วันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 (ต่อ)
เรานั่งแท๊กซี่กลับจาก University of Medicine and Pharmacy แวะแลกเงินไทยเป็นเงินเวียดนาม โดยให้แท๊กซี่จอดรอ ได้ถือเงินล้านกันทุกคน เพราะ 1 บาทเท่ากับ 677 ด่ง (Dong, VDN)
เมื่อไปถึงโรงแรมก็พบว่าหัวหน้าส่วนวิเทศสัมพันธ์ของ Dong Thap University มารออยู่แล้ว เรา check out ออกจากโรงแรมขึ้นรถตู้ที่มหาวิทยาลัยจัดมารับ แวะกินอาหารกลางวัน ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งคนหน่วยงานของรัฐมักมากินที่นี่ มีคนมากินอาหารเยอะมากๆ สังเกตว่ามื้อกลางวันชาวเวียดนามก็ดื่มเหล้าหรือเบียร์ด้วย
เขาสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว มีหมูกับเต้าหู้ต้มเค็ม (เมนูประจำของเขา) แกงจืดผักหมูสับ ปลากระบอกทอดทั้งเกล็ด ปลาต้มเค็ม (คล้ายปลาซาร์ดีน) ปลาหมึกนึ่ง ผัดถั่ว (ใส่กระเทียมเยอะ) ผลไม้คือกล้วยน้ำว้า ปลาและปลาหมึกสดมากๆ ไม่มีกลิ่นคาวเลย
ปลาหมึกนึ่ง จิ้มเกลือ (น่าจะผสมพริกไทย) บีบมะนาว
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไกลประมาณ 200 กม. ถนนเส้นนี้บางช่วงไม่ดี รถวิ่งเร็วไม่ได้ เขาจำกัดความเร็วประมาณ 60 กม/ชม. (ตำรวจจะจับถ้าวิ่งเร็วเกิน) พอออกนอกเมืองพบว่าสองข้างทางเป็นทุ่งนาและสวน ช่วงที่ไม่ใช่เขตเมืองจะมีร้านขายน้ำเป็นจุดให้รถแวะพักจำนวนมาก ที่ร้านมีเก้าอี้และเปลญวนแขวนไว้เป็นแถวๆ อาจารย์เจียมบอกว่าเอาไว้ให้คนแวะนอนพัก เมื่อเดินทางได้ประมาณครึ่งทาง เราแวะพักยืดเส้นยืดสายและดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนกันครู่ใหญ่
ฝรั่งที่จุดพักรถ
เราเดินทางต่อยาวถึง Dong Thap เมื่อประมาณ 17 น.กว่า check in เข้าพักที่ Song Tra Hotel เมือง Dong Thap มีหน้าตาเหมือนต่างจังหวัดบ้านเรา ดูกว้างใหญ่ ไม่พลุกพล่านมาก เย็นนี้รองอธิการบดีและคณะนัดเลี้ยงอาหารเย็นที่โรงแรมที่เราพัก
อาหารมื้อเย็นเริ่มด้วยขนมเบื้องคนละหนึ่งจาน อาหารที่คล้ายออเดริฟใส่จานรวมกันมาหลายอย่าง มีทอดมันปลา (พันต้นตะไคร้) แหนมเนือง (กินเปล่าๆ) เต้าหู้ทอด ข้าวเหนียวทอด ต่อมามีข้าวเกรียบสีขาวทอดแยกมาอีกจานหนึ่ง กุ้งแม่น้ำต้มเค็ม ยำยอดมะพร้าว ปิดท้ายด้วยข้าวสวยและหม้อไฟที่ใช้ปูนาตำต้มเป็นน้ำซุป ใส่เนื้อปลา กุ้งแม่น้ำ และผักหลายอย่าง รสชาติคล้ายแกงเลียงของบ้านเรา ผลไม้สดคือแตงโม มีการเสริฟวิสกี้ใส่แก้วเล็กๆ ตลอดมื้ออาหาร
หม้อไฟ สีคล้ำๆ คือเนื้อปูนา ขาวๆ คือกุ้งแม่น้ำ
ผักที่ใส่ในหม้อไฟ
ที่นี่เขาถือว่าทุกคนเท่าเทียมกัน โชเฟอร์ก็ร่วมโต๊ะอาหารกับเราได้ ในระหว่างมื้ออาหารรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัย Dong Thap ลุกขึ้นชวนชนแก้วดื่มวิสกี้ที่พนักงานคอยรินเติมใส่แก้วเล็กๆ ให้เป็นระยะๆ (พร้อมกับร้องโย่) กว่าจะหมดมื้ออาหารก็ดื่มกันไปคนละหลายจอก เหล้าเกือบหมดขวดใหญ่ ได้เคล็ดมาอย่างหนึ่งคือการใส่มะนาวชิ้นบางๆ ลงในเหล้าด้วย ทำให้มีวิสกี้มีรสชาติดีขึ้น
ชนแก้ว
เสร็จอาหารมื้อเย็นเราขอบคุณเจ้าภาพ ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน พรุ่งนี้เช้ารถจะมารับเราตอน 08.00 น.เพื่อพาเราไปชมสถานที่สำคัญก่อนไปเจรจาอย่างเป็นทางการและลงนามความร่วมมือที่มหาวิทยาลัย
วัลลา ตันตโยทัย
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2556
ในผักหม้อไฟเหมือนน้ำเต้าหรือฟักอ่อน
คล้ายแกงเลียงบ้านเราเลยครับ