มุสลิมหรือคริสเตียนจะเป็นนายกรัฐมนตรีไทยได้หรือไม่?


เอาละครับ ผมขอสนุกกับเรื่องการเมืองกับเขาเสียหน่อย แต่ก็เป็นการ "สนุกคิด" ตามประสาผมซึ่งไม่ได้สนใจสิ่งที่เป็นความรุนแรงทางความคิดทางการเมือง เรื่องเหล่านั้นมีคนสนใจเยอะแล้ว ผมขอไม่ยุ่งก็แล้วกันครับ

รู้สึกในแวดวงรอบๆ ตัวของผมนี้มีคนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลและหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีกันทั้งนั้น ก็ผมอยู่ในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เสียเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างนี้นี่ครับ

ผมเองมักจะมีปัญหาคุยกับคนอื่นเรื่องการเมืองไม่ค่อยรู้เรื่อง อย่างคราวนี้ผมบอกว่าเห็นด้วยว่าให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผมมีปัญหานิดเดียว ซึ่งมันนิดเดียวสำหรับผมแต่ไปคุยกับใครก็วงแตกแปลกจริงๆ

ปัญหาของผมก็คือหากวันใดวันหนึ่งพรรคประชาธิปัตย์เกิดเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคขึ้นมา ผมเห็นสมาชิกพรรคสองคนที่มีศักยภาพสูงน่าจะเป็นหัวหน้าพรรคนั่นคือ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ และ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ซึ่งเป็นบุคคลากรที่มีความสามารถสูงและมีตำแหน่งบริหารระดับนานาชาติมาแล้วทั้งคู่ ถ้าไม่ได้มองเรื่องการเมืองแล้วความสามารถในการบริหารจัดการของทั้งสองท่านนี้เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีไทยได้แน่ครับ

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ดร.ศุภชัย นั้นนับถือศาสนาคริสต์ ส่วน ดร.สุรินทร์ นั้นนับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นหากคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทยขึ้นมา ก็น่าจะเป็นผู้นำไทยในตำแหน่งสูงสุดคนแรกที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธครับ

คำถามของผมก็คือ เรื่องนี้จะเป็นไปได้หรือไม่? คิดกันเล่นๆ ก็น่าสนุกแล้วครับ

 

หมายเลขบันทึก: 552915เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2013 18:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2013 20:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
น่าคิดเหมือนกัน  นะคะ  ท่านอาจารย์

ท่าน" ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ "

ท่านมีความคิดเป็นสากลค่ะ

ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนค่ะอาจารย์

หากตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เสียสละ มุ่งประโยชน์ส่วนรวมก็เป็นได้แน่นอนค่ะไม่วาศาสนาใด....เป็นมิติที่ดีอีกต่างหาก

ขอเพียงมีความจริงจัง จริงใจ ทำเพื่อส่วนรวม ยึดประ่โยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง...

จะเป็นใครก็คงไม่มีปัญหาจ้ะ

ผู้ที่มีจำนนว่า เขาเป็นผู้กตัญญูได้สูงสุดยัง ผู้พิพากษาสูงสุดในบัญชีมนุษย์ทุกๆคน ได้อย่าง เปิดเผย. น่าจะมีความกตัญญูสูงเกินจาก ผู้ที่กตัญญูแค่เพียงระดับธรรมชาติ (แต่ผู้นั้นกตัญญูต่อเจ้าเมืองธรรมชาติ ไม่มีการยกสะพานออกจาก ผู้มีพระคุณใดใดที่เขาสูดและเสพ) บุคคลผู้นั้นน่าจะมีจิตที่กตัญญูในขั้นที่ น่าจะนำมาบริหารสิ่งสร้างของผู้ที่เขากตัญญู ได้สร้างและจรรโลงมา(เขายึดปรัชญาว่า ผู้นั้นสร้างแผ่นดินชั้นฟ้า และสิ่งระหว่างมันทั้งสอง)

หากใครมีกตัญญูธรรม เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว น่าจะไม่ยกสะพานต่อผู้ให้สิ่งสูดเสพต่อเขา ต่อพี่น้องร่วมชาติ ต่อชาติบ้านเมืองที่เขาเกิดโตมาแน่เทียว น่าจะลองให้ผู้มีความกตัญญูขั้นสูงที่สุด น่าให้กลุ่มชนเหล่านั้นมาบริหารราชการดูบ้าง

แต่ก่อนอื่น เราต้องศึกษา และ ตรวจสอบในองค์ธรรมที่เขาถือครอง เพื่อสอบทานเขาเสียก่อน ลองศึกษาในธรรมนั้นดูเถิด อย่าปิดกั้น ลองก่อนอย่าเพิ่งเชื่อ ตามพระพุทธเจ้าสอน

ไม่ต้องลองแต่พิจรณา

ปรัชญาการมีพระเจ้าเป็นสิ่ง กตัญญู เป็นปรัชญาที่เกินเลยจาก ปรัชญาที่มีพระเจ้าเป็นสิ่งปฎิเสธเนรคุณอยู่แล้วในตัวของมันเอง ปราศจากการยกสะพานจากผู้มีพระคุณใดใด น่าสนใจมั้ยล่ะ. ไม่มีการไม่เอาเจ้าเมืองธรรมชาติที่มีพระคุณ ฉะนั้นวลี “ไม่เอาเจ้า”(ที่พ่อแม่เราทุกคนเสพการพัฒนามาจากผู้นั้น) คนเหล่านี้ ไม่น่าจะกล่าวง่ายๆแบบที่เราประสพมานะ ตรรกะนี้ ลองคิดก่อนเถิด

อิสลาม มีคุณค่าที่พระเจ้าตราไว้ว่า คือ สันติธรรม

แต่ภายหลัง มีผู้พยายามแปรคุณค่านั้นไปสู่ภาพลักษณ์ ความรุนแรง ด้วย วาระซ่อนเร้นมากมาย ที่เรามุสามิได้ว่าเห็นหรือ รู้จริง

แต่คุณค่าที่ตราไว้ดเวยผู้สร้างนั้น จีรัง และ แปรเปลี่ยนมิได้อีกด้วยอีเว้นท์ของมนุษย์ใดใด ฉะนั้น เพียง1400กว่าปรเท่านั้น มีผู้คนยอมรับในสันติธรรมนั้น มากถึงเกินครึ่งโลกไปแล้ว. มันคงไม่มีโรงงานไหนผลิตปืนมีด ที่ใช้จี้คนถึงมากกว่า3000ล้านคน มาจำนนในสันติธรรมนี้แน่ น่าจะมีอะไรในนั้นที่น่าสนใจซิ ไม่ลองศึกษาดูกันบ้างหรือชาวพุทธะ พระพุทธเจ้าก็สอนมิให้ปิดกั้น ท่านนิยมการเปิดกว้าง และ การศึกษาในเหตุและผลมิใล่หรือ

อย่ารีบมุสาว่า สิ่งใดมีคุณค่าตามวรรณกรรมข่าว วรรณกรรมที่มนุษย์แต่ง จงรู้ด้วยตนเอง มิเช่นนั้น เราจะรู้แบบ มุสา(ผิดศีล) เพราะเราไม่เคยเห็นเองสักครั้งหรือสองครั้ง ด้วยซ้ำ อย่าเพิ่งเชื่อๆๆๆว่า สิ่งที่เล่าขานในวรรณกรรมนั้นคือเช่นนั้น จนกว่าท่านจะได้ลอง ก่อน เชื่อ

ผู้ที่มีโอกาส ได้อ่าน โอวาทจากผู้สร้างมนุษย์ (เตาร๊อด ซาบูร อิลยีล และ อัล-กุรอาน) มีโอกาสเข้าถึงเจตนารมณ์ของ ข้อความที่เป็นความจริงนั้น จะสามารถบริหารสิ่งใด ในหนทางแห่งสันติธรรมได้ แม้แต่ประเทศชาติ การบริหารนั้น ก็จะยากต่อการยกสะพานออกจากผู้มีพระคุณก่อนหน้า การเบ้าสู่อำนาจของตน เพราะพื้นฐานจากโอวาทนั้น จะกล่อมเกลาจิต จริต ผู้นั้น ได้ตามเจตนารมณ์ เพื่อเป็นมนุษย์ผู้ยากต่อการก่อความเสียหายต่อแผ่นดินที่ก้าวเข้ามา(ก้าวจาก มดลูกแม่เข้าแผ่นดินใดก็ตาม) เพราะ วัจนะของผู้ที่เขากตัญญู จะลั่นในทุกขณะของจิต(มีสมาธิ) เตือนเขาในกฎหมายของพระเจ้า ที่ไม่มีวันหมดอายุความ. ผู้จำนนต่อกฎบัญญัติ ของผู้ที่สามารถพิพากษาพ่อแม่เขาได้ มาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ยังพูดยังเดินไม่ได้นั้น ย่อมไม่ปล่อยให้พ่อแม่ถูกตำหนิ จากผู้พิพากษาผู้นั้นแน่ๆว่า ใยสอนสั่งลูกเนรคุณต่อประเทศชาติ ทุจริตต่อภาระหน้าที่ที่นำพาเขาไปกระทำ ไปรับผิดชอบภาระที่ได้มา.

ปรัชญาสันติธรรมนี้ เมื่อลูกกระทำสิ่งใดเสียหาย พ่อแม่ยะถูกบันทึกความผิด และเอาผิดจากกฎหมายของพระเจ้าไปด้วย นั่นคือความกตัญญูผูกพันเป็นภาระหน้าที่ต่อกันระหว่าลูก กับพ่อแม่อย่างเลื่อมโยงได้ชัดเจน พ่อแม่ก็ต่องไม่ปล่อยปละละเลยในภาระของตน ไม่นำเขาไปฝากไปฝังที่ใด ไม่เอาเขาไปแทงพนันเอาสวรรค์ที่ไหน มีภาระหน้าที่ต่อเขาอย่างเต็มสามารถ ลูก ก็ต่อรักษาบัญชีตนให้เป็น เมื่อเป็นแล้ว ก็จะรักษาบัญชีพ่อแม่เป็น กตัญญู ปกป้อง เหตุแห่งทุกข์ของพ่อแม่ในวันสอบสวน(พ่อแม่ทำดีก็หวังว่ากำไร แต่เปิดบัญชีออกมาขาดทุน อ้าว ก็ลูกท่านๆไง ทุกข์มั้ยละวันสอบสวนพิพากษานั้นน่ะ)

เอาแค่นี พอหอมปากหอมคอ บอให้เพียรสืบค้น ถ้าเยี่ยม และ ไม่ต้องถามๆๆๆๆใครเลย คือ ไปอ่านเอง อัล-กุรอาน ครับพี่น้อง

อย่าประณีประนอมกับสมองตนเองต่อไปว่า อ่านยาก อ่านไม่รู้เรื่อง เกินปัญญา ท่านจะปิดกั้นเสียโอกาส ผู้สร้างท่านจะนำทางท่านเอง เพียงศรัทธา

กฏหมายไทยไม่กีดกันอยู่แล้ว แต่มีแรงส่งจากพรรคที่สังกัดมากพอหรือไม่

ภาวนา เพื่อประเทศสงบสุข สันติ

หากการท่องมนต์ สวดมนต์ หรือ การภาวนาใด สามารถส่งผลให้เป้าหมายศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ได้จริง การภาวนาถึงนามหนึ่งพร้อมๆกันทั่วโลก ทุกวัน วันละมากกว่า5เวลา เวลาละเป็นหลายร้อยคำภาวนา ทำมานานเป็นหลายล้านปี (ถ้ามีหลักฐาน ก็ประมาณ6000 กว่าปี) กระทำด้วยภาระหน้าที่ไม่มีความเป็นทาสเป็นนายต่อกันของพี่น้องมนุษย์ ไม่มีกุสโลบาย ตำรา ภาวะจำยอมใดใด อามิสบุญ อามิสบารมี เป็นสินจ้างรางวัล แล้วไซร้ ผู้นั้น คงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ่งใดเกินแน่แท้ และผู้นั้น ก็ต้องปกครองเหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชนกลุ่มน้อยภาวนา เพื่อความศักดิ์สิทธิ์แน่นอน. ระวัง อย่าไปลบหลู่เข้าเชียวหละ. เพราะ ผู้นั้น สร้างและค้ำจุนให้อำนาจ สิ่งที่ท่านรู้จักว่าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด กตัญญูไปพลางๆก่อนเถิด อย่ารีบเย้ยหยัน ปฎิเสธ

แล้วทีนี้ จะภาวนาไปที่ไหนดีลาะ ชนกลุ่มน้อยของโลกอย่างชาวไทย

แม่มีลูก5คน หากลูกทุกคนอยู่ในโอวาทแม่ทุกคน บ้านนี้มีแต่งวบสันติแน่นอน ไม่ต่อรอง ให้ทำอะไรก็ทำทุกประการ

หากมนุษย์ 6500 กว่าล้านคน อยู่ในโอวาทผู้สร้างมนุษย์ได้ทุกๆคน โลกนี้ จะสงบสันติไหมล่ะ

โอวาทผู้สร้างมนุษย์มีอยู่ แต่เราปิดกั้นโอกาสการอ่านนั้นไปกันมาก

ในนั้นหากจำนนในคำแนะนำ จะไม่มีสงคราม ไม่มีการขัดแย้ง พิพากษาต่อกัน

ผู้พบผู้เดินหลงทางไปขัดโอวาทนั้น ก็ต้องเป็นภาระหน้าที่ ตักเตือนเท่านั้น มิใช่พิพากษาว่าเขาผิด(หลงผิด มิใช่ผิด)คือเดินหลงไง

มุสลิน คือ ผู้จำนนต่อโอวาทนั้น ฉะนั้นใครออกนอกโอวาทนั้น จะเป็นมุสลิมไปได้อย่างไร

ลองไปอ่านเถิด ลองก่อน อย่าเพิ่งเชื่อ

ดีเหมือนกันครับท่านอาจารย์ :-) ขณะนี้กำลังมีความคิดที่จะแปลงตัวเองไปสู่ความรักของพระองค์ผู้สร้างอยู่พอดี :-)

สนับสนุนไปเลยค่ะเพราะถ้าจะพิจารณาว่าใครจะเป็นนายกก็ต้องพิจารณาที่ความสามารถในการบริหารของเขาและที่สำคัญต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตของเขาไม่ใช่ศาสนาอีกอย่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ว่านายกต้องมีศาสนาอะไรเท่านั้น แต่ตรงกันข้ามกลับระบุว่าห้ามเลือกปฎิบัติเพราะเหตุแห่งความต่างของความเชื่อศาสนาความคิดทางการเมือง

 

ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ยอมรับได้เช่นนั้นก็แสดงว่าคนไทยพัฒนาแล้ว ไม่น่ามีปัญหาหรอกถึงไม่ชอบใจในคนบางกลุ่มบางพวกก็ไม่กล้าแสดงออกหรอกเพราะมันดูไม่ศิวิไล และคนไทยกลัวนักที่จะให้คนอื่นรู้ว่าตนเองนั้นไม่ศิวิไล

 

 

-สวัสดีครับอาจารย์ฺ...

-ตามมากระตุกต่อมความคิดครับ...

-เป็นไปได้ทุกคนครับ....ไม่มีข้อจำกัดเรื่องศาสนาครับ..

-ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท