"เราต่อสู้กับอะไรหรือ"


  ฟังดนตรีจีน

 

             ได้ยินคนกล่าวบ่อยๆว่า "ชีวิตคือ การต่อสู้" ซึ่งประโยคนี้ น่าจะมาจากผู้ที่มีประสบการณ์ ที่ผ่านกาลเวลา การดำรงชีวิต ต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆมา จนสามารถสรุปนิยามเส้นทางของชีวิตได้ว่า "ชีวิตคือ การต่อสู้" (The Life is Fighting) แต่ก็เป็นเรื่องที่ชวนให้สงสัยต่อผู้เพิ่งเกิดมาใหม่ว่า เป็นเช่นนั้นจริงหรือ

              ยังมีอีกประโยคที่คุ้นๆอยู่คือ "ชีวิตคือ การเดินทาง" (The Life is Walking) ซึ่งก็เป็นที่น่าตั้งคำถามว่า จะเดินไปไหนอีกหละ ถ้าเช่นนั้นเราไม่มีเวลาพักเลยสิ แล้วเป้าหมายอยู่ที่ไหน จะไปหยุดตรงไหน

              ทั้งสองคำถาม มีนัยที่บอกถึงรัศมีความคิด ปรัชญา และจุดหมายของชีวิต ที่ฝังอยู่ในคำพูดเหล่านี้ ซึ่งน่าคิดสืบสวนต่อไปว่า ต่อสู้กับอะไร? หรือจะเดินทางไปไหน? ผู้เขียนจึงขอเรียบเรียงลำดับสิ่งที่เราต้องต่อสู้กับอุปสรรคของชีวิตดังนี้

               ๑) "พระอาทิตย์" (The Sun) ดวงอาทิตย์คือ ไฟ ที่ฉายส่องมายังโลกใช้เวลา ๘ นาที ทำให้โลกเกิดความสว่างขึ้น สิ่งที่มีค่าต่อสรรพชีวิตของตะวันคือ แสง สิ่งมีชีวิตต้องการแสง เพื่อให้ตนเองมีความอบอุ่น และช่วยเผาผลาญอาหารในตัวเอง ในขณะเดียวกันแสงก็อาจกลายเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ถ้าร้อนเกินไปเราจึงหาทางหลบแดด ด้วยการสวมหมวก ใส่สื้อผ้า ถือร่ม

                อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตก็สามารถปรับกระบวนการดูดซับ ต้านทานหรือดูดกลืนหรือสะท้อนกลับได้ เช่น ต้นไม้ ต้องการแสงเพื่อการสงเคราะห์อาหาร โดยมีสีเขียวเป็นตัวขับแสง ต้านแสง ส่วนสัตว์ก็ต้องการแสง เพื่อให้กระดูกแข็งแรง ในขณะเดียวกัน ก็มีระบบป้องกันแสง โดยมีผิวหนังหนา มีขนตามตัว ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตนอยู่รอด กระบวนการนี้คือ การต่อสู้ของพืชและสัตว์ที่ต้องปรับตนเองให้แข็งแรงที่สุดจึงจะชนะอุปสรรคนี้ได้

              ๒) "กฎของโลก" (The World's law) กฎ คือ โครงสร้างหรือพิมพ์เขียวที่เอื้อให้สรรพสิ่งดำเนินไปตามกระบวนการนี้ กฎนี้คือ กฎสามัญลักษณะ แรงโน้มถ่วง กฎของการหมุนเวียน กฎดึงดูด กฎต้านทาน กฎการทำลาย ฯ เป็นกฎที่มีอยู่ๆ ทุกที่ของโลก สิ่งใดที่กำเนิดมาบนโลกจะต้องปรับตัวหรือยอมรับกฎเหล่านี้ หาไม่แล้วก็จะอยู่รอดยาก หลักฐานที่เราเอาชนะกฎเหล่านี้ คือ การบิน การทรงตัว การออกกำลังกาย แต่กระนั้น เราก็ยังเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา

              ๓) "กาลเวลา" (Time's law) เวลาเป็นกฎตายตัวและแน่นอน ยากที่สัตว์จะเอาชนะได้ มีทางเดียวที่เราจะพอเอาชนะได้คือ ยอมรับแล้วใช้มันให้เป็นประโยชน์ ทุกวันนี้เรามักจะพูดว่า ไม่ค่อยมีเวลา เพราะมีงานเยอะ นี่เป็นการเอาชนะกิจการมากกว่าเวลา เพราะเวลาดำเนินไปโดยไม่สนใจเราเลย สิ่งที่เป็นตัวเวลาจริงๆ คือ ตัวเรา เพราะนี่คือ กระบวนการที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ชีวิตเราจึงมีเวลาแอบซ่อนอยู่ ๓ ช่วง คือ อดีต ปัจจุบันและอนาคต กระนั้น เราก็ยังต้องต่อสู้กับเวลา เพื่อให้อายุยืนบนโลกนี้เท่าที่เงื่อนไขของการกระทำของเราจะส่งผลให้

              ๔) "โรคภัย" (Disease) โรคเป็นภัยที่ขัดขวางมิให้ร่างกายดำเนินไป อันที่จริง โรคเองก็เพียงต้องการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดเช่นกัน แต่ร่างกายของเราก็มีระบบป้องกันภัยในตัวเอง นั่นหมายความว่า ระบบนี้ถูกวางแผนมาในระยะเริ่มต้นของการกำเนิดชีวิตบนโลก เนื่องจากว่า ในยุคนั้น โรคคงมีมากมายและมีอันตรายต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต แต่กระนั้น โรคก็ยังแทรกแซงเข้าสู่ร่างกายของเราอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องต่อสู้กับมัน ด้วยวิธีทานอาหารที่ดี ออกกำลังกาย บริหารกายให้ถูกสุขภาวะ

              ๕) "สารพิษ" (Toxin) ในระยะแรกบนผิวโลกเต็มไปด้วยสารพิษ กรด กำมะถัน รังสี แสงยูวี ฯ ซึ่งมีอันตรายต่อจุลินทรีย์ ยากที่จะกำเนิดได้อย่างทันที สิ่งมีชีวิตจึงต้องใช้เวลาในการปรับตัวและสร้างปราการในตัวเองก่อน เรียกว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ถึงกระนั้น ก็มีสารพิษอีกหลายชนิด ที่ร่างกายไม่สามารถยอมรับว่าเป็นมิตร จึงกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย จนเกิดโรคภัยตามมา ดังนั้น เราจึงต้องหาวิธีการเอาชนะโรค สารพิษต่างๆ ด้วยวิธีการเรียนรู้ กินยา ฝึกให้ร่างกายแข็งแรงอยู่สม่ำเสมอ

              ๖) "สัตว์" (Wild animals) สัตว์ทุกชนิดจะมีเชื้อโรคเกาะอยู่เสมอ แม้แต่มนุษย์ด้วย โดยเฉพาะในป่าลึก มักจะมีสัตว์ที่ดูดเลือดเรา แถมยังทิ้งสิ่งไม่น่าปรารถนาให้เราอีก นั่นคือ โรคไข้มาลาเลีย ไวรัส พยาธิ โรคแอนแทรกซ์ โรคไข้หวัดนก ไวรัสตับอักเสบ อหิวาฯ เชื้อเหล่านี้สามารถอพยพจากสัตว์สู่คนได้ ทำให้เราเกิดโรคภัยต่างๆ มากมาย

                 ปัจจุบัน สังคมในเมืองและชนบท มีการเลี้ยงสัตว์บ้าน เอาไว้เป็นเพื่อนมากมาย เช่น สุนัข แมว กระต่าย งู หนู ปลา นก ฯ พวกเขาล้วนมีเชื้อโรคที่สามารถย้ายฐานสู่คนได้ วิธีการป้องกันต่อสู้กับโรคจากสัตว์เหล่านี้ คือ อาบน้ำ ฉีดวัคซีนให้มัน ทำความสะอาดที่อยู่กรงให้สะอาด นำที่นอนไปตากแดดบ้าง ฯ เพื่อป้องกันตัวเองและสัตว์เลี้ยงด้วย ไม่เช่นนั้น เราก็จะกลายเป็นคนอ่อนแอ พ่ายแพ้สัตว์ได้

              ๗) "สภาพแวดล้อม" (Environment) สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมมีแนวโน้มที่จะสร้างให้เราเจ็บป่วยได้ แม้ร่างกายจะทำหน้าที่ดูแล ปกป้องเราภายในอยู่ก็ตาม เราไม่รู้เลยว่า มันจะเก็บสิ่งตกค้างเอาไว้หรือไม่ มลภาวะ อากาศไม่ปลอดโปร่ง สามารถทำลายสุขภาพได้ เช่น ชุมชนแออัด ถนนที่มีรถวิ่งจำนวนมาก โรงงานเสียงดัง กลิ่นควันพิษจากธูป กำยาน ฯ นั่นก็อันตรายอย่างยิ่ง สภาพแวดล้อมเป็นสภาพที่น่ากลัวมาก เนื่องจากไม่มีใครรับผิดชอบโดยตรง ทุกคนจึงเหมือนไม่มีใครจะช่วยแก้ จึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไป การป้องกัน การหลีกเลี่ยงแหล่งเหล่านี้ คือ วิธีการต่อสู้ที่จะเอาตัวรอดทางหนึ่ง

              ๘) "คนอื่น" (Others) แต่ละคนที่อยู่บนโลก มีลมหายใจอย่างอิสระ ซึ่งได้มาจากโลก แต่เราก็ไม่ได้ยื้อแย่งกัน เราจึงอยู่รอดได้ สิ่งที่เราต้องต่อสู้กับคนอื่นคือ การงาน การดำรงชีวิต การรีบเร่ง ขยันทำงาน เพื่อให้ได้โอกาสที่ดีกว่า ยุคนี้เป็นยุคแห่งการต่อสู้แข่งขันกัน ใครเฉื่อยชา ไม่ตื่นตัว ไม่กะตือรือร้น ย่อมหาความมั่นคงไม่ได้ ซึ่งมันสะท้อนออกมาในรูปแบบการแข่งขันกีฬานั่นเอง ใครเอาชนะได้ ก็จะได้รางวัล มีโอกาสมากมาย ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ในหมู่สังคม จึงต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ด้วยการแข่งขันต่อสู้กับคนอื่น เพื่อเป็นแรงผลักดัน ให้เราก้าวไปข้างหน้า (เป้าหมาย)

              ๙) "ตัวเอง" (Self)ในตัวเราทุกคนมีพลังฝ่ายลบและบวกกันทุกคน อยู่ที่ว่าใครจะจับฝ่ายใดมาเป็นพลังของตนเองในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ อุปสรรคอยู่รอบกายเรา ในตัวเราก็มีจำนวนมากเช่นกัน อุปสรรคที่ทุกคนเอาชนะได้ยากคือ กิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน มานะ อิสสา ความอ่อนแอ ความสิ้นหวัง ท้อแท้ เบื่อหน่าย ฯ เป็นคุณลักษณะที่ซ่อนในใจเรา ที่ศาสดาของศาสนาสอนไว้ เป็นเรื่องที่เราจะต้องมองให้เห็นว่าตัวเรามีอยู่ แล้วดั้นด้น ให้พ้นด้วยสติ ปัญญาและแรงบันดาลใจ

              สิ่งเหล่านี้ หากเรามองว่า พวกมันคือ ความปรารถนา ความอยาก ความฝัน ความหวัง ที่เราสร้างขึ้นเองละก็ นั่นคือ เรากำลังขาดการแยกแยะไม่ออกว่า เรากับอำนาจฝ่ายลบ ใครมีกำลังเหนือกว่ากัน ต้องใช้ทฤษฎีซูนวูที่ว่า "รู้เขา รู้เรา" จึงจะชนะตนเองได้ แต่ผู้คนส่วนมากไม่อยากเอาชนะหรอก แค่ใช้มันเป็นฐานให้พลังอำนาจต่อคนอื่นได้ นั่นคือ ชัยชนะแล้ว

              ๑๐) "วัฏสงสาร" (Circle of life) สิ่งที่เป็นอุปสรรคในแง่อุดมคติของศาสนาคือ การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องมุ่งมั่นว่า เห็นแก่นทุกข์ของชีวิตแท้จริงแล้ว จนกำหนดเป้าหมายตนเองได้ แล้วฝ่าฟันให้ถึง เหมือนข้ามทะเลแห่งวัฏทุกข์ แต่นี่เป็นเรื่อง การเอาชนะได้ยากยิ่ง เพราะอุดมคติของโลก คือ อยากเกิดมาอีก อยากมาเป็นคู่กัน อยากมาเสวยสุขแบบนี้อีก ฉะนั้น อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่คือ "ตัวเอง" นี่เอง การจะเอาชนะตนให้พ้นข้ามไปก่อน ก่อนที่เล็งเป้าไปยังธงชัย ที่ไกลโพน เมื่อเรายินดีอยู่ฝั่งนี้ หรือมองไม่เห็นฝั่นโน้น ย่อมหมดทางเอาชนะอุปสรรคที่ใหญ่หลวงได้ 

               ดังนั้น จึงพอสรุปอุปสรรคใหญ่ๆที่เราต้องต่อสู้ในชีวิตดังนี้ คือ เราต่อสู้กับ ๑) กิเลส ตัณหา อุปาทาน ฯ ๒) ดวงอาทิตย์ ๓) โลก ๔) กฎ ๕) เวลา ๖) ตนเอง  เหล่านี้คือ ศัตรูเสมือนเป็นครูที่ไร้ความปราณีแก่สรรพชีวิตบนโลกใบนี้ ส่วนเมื่อเราเอาชนะได้ เราจะก้าวไปไหนก็อยู่ที่ก้าวแรกของเรา ว่าเราจะย่างถอยหลังหรือเดินไปข้างหน้า ปลายทางหมื่นลี้ เริ่มที่ก้าวแรกคือ ก้าวในปัจจุบัน ที่มั่นคงนั่นเอง

------------------<>-------------------

หมายเลขบันทึก: 558278เขียนเมื่อ 5 มกราคม 2014 14:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม 2014 14:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณ บันทึกและความรู้ดีดีนี้ค่ะ ให้ข้อคิดดี ข้อเตือนใจได้ดีมากๆ ค่ะ

สำหรับผม หากสามารถเอาชนะข้อ ๙) "ตัวเอง" (Self)ได้ก็ถือว่าวิเศษสุดๆแล้วครับ

ขอบคุณบันทึกดีๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท