าแก่นี้ไม่ดูจะเป็นทางเลือกที่ประชาชนจะพึ่งได้ คนใต้ที่ไม่ได้ชอบประชาธิปัตย์ก็เยอะนะคะ แต่อาจจะเพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ถ้าโกงก็ดูจะโกงน้อยกว่า (เป็นงั้นไป ยังไงเราก็ต้องยอมรับหรือ??) อยากให้ทางเลือกใหม่ว่าให้มีการปฏิรูป ที่น่าจะหมายถึงล้างบาง รื้อระบบบ้านเราไปเลย เริ่มกันใหม่เลย นั้นทำได้จริงๆ แต่จากประสบการณ์ที่เห็นในบ้านเมืองเราก็คิดว่าอย่าไปหวังมาก เอาแค่ยกกลุ่มคนที่วางกำลังคดโกงสมบัติบ้านเมืองเราออกไปให้ได้ก่อน (ตามที่เขาว่ากัน) ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ดีกว่าการเดินตามรอยเดิมที่เห็นมานานแล้วว่าเน่าจนแก้ไม่ได้แล้ว โดยที่คนในวงเองก็ไม่ละอายว่ามันเน่า นึกแล้วน่าเศร้านะคะ เพราะถ้ามีคนรักศักดิ์ศรีรักชาติ รักบ้านเมืองมากกว่าการเห็นแก่อามิส แก่ประโยชน์ส่วนตนที่ได้รับมากกว่าที่เป็นอยู่ การโกงทั้งหลายในระบบที่ผ่านๆมามันไม่น่าจะเป็นไปได้กว้างขวาง ฝังรากลึกขนาดนี้

ใช่แล้วครับพี่โอ๋ สุภาษิตไทยที่ว่า "เตะหมูเข้าปากหมา" ที่น่าจะเข้ากับเหตุการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ได้ดียิ่งครับ แต่หมาเยอะไปหน่อย เตะยังไงก็เข้าปากหมาตัวใดตัวหนึ่งอยู่ดี (ฮา)

สำปรับเรื่องการปฎิรูปนั้นถ้าทำได้ดีก็จะดีมากครับ แต่ปัญหาก็คือมันไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะรูปแบบการบริหารจัดการภาครัฐแบบมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องนี้มันไม่ได้เป็นเฉพาะประเทศไทยครับ มันเป็นในทุกประเทศทั่วโลกทีเดียว ไม่ได้มีประเทศไหนด้อยกว่ากันเลย และยังไม่มีประเทศไหนแก้ได้ ประเทศที่พัฒนาแล้วยิ่งจะเห็นได้ชัดกว่าสิ่งที่เราเจอกันในประเทศไทยตอนนี้อีกครับ

การปฎิรูปที่เราพูดถึงเลยยังไม่มีใครในประเทศไทยอธิบายให้เป็นรูปธรรมได้ เพราะเรากำลังฝันถึง "นวัตกรรมทางรัฐศาสตร์" ที่จะแก้ปัญหาของโลกทั้งโลกครับ

ผมเคยเสนอการวัด Gross National Goodness (GNG) แบบทีเล่นทีจริงไว้ นั่นก็เป็นนวัตกรรมได้ แต่จะทำจริงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ปัญหาสำคัญของนวัตกรรรมทางรัฐศาสตร์คือระบบต้องเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติด้วยครับ ดังนั้นต้องทดลองจากเล็กไปใหญ่ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท