การ "สวดมนต์" แบบพุทธ (น่าจะต่างจากการ "ท่องมนต์" หรือ "ร่ายมนต์" "ร่ายคาถาศักดิ์สิทธิ์")


เท่าที่ผมเรียนและศึกษา "ธรรมะ" มาตลอดชีวิตของผม นับช่วงเวลาที่ศึกษาจริงๆ ก็ไม่ต่ำกว่า 40 ปี...

ผมเข้าใจว่า..........

การ "สวดมนต์" แบบ "พุทธ" ที่แท้จริงนั้น 
ต้องปรับความเร็วของการสวด "แต่ละคำ"
ให้พอดีๆ กับระบบคิด และความเข้าใจในคำที่สวด 
พร้อมกับการน้อมนำคำที่สวดเข้ามาสู่ระบบคิด และจิตของตัวเองให้ทันกับคำสวดที่ "กำลังจะผ่านไป" ได้ทันพอดีๆๆๆๆๆ

ที่ต่างจากการ "ท่องมนต์"  หรือ "ร่ายมนต์" "ร่ายคาถาศักดิ์สิทธิ์" ที่เพียงพูดแต่ปาก โดยอาจมิได้คิด หรือไม่ต้องคิดตาม

แค่จำคำมาพูด หรืออ่านตามตัวหนังสือไปเฉยๆ ก็ได้ผลตามนั้นแล้ว


แต่ การ "สวดมนต์" นั้นจะต้องทำด้วย กาย วาจา และ ใจ ให้ฝังเข้าไปใน "จิต" 

ที่จะพัฒนาและ  "ชำระ" จิต ไปพร้อมๆกัน

ดังนั้น................

ถ้าผมยังไม่เข้าใจ ยังคิดไม่ทัน ผมก็ต้องสวดช้าๆๆๆๆ ลงอีก 
จนผมสามารถเข้าใจความหมาย และย่อยความหมายจริงๆ ออกมาทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามบทสวด
พร้อมการน้อมนำ "ใจความ" เหล่านั้น เข้าสู่จิตของเราได้ทันพอดี

ก่อนที่คำนั้นจะผ่านไป

เช่น "พุทธัง สรณัง คัจฉามิ"

เราก็ต้อง "น้อมนำ" พุทธ- ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่มี พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ฯลฯ

มาไว้ในระบบคิด (เป็น สรณะ ) ให้ได้ทัน ก่อน จะจบ "คำสวด" นั้นๆ

ดังนั้นผมจึงทึ่งและนับถือ คนที่สวดมนต์บทยาวๆได้หลายจบ ในเวลาอันสั้น

เช่น "คาถาชินบัญชร" ที่เป็นการ อัญเชิญ พระอรหันต์มาประทับที่ตัวเรา ที่ผมว่า "ยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สำหรับตัวผมเอง

เพราะ เราต้องคิดถึง พระปรีชาสามารถของพระอรหันต์แต่ละพระองค์ ทีละพระองค์ๆๆๆๆ

ก่อนที่จะน้อมรับความสามารถต่างๆเหล่านั้น มาประทับที่กายเรา

ที่ผมยอมรับว่า จบเดียวผมก็ยังเอาตัวไม่รอดครับ เพราะนานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แค่ผมสวดบทสั้นๆยังจบไม่ค่อยสมบูรณ์เลยครับ

แต่ถ้าท่องมนต์ตามตัวหนังสือเพื่อทำจิตให้มีสมาธิแบบชั่วคราวนั้น พอทำได้ไม่ยากครับ

อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

หมายเลขบันทึก: 553047เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2013 10:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2013 10:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

หากการท่องมนต์ สวดมนต์ หรือ การภาวนาใด สามารถส่งผลให้เป้าหมายศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ได้จริง

การภาวนาถึงนามหนึ่งพร้อมๆกันทั่วโลก ทุกวัน วันละมากกว่า5เวลา เวลาละเป็นหลายร้อยคำภาวนา ทำมานานเป็นหลายล้านปี (ถ้ามีหลักฐาน ก็ประมาณ6000 กว่าปี) กระทำด้วยภาระหน้าีท่ ไม่มีความเป็นทาสเป็นนายต่อกันของพี่น้องมนุษย์ ไม่มีกุสโลบาย ตำรา ภาวะจำยอมใดใด อามิสบุญ อามิสบารมี เป็นสินจ้างรางวัล แล้วไซร้

ผู้นั้น คงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ่งใดเกินแน่แท้ และผู้นั้น ก็ต้องปกครองเหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชนกลุ่มน้อยภาวนา เพื่อความศักดิ์สิทธิ์แน่นอน. ระวัง อย่าๆปลบหลู่เข้าเชียวหละ. เพราะ ผู้นั้น สร้างและค้ำจุนให่อำนาจ สิ่งที่ท่านรู้จักว่าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด กตัญญูไปพลางๆก่อนเถิด อย่ารีบเย้ยหยัน ปฎิเสธ

ครับผม 

งงงงงงงงงงงงงงงง

จะบอกว่าอะไรครับ

สิ่งที่ผมเสนอท่านเห็นด้วยหรือเห็นต่างยังไงครับ

ผมก็ว่าตามความเข้าใจของผมเอง ท่านคิดว่าผมเข้าใจคลาดเคลื่อยังไงช่วยขยายความด้วยครับ

 

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะ

มาขอร่วมเรียนรู้ด้วยคนค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท