เรื่องเล่า “ความหวังครั้งสุดท้ายของชายชรา”


        ฉันมีโอกาสได้รู้จักกับคุณตาท่านหนึ่ง  ชายชรา วัย 76 ปี เมื่อ วันที่ 13 เดือนมิถุนายน 2556  จาก  ลูกสาวของคุณตา  และได้พูดคุยกับคุณตาในเวลาต่อมา ซึ่งคุณตาบอกกับฉันว่า “ตารู้สึกว่าตนเองไม่สุขสบาย ปวดท้องและตัวเหลือง”  ลูกๆพาคุณตาไปตรวจที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ จังหวัดสุรินทร์ คุณตากลับจากโรงพยาบาลโดยไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคอะไร ถามลูกๆ ก็ไม่มีใครบอก คุณตาสังเกตเห็นว่า ลูกๆและคุณยาย แอบซุบซิบกันบ่อยครั้ง บางครั้งเคร่งเครียด บางครั้งซึมเศร้า จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีใครบอกอะไรกับคุณตา ทำให้คุณตาเก็บความสงสัยไว้ในใจตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน  อาการของคุณตาก็ทรุดลงเรื่อยๆ เริ่มปวดท้องรุนแรงขึ้นกินได้น้อยลงมีคลื่นไส้อาเจียน บางครั้งเหนื่อยเพลียจนแทบลุกไม่ได้ จนคุณตาทนไม่ไหว  คุณตาขอร้องให้ลูกมาตามฉัน เพื่อไปดูอาการที่บ้าน เพราะไม่สามารถมาเองได้

             สิ่งที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้า ประเมินด้วยความรู้สึกในครั้งแรก ชายชราผู้นี้ ผิวหนังเหี่ยวย่น รูปร่างผอม นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด จากการพูดคุยจึงได้รู้ว่าคุณตาปวดท้องมาก   ประเมินค่าคะแนนความปวดจากการซักถามเต็ม 10 คุณตาให้ 9-10 คะแนน ฉันซักถามอาการจึงให้ยาแก้ปวดท้อง  เพื่อบรรเทาอาการ หลังจากนั้น ได้พูดคุยกับลูกๆ โดยไม่ให้คุณตารับรู้ จึงได้รู้ว่า  แท้จริงแล้ว คุณหมอบอกลูกๆว่า คุณตาเป็นมะเร็งถุงน้ำดีระยะสุดท้าย สามารถมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 2 เดือน ลูกๆไม่มีใครกล้าบอกคุณตา เพราะเกรงว่าคุณตาจะทำใจไม่ได้และทำให้อาการทรุดเร็วยิ่งขึ้น ฉันถามลูกสาว และพี่ๆว่า คุณตาไม่สงสัยหรือว่าตนเองเป็นโรคอะไรและคิดว่าจะปิดไปได้อีกนานแค่ไหน ทุกคนบอกว่าจะไม่ให้รับรู้เลย เพราะเชื่อว่าคุณตาจะทำใจไม่ได้และทำให้จากไปเร็วขึ้น

      ฉันถามต่อว่า ถ้าไม่บอกความจริงจะทำให้มะเร็งหยุดการเจริญเติบโตหรือไม่  ลูกสาวบอกว่า ไม่ ฉะนั้นการบอกความจริง หรือไม่บอก เป็นเรื่องของจิตใจ ส่วนการดำเนินโรคของมะเร็งก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ ทำไม เราไม่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำเมื่อถึงเวลานั้น และตัวคุณตาเองก็สงสัยมาตลอดว่าเป็นโรคอะไร ฉันและลูกๆของคุณตา ได้พูดคุยปรึกษาหารือกัน ถึงข้อดีของการบอกความจริงกับคุณตาและข้อเสียของการไม่บอกความจริง สรุปได้ว่าลูกๆต้องการบอกให้คุณตารับทราบความจริง แต่มีข้อแม้ว่า จะให้ฉันเป็นผู้บอกคุณตา เพราะเกรงว่าลูกจะทำใจไม่ได้ ร้องไห้ ให้คุณตาเห็นอาจทำให้คุณตาหมดกำลังใจ

       ฉันประเมินการรับรู้เรื่องโรคของคุณตา พบว่า คุณตาพร้อมรับรู้ความจริงทุกเรื่อง ฉันจึงบอกให้คุณตารับรู้ว่าเป็นโรมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ไม่ได้บอกระยะเวลาการพยากรณ์โรค คุณตา เศร้าไประยะหนึ่ง ประมาณ 15 นาที ฉันให้ความเงียบเป็นเพื่อนคุณตาสักพัก ฉันรู้ว่าคุณตายังทำใจไม่ได้ทันทีแต่จะค่อยๆปรับตัวได้ในที่สุดและเชื่อว่าคุณตาจะจัดการสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ให้เสร็จสิ้นก่อนจากไปอย่างหมดห่วง

      หลังจากนั้นคุณตาบอกกับฉันว่า คงไม่มีใครอายุยืนเป็นร้อยปีหรอกน่ะ ก็คงจะมีวันนี้ทุกคน เวลาที่เหลืออยู่ตาจะทำกุฏิให้เสร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ และฝากลูกหลานให้สามัคคีกันอย่าทะเลาะกัน ให้  ลูกชายโตช่วยดูแล น้อง ๆ ด้วยเพราะน้องเป็นคนพิการ       ฉันไปเยี่ยมคุณตาอีกครั้งพร้อมกับยาแก้ปวดตามแผนการรักษาของ คุณหมออย่าง (MST10 mg ทุก 12 ชั่วโมง) โดยรบกวนให้คุณหมอจากโรงพยาบาลประโคนชัยสั่งยาให้ คุณตาดีใจมาก เพราะได้ยาแก้ปวดที่ลดความทุกข์ทรมานของคุณตาได้ หลายๆครั้งที่ ลูกสาวโทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องอาการทางกายของคุณตา ฉันได้ให้คำปรึกษาและดูแลอย่างดีที่สุด ส่วนอาการทางจิตใจพบว่าคุณตา ทำใจได้เร็วกว่าที่คิดและลูกๆพร้อมใจกันทำแต่สิ่งดีๆกับตา รวมถึงมีการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไว้ ญาติและเพื่อนๆ พาคุณตาสวดมนต์ทุกวัน ทำให้คุณตาจิตใจสงบลงอย่างเห็นได้ชัด ลูกๆก็โล่งใจที่ได้บอกความจริงให้คุณตารับทราบ 

        ฉันถามคุณตาว่า การรับรู้ความจริงเกี่ยวกับโรคของตนเองดีหรือไม่ดีอย่างไร คุณตาบอกว่า “รับรู้ดีกว่า เพราะจะได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนตายได้ถูกและทำความหวังที่ยังเหลืออยู่ให้เสร็จสิ้นซะที”

      ฉันเชื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง คุณตา จะต้องเตรียมตัวก่อนตายอย่างดี ยอมรับความตายที่ใกล้จะมาถึงอย่างสงบและไม่หวาดกลัวอีกต่อไป หลังจากติดตามเยี่ยมทุกสัปดาห์ เป็นเวลา 3 ครั้ง คุณตา  มีอาการทรุดลงเรื่อยๆและ เสียชีวิตอย่างสงบในเวลาต่อมาเมื่อวันที่  21 กรกฎาคม 2556 เวลา 11.30 น.

                                                                     นางกุลวรรณ พุฒิดำรง

                                                                    งาน Palliative Care โรงพยาบาลประโคนชัย

                                                                    BCCPN รุ่น 3 

หมายเลขบันทึก: 555709เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2013 21:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม 2013 21:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

-สวสดีครับ..

-เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา..

-คงต้องเรียนรู้และตั้งตัวรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตครับ

-ขอให้ดวงวิญญาณของคุณตาไปสู่สุขคติ ครับ

อ่านเเล้วได้เรียนรู้ เยอะเลยนะคะ คุณเพชรน้ำหนึ่ง ขอบคุณที่เเวะมาทักทาย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

ประสบการณ์การทำงานในคลินิก พบเหตุการณ์เเบบนี้เยอะมากค่ะ เกี่ยวกับการบอกความจริงกับผู้ป่วยระยะท้าย

ตามไปอ่านได้นะคะ ในบันทึกต่อไป

ขอบคุณครับ ถ้าได้รายละเอียดว่า

- พูดยังไง จนทำให้ญาติผู้ป่วยตกลงเปลี่ยนใจ

- พูดยังไง ประเมินคุณอย่างไร

เอาเป็นคำพูดเลย จะยอดมากครับ คนอื่นจะได้เรียนรู้วิธีพูดด้วยครับ

ขอบคุณบันทึกดีๆที่มาแบ่งปันครับ

"ตายก่อนตาย" หลวงพ่อชาเคยสอนครับ

เดี๋ยวกุ้งจะขอให้พี่กุลเข้ามาขยายความนะคะอาจารย์เต็ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท