"ไม่มีอะไร"บังเอิญ"...ไม่มีอะไร"พอดี"
"ไม่มีอะไร"บังเอิญ"...ไม่มีอะไร"พอดี"...แต่มันคือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ด้วยกฏแห่งกรรม
ที่คนเราทุกคนนั้นมีติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด...และในเมื่อเรา เชื่อในกฏแห่งกรรมที่ไม่มีความ บังเอิญ...ไม่มีความพอดี...มีแต่เวรกรรมและกรรมเวรที่ตามมาอันเกิดจากการกระทำของเราเอง...แล้วเราคิดว่าเราจะอยู่กับกฏแห่งกรรมนี้ให้มีความสุขได้ อย่างไร? เป็นอีกหนึ่งคำถามที่น่าคิดมากๆ นะคะ เพราะมณีเทวามีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งนะคะว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราอยู่กับกฏแห่งกรรมของเราได้ดีที่สุด...
ก็คือการดำรงตนให้มีสติ ให้มั่นคงและดำรงตนให้มั่นคงในปัญญา พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ว่า"สติตั้ง ปัญญาเกิด" หากเรามีความเชื่อมั่นในคุณงามความดี...แค่นี้ชีวิตที่อยู่กับกฏแห่งกรรมก็จะประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งทางของชีวิตนะคะ ...เหมือนเรือน้อยๆที่ล่องลอย ไปในท้องทะเล...เมื่อพบกับคลื่นลมแรงเป็นพายุก็ต้องรู้จักโอนอ่อนผ่อนตาม.. เมื่อแรงลมดีก็วิ่งไปตามทิศทางที่กำหนด...และบางครั้งที่ไม่มีสายลมเลย.. ชีวิตก็ต้องรู้จักที่จะล่องลอยในทะเลโดยไม่ล่มจมลงแต่อย่างใด...
เมื่อก่อนมณีเทวาเคยสงสัยนะคะ...ว่าเหตุใดทำไมถึงมีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตของเรานะคะ เมื่อได้ศึกษาธรรมมากขึ้นจึงได้เรียนรู้ว่า มันคือผลมาจากกรรมของเราเองนะคะ กรรมที่เราได้กระทำนะคะ หลวงพี่เคยอธิบายไว้ว่า ลองดูลมหายใจของตัวเอง ดูกรรมของตัวเอง เรา นั่ง นอน ยืน เดิน เราหายใจ มันต่างกันตรงไหน ถ้าเรานอนแสดงว่ากรรมนั้นอยู่เฉยๆ จึงไม่ได้ส่งผลอะไรให้กับเรา แต่ถ้าเดิน กรรมพาให้เราเคลื่อนไหวไปเจออะไรมากมาย เหนื่อยไหม ก็ต้องเหนื่อย ถ้าเราลองนั่งดูละกรรมนั้นก็จะมีการเคลื่อนไหวได้นอนกว่าาการเดินไป ผลต่างกันไหม แต่ถ้าเราใช้ใจเดินละเหนื่อยไหม แลัวทำไมเราไม่มาใช้ใจนอนใจนั่ง งั้นแสดงว่ากรรมทุกอย่างย่อมมีผลในตัวของมันเอง วึ่งเป็นสูตรสำเร็จของสากลโลก
ถ้าเราเชื่อในเรื่องของกฏแห่งกรรม กรรมแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆนะคะ คือ กรรมดี ส่งผลดี กรรมไม่ดีส่งผลไม่ดี กรรมเฉยๆไม่ส่งผลเฉยไม่มีอะไรเลย แล้วโยมน้องตา (มณีเทวา) จะทำกรรมเฉยๆนั้นได้ไหมละโยมน้อง เพราะทุกอย่างล้วนถูกกำหนดเอาไว้แล้วด้วยกฏแห่งกรรม
ขออนุโมทนาบุญสาธุคำสอนจากหลวงพี่ นำมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
ขอบคุณค่ะ
มณีเทวา
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น