ฮักนะเชียงยืน 9


พี่ๆมาเรียนรู้จากน้องๆ น้องก็ได้เรียนรู้จากพี่ๆ

กองทุนไทยมาเยี่ยม

       การเดินทางที่เดินเท้ามาด้วยตนเองจนถึงครึ่งค่อนทางเเห่งโมเดลการดำเนินงานเป็นช่วงของการติดตามงานของทางมูลนิธิกองทุนไทย โดยที่มาคอยดูเเล ย้ำเตือน ให้เด็กๆไม่หลงทางที่ตนเองกำลังเดินอยู่ เเละในครั้งนั้นเป็นการถ่ายทอดทักษะการละครจากพี่ๆทางมูลนิธิมาสู่น้องฮักนะเชียงยืนเพื่อที่น้องจะนำทักษะการละครเหล่านี้มาช่วยให้การเเสดงละครนั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น กิจกรรมเเรกที่ฮักนะเชียงยืนได้ทำเป็นการย้ำเตือนเป้าหมายเดิมของเเต่ละคนมาสู่เป้าหมายของโครงการโดยที่เเต่ละคนเขียนเป้าหมายของโครงการ เเล้วมานั่งช่วยกันคิดช่วยกันรวบยอดความคิดมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เเต่สิ่งที่ได้รับรู้ในขณะนั้น คือ เมื่อเราได้ปฏิบัติงานตามกรอบที่ได้ตั้งเป้าไว้ ในหลายครั้งหลายที เราก็อาจหลงทางเองเพราะเราไม่ได้มองเป้าหมายที่เราได้กำหนด การมองเป้าหมายอยู้เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่หลงทางอยู่กลางดง

       การเยี่ยมเยือนใรครานั้นพี่ทางมูลนิธิมีการย้ำเตือนทุกสิ่งที่ได้ทำในโครงการโดยให้มานั่งวิเคราะห์เครื่องมือกันใหม่ โดยมีความหวังว่าเมื่อได้วิเคราะห์กันใหม่เราจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนเเล้วสามารถปรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้มีความเหมาะสมได้ในตลอดเวลา ดูโมเดลอีกครั้ง ดูสิ่งที่ได้เรียนรู้อีกครั้ง  ดูเป้าหมายอีกครั้ง ฯ ทั้งนี้เพื่อหล่อหลอมทุกคนให้มีเเนวคิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมด้วยการดูงานใหม่อีกครั้งเพื่อปรับให้เข้ากับศักยภาพของฮักนะเชียงยืน

ทักษะการละครจากมูลนิธิ

       จากกิจกรรมของการละครมีการมุ่งเป้าไปที่ สมาธิ ความเชื่อใจตนเองเเละเชื่อใจเพื่อน มีจินตนาการโดยกนะบวนการกลุ่ม เเล้วมีการร่วมกันเขียนเรื่องราวของละครโดยที่มีวัฒนธรรมของหมู่บ้านเป็นส่วนสำคัญของละคร

       "จินตนาการ" คือ กิจกรรมกลุ่มซึ่งจะเเยกเป็นกลุ่มๆ โดยที่เเต่ละกลุ่มจะต้องรับฟังคำสั่งของผู้ดำเนินกิจกรรมว่า จะสร้างเป็นอะไร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เมื่อได้รู้ว่าเป็นเรื่องถ่ายเอกสารก็ต้องรีบคุยกันในกลุ่มของตนเองว่าจะทำอย่างไรให้ทุกๆคนกลายเป็นเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องหนึ่งภายในเวลาที่จำกัด พร้อมทั้งสามารถเคลื่อนไหวได้ จึงเป็นกิจกรรมของจินตนาการที่แฝงด้วยอัตภาพของเเต่ละบุคคล

        "ความเชื่อ" เป็นความเชื่อว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง เชื่อในตนเองเเละเชื่อในตัวของเพื่อน คือ กิจกรรมนวดที่เป็นการให้เพื่อนคนหนึ่งได้นอนราบลงกับพื้นเเล้วให้เพื่อนอีก 2 คนนวดตามจุดบริเวรที่ผู้ดำเนินกิจกรรมมีคำสั่ง ในช่วงเเรก "อดขำไม่ได้เพราะจั๊กจี้" เเต่พอนวดไปเรื่อยๆ ผู้ถูกนวดถูกนวดไปเรื่อยๆก็จะรู้สึกผ่อนคลายจากการวางใจเพื่อน ผู้นวดก็ต้องไม่ทำให้เพื่อน "ขำ" ขึ้นมาอีกเช่นเดียวกัน เเละยังมีอีกกิจกรรมซึ่งเป็นกิจกรรมของความเชื่อโดยที่สมมติอะไรบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาให้ทุกคนได้เชื่อว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงๆ เช่น สมมติว่าสิ่งที่ถืออยู่นี้ คือ พิซซาถาดใหญ่ๆ เเยกออกมีจำนวน 10 ชิ้นด้วยกัน ให้ทุกๆคนได้ชิมความอร่อยของรสชาติ ให้กินโดยการเชื่อ ให้เคี้ยวโดยการเชื่อ ให้รู้สึกอิ่มท้องโดยการเชื่อ (กิจกรรมนี้จะเชื่อได้มาก ณ เวลาหิว) 

         "สมาธิ" คือ กิจกรรมกระจกเงา  กิจกรรมฟังเสียง  กิจกรรมเดินตามฝ่ามือ  กิจกรรมพยุงขวด

          ซึ่งกิจกรรมกระจกเงาเป็นการสมมติกระจกเงาขึ้นโดยคนหนึ่งเป็นคนธรรมดา เเล้วอีกคนหนึ่งเป็นเงาของอีกคนหนึ่งโดยที่ผู้กำนดการเคลื่อนไหวจะเป็นคนธรรมดา ส่วนผู้เป็นเงาจะต้องทำกริยาอาการตามที่คนหนึ่งได้กำหนด

          กิจกรรมฟังเสียง เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้หนึ่งหลับตาเเล้วให้อีกผู้หนึ่งส่งสัญาณเสียง อาจส่งเสียงด้วยการปรบมือ  ดีดนิ้ว หรือเคาะไม้ เเล้วให้อีกคนหนึ่งหลับตาลงแล้วเดินตามเสียงนั้นไปจากการได้ยินเสียงที่อีกคนหนึ่งได้ส่งออกมา

          กิจกรรมเดินตามฝ่ามือ เป็นกิจกรรมที่ให้คนหนึ่งเอาใบหน้าไปตามทิศทางของฝ่ามืออีกคนหนึ่งโดยที่กำหนดบังคับทิศทางคือ ฝ่ามือของเพื่อนที่จะนำใบหน้าเเละร่างกายของเราไปยังบริเวณต่างๆ

         กิจกรรมพยุงขวด เป็นกิจกรรมที่ให้คนหนึ่งนำนิ้วชี้ไปกดที่บนขวดเเล้วอีกคนหนึ่งนำนิ้วชี้มาดันที่ก้นขวดซึ่งจะทำให้ขวดสามารถลอยขึ้นมาได้ จากนั้นพยุงขวดไปยังที่ต่างๆในห้องโดยสลับไปมาโดยที่ห้ามให้ขวดกลง จึงเป็นอีกกิจกรรมง่ายๆที่สามารถเรียกสมาธิได้

         "ภาพ" เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทุกคนสามารถจดจำเรื่องราวของละครได้ง่ายๆ โดยเริ่มที่การสร้างเรื่อง 3 ภาพ ได้เเก่ จุดเริ่มต้น  จุดขัดเเย้ง  จุดสิ้นสุด เมื่อได้เรื่องทั้ง 3 ภาพเเล้วจะขยายอีก 2 ภาพคือ วิธีการเเก้ไข เเละภาพฝัน รวมเป็น 5 ภาพใหญ่ กลายเป็นละคร 1 เรื่อง เเต่ทว่า "ละคร" 1 เรื่องที่กว่าจะได้มานั้นต้องมีการซ้อม ๆ เเละ ปรับ ๆ ซ้อมเเละปรับ จนมีความเหมาะสมมากที่สุดเพื่อที่จะลงสู่ชุมชนได้

         "การเขียนเรื่องราว" เป็นการเขียนปัญหาของชาวบ้านเเล้วถ่ายทอดให้ชาวบ้านได้เห็นโดยมองที่เรื่องใกล้ตัวเป็นหลัก เเล้วนำวัฒนธรรมเดิมมาเป็นอีกส่วนของละครซึ่งจะสามารถทำให้ละครมีความเหมาะสมกับชาวบ้านมากยิ่งขึ้น โดยมีเครื่องมือ คือ 5 ภาพที่ได้เรียนรู้ไปก่อนหน้านี้ ณ ตอนนั้นเรื่องราวที่ได้วางเป็นเเนวทาง คือ สะท้อนวิถีชีวิตโดยเน้นที่ชีวิตของนักเรียนการมาโรงเรียนเเล้วกลับมายังบ้านของตนเอง สะท้อนให้ชาวบ้านเห็นว่าสิ่งที่เปลี่ยนเเปลงไปนั้น อะไรที่เปลี่ยนเเปลงไป โดยผ่านละครที่เขียนขึ้น

         ทักษะการละครเป็นความต้องการของฮักนะเชียงยืนที่จะนำทักษะเหล่านี้มาทำให้การเเสดงละครนั้นง่ายยิ่งขึ้น การละครนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลา สิ่งที่ทางมูลนิธิให้มานั้น ควรให้ระยะเวลาในคิดทบทวน

การเยี่ยมเยือนของทางพี่ๆในครานี้ เป็นการย้ำเตือนสิ่งที่กำลังทำอยู่ "ให้ตรงตามกรอบของเป้าหมาย" มากยิ่งขึ้น

พี่ๆมาเรียนรู้จากน้องๆ

น้องก็ได้เรียนรู้จากพี่ๆ

         สิ่งที่พี่ๆได้เรียนรู้นั้นเป็นสิ่งสำคัญเเต่สิ่งที่น้องได้เรียนรู้จากพี่ๆนั้นสำคัญยิ่งกว่า ได้เรียนรู้ว่า ขณะเมื่อเดินทางจำต้องหยุดพักเพื่อมองเส้นทางของตนอีกครั้งเพราะถ้าไม่ได้มองอาจทำให้หลงทางอยู่กลางดงก็เป็นได้ พร้อมด้วยทักษะการละครที่ถูกถ่ายทอดที่มอบ จินตนาการ  ความเชื่อ  สมาธิ บอละคร เเละภาพ ให้ออกมาเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น...ณ ครั้งนั้นโจทย์หลักที่สำคัญในครั้งต่อมา คือ ฟันเฟืองตัวที่ สาม ... 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 557689เขียนเมื่อ 30 ธันวาคม 2013 11:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 ธันวาคม 2013 11:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

มีความสุขมากๆในปีใหม่และทุกๆปีนะครับน้อง ขอบคุณมากครับ

พลังที่ยิ่งใหญ่มากชื่นชมครับ

เห็นพลังและวิธีการใช้พลังนั้นด้วย และได้เรียนรู้จากการอ่านเยอะทีเดียวครับ

ขอขอบคุณทุกๆคำติชมครับ อาจารย์ "มีกำลังใจเขียนต่อไปเยอะเลย" ครับ.... ขอให้มีความเจริญทางกายเเละความเจริญทางใจในทุกๆปีนะครับ... ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่ครับ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท