ต้องเริ่มที่ความสัมพันธ์


ผมร่วมทำงานที่สำนักงานนี้มานานพอสมควร เริ่มตั้งแต่มาอยู่เนินมะปราง เมื่อปี 2530 และเข้ามาประจำที่สำนักงานเมื่อปี 2542 เห็นมาโดยตลอดว่าปัญหาสำคัญขององค์กรเราคือ ความสัมพันธ์ ของคนในองค์กร เมื่อความสัมพันธ์ไม่ดี เราจะทำอะไรก็ Weak และ Fail  ไม่ว่าจะเป็นงานปกติ หรือ กระบวนการพัฒนาต่างๆ

 

            แต่ผมก็ไม่เห็นด้วย หากเราจะใช้กระบวนการจัดการองค์กรต่างๆ เข้ามาแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ขององค์กรเรา เนื่องจากคนในองค์กรเรา เก่ง จนอาจจะ หลอก วิทยากรมืออาชีพได้

 

            หาก ความสัมพันธ์ในองค์กร(นี้) ต้องใช้กระบวนการทางอ้อม อาศัยความใส่ใจของคนในองค์กร ทั้งจาก ผบ. ทุกระดับที่จะใส่ใจในการพัฒนาความสัมพันธ์ และเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข (เพราะเมื่อเริ่มลงมือแก้ ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบผลสำเร็จ)

 

            การใช้กระบวนทางอ้อม อาทิ ห้องสมุด ห้องสันทนาการ ห้องออกกำลังกาย(ที่มีอุปกรณ์ Fitness ต่างๆ) การจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ฯลฯ น่าจะบังเกิดผลสร้างความสัมพันธ์ของคนในองค์กรอย่างช้าๆ แต่จะมั่นคง  ต่างจากการใช้กระบวนการ ที่อาจเกิดผลอย่างรวดเร็ว แต่ก็จะจางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน (แต่นั่นมิได้หมายความว่าไม่มีประโยชน์)

 ในวรรคก่อน จะเห็นว่าผมเน้น ผบ. แต่อันที่จริงความสัมพันธ์ ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากทุกคนไม่ให้ความร่วมมือ
คำสำคัญ (Tags): #office#plkhealth
หมายเลขบันทึก: 55878เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2006 22:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
 เห็นด้วยกับอจ.เป็นอย่างยิ่งเลยค่ะว่าองค์กรที่มีพลังต้องมาจากความรักและสามัคคีของคนในองค์นั้นๆแต่จะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มต้นจากผู้บริหารหรือหัวหน้าที่จะเป็นคนหล่อหลอมความรักและสามัคคีให้เกิดขึ้นถ้าจะเริ่มต้นจากกิจกรรมทางอ้อมอย่างอจ.พูดถึงก็น่าจะดีค่ะ
ถึงเราจะจัดกิจกรรมก็จะมีคนบางส่วนที่เข้าร่วมในขณะที่หลายคนไม่สามารถเข้าร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ชอบกิจกรรมนั้น หรือเพราะไม่ว่าง คิดว่าเราคงต้องช่วยกันเน้นย้ำในเรื่องความพอเพียงตามพระราชดำริในหลวง ถ้าทุกคนรู้จักพอ ไม่แสวงหาผลประโยชน์หรืออำนาจหรือการเลื่อนขั้นที่ไม่ชอบธรรม ไม่ยกย่องคนที่ทำไม่ดี คนที่โกง หรือแสดงความไม่ศรัทธาต่อผู้บริหารที่ไม่มีคุณธรรม(เช่น ไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นส่วนตัว) ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความเป็นไปได้สูง เพราะเป็นการเริ่มปฏิบัติที่ตัวเราเอง เริ่มต้นที่ตัวเรา ส่วนใครที่ยังไม่รู้จักพอโดยการแสวงหาด้วยวิธีการที่ไม่ดี ก็อย่าไปร้อนใจที่จะเอาแบบอย่าง ความสุขที่แท้จริงของคนเรา อยู่ที่ใจเรา ถ้าเรารู้จักพอ ก็จะไม่ทุกข์ที่จะต้องไปดิ้นรนถึงกับยอมทำในสิ่งที่ผิดๆ เรารู้จักพอ แล้วเอาเวลาไปดูแลครอบครัวให้อบอุ่น เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีในสังคม ดีกว่าที่เราดิ้นรนไขว่ขว้าจนไม่มีเวลาดูแลลูกนะ และระวังผลกรรมจะไปลงที่ลูก อย่างผู้มีอำนาจล้นฟ้าที่เพิ่งจะถูกยึดอำนาจไง  กรรมมีจริงและเร็วด้วยนะ

คุณรำคาญครับ

คงจะขี้รำคาญจริงๆนั่นแหละ

ผมคงจะเห็นแย้งนิดหน่อยนะ

หากเราพยายามแยกแยะ คนดีชั่ว โดยไม่ข้องแวะด้วยเลย ซึ่งเราอาจจะคิดไปเองก็ได้ ว่าคนนั้นดี คนนั้นเลว เราก็อาจสูญเสียโอกาสไปอย่างน้อย 2 ประการ คือ

1. โอกาสในการสัมผัสใกล้ชิด เพื่อพิจารณาอย่างถ่องแท้ ว่าคนที่เราเห็นว่า ไร้คุณธรรม นั้น แท้ที่จริงอาจมีดีอีกมากมาย คนเราไม่เลวไปทุกอย่าง และ ไม่ดีบริสุทธิ์

2. โอกาสในการชักจูงเขา กลับเข้ามาสู่คุณธรรม  

การสร้าง ความสัมพันธ์  จะยิ่งไม่ประสบผลสำเร็จ หากยึดติดกับตัวตน ไม่เปิดประตูสู่สังคม เช้ามาทำงาน เย็นกลับบ้านไปอยู่กับลูกเมีย ทำแต่งาน โดยถือคติว่า ทำงานของตนให้ดีเท่านั้นเป็นพอเพียง ผมคิดว่า องค์กรก็ขาดชีวิต และนั่นแหละที่ผมยืนยันว่า ต้องเริ่มที่ความสัมพันธ์

หวังว่าคงไม่ รำคาญ เพิ่มขึ้นนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท