น้อมนำ ๙ พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช รัชกาลที่ ๙
เพื่อเป็นแสงสว่าง เป็นหนทางแห่งการดำเนินชีวิต พระบรมราโชวาทที่เกี่ยวเนื่องกับหลักคิดในการดำเนินชีวิตที่ทรงพระราชทานต่อ คนไทย เป็นเครื่องเตือนใจ เป็นหนทางแห่งชีวิตที่มีความสุขอย่างยั่งยืน
๖๔.ทำใจให้หนักแน่น รู้จักรับฟังผู้อื่น ช่วยให้งานประสบความสำเร็จ
"....สำคัญที่สุดจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวางหนักแน่นรู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่งคำวิพากวิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาด เพราะการรู้จักรับฟังอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลาย มาอำนวยประโยชน์ในการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบความสำเร็จที่สมบูรณ์นั่นเอง....."
๖๕. ทำงานให้ได้ดี ไม่ใช่ทำเพราะอยากเด่นอยากดัง
"...ทำงานทำการในหน้าที่ในฐานะชองแต่ละคนที่จะต้องทำ ให้ทำอย่างดีๆ ทำเรื่อยไป ไม่ใช่ทำอย่างที่อยากดีเด่น ทำได้ดีแล้วก็จะดีเด่นเอง ไม่ใช่ว่าจุดประสงค์ที่จะทำเพื่อให้ดีเด่น ทำเพื่อให้ดีเรื่อยๆ ทำหน้าที่ๆมีให้สำเร็จ แต่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่จะดีเด่น ก็อย่างที่ว่า ไม่ใช่ทำเพื่อดัง แต่ว่าถ้าต้องการจะดังเมื่อไหร่ก็จะดังเอง แล้วดังดีด้วยไพเราะ ไม่ใช่ดังอย่างน่ารำคาญหรือน่าเกลียด...."
๖๖. มีเมตตาและมีไมตรี ในการประสานสัมพันธ์ กับผู้ร่วมงาน
"....หลักการสำคัญประการหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ปฏิบัติงานสำเร็จ และเจริญก้าวหน้าได้แท้จริง คือการไม่ทำตัว ทำความคิดให้คับแคบ หากให้มีเมตตาและไมตรี ยินดีประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ร่วมงานอย่างจริงใจ...."
๖๗. ทำเฉพาะหน้าที่ตน ไม่สนใจผู้อื่นงานก็ดำเนินไปไม่ได้
"...ต่างคนค่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเแพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าท่เแพาะของตัวเองโดยไม่มองไมแลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่น แล้วช่วยกันทำ..."
๖๘. รู้จักอดทนและอดกลั้นในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
"....การทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้น ที่จะให้เป็นไปโดยราบรื่น ปราศจากปัญหาข้อขัดแย้งย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะคนจำนวนมากย่อมมีความคิดความต้องการที่แตกต่างกันไปมากบ้างน้อยบ้าง ท่านจะต้องรู้จักอดทน และอดกลั้น ใช้ปัญญา ไมใช้อารมณ์ปรึกษากัน และโอนอ่อนผ่อนตามกันด้วยเหตุผล โดยถือว่าความคิดที่แตกต่างกันนั้นมิใช่เหตุที่จะทำให้เป็นข้อขัดแย้ง โต้เถียงเพื่อเอาหน้าแพ้เอาชนะกัน แต่เป็นเหตุสำคัญที่จะช่วยให้เกิดความกระจ่างแจ้ง ทั้งในวิถีทางและวิธีการปฏิบัติงาน......"
๖๙. ปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบและเสียสละเพื่อส่วนรวม
ช่วยให้เกิดความสามารถและเชี่ยวชาญมากขึ้น
"...ความรับผิดชอบดังกล่าวนั้นอาจกล่าวได้ว่ามีประเด็นสำคัญอยู่ ๒ ข้อ ข้อแรก จะต้องระวังตั้งใจใช้กำลังเพื่อสร้างประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวให้ได้ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ส่วนรวมพร้อมกันนั้นก็จะต้องคอยป้องกันและแก้ไขอยู่ตลอดเวลามิให้ความเสียหายหนักขึ้น และข้อสอง ซึ่งเป็นข้อสำคัญอย่างยิ่ง จะต้องพยายามสร้างเสริมกำลังนั้นให้หนักแน่นมั่นคงและทวีขึ้นซึ่งมีทางทำได้หลายทาง ทางที่เหมาะสมอย่างหนึ่งก็โดยพยายามทำประโยชน์ เสียสละให้ผู้อื่นและส่วนรวมให้มากขึ้น การฏิบัติงานด้วยเสียสละอย่างนั้น ยิ่งกระทำมากเท่าใด จะช่วยให้เกิดความสามารถและความเชี่ยวชาญขึ้นเท่านั้น...."
๗๐. โอกาสทำงานควรเต็มใจทำโดยไม่มีข้อแม้
"....เมื่อมีโอกาสและมีงานให้ทำ ควรเต็มใจโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยันซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น...."
๗๑. ทำงานด้วยใจรักโดยหวังผลงานเป็นสำคัญ
"....การทำงานด้วยน้ำใจรักต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ใครเห็นก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้นจะเป็นประจักษ์พยานที่มั่นคง...."
๗๒. รู้จักประมาณตน และขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม
"....การรู้จักประมาณตน ได้แก่การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถดานไหน เพียงใด และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร
" การรู้จักประมาณตนนี้ จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น...."
* ขอบคุณ ๙ พระบรมราโชวาทจากหนังสือ ๑๐๘ มงคล พระบรมราโชวาทโดย สำนักพิมพ์อมรินทร์ ร่วมกับ 7 -ELEVEN และฺ BOOK SMILE รายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าถวายโดยเสด็จพระราชกุศลในกิจการของโรงเรียนวังไกลกังวล
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๕๖
ไม่มีความเห็น