ข้อเท็จจริง บางประการ เกี่ยวกับเด็กวัยรุ่น : พฤติกรรมการข่มขืน


สังคมจะอยู่ได้ไม่นาน หากปล่อยให้คนระบายแรงขับของสัญชาตญาณตามใจชอบ เพราะคนที่แข็งแรงกว่าจะเอาเปรียบคนอ่อนแอกว่า ความวุ่นวายในสังคมจะเกิดขึ้นถ้าปล่อยให้คนมีเพศสัมพันธ์กันทุกครั้งที่มีความต้องการทางเพศ

          บันทึกนี้ขอเริ่มต้นแบบเครียด ๆ ในทำนองภาพสะท้อนปัญหาของสังคมที่เสื่อมโทรมถอยต่ำลงทุกวัน เนื่องด้วยสภาวะทางจิตถดถอยไปในทางที่ไร้ศีลธรรม จึงเกิดช่องว่างระหว่าง Id  Ego และ Superego ทำให้ในสภาวะไม่สมดุลกัน จากการได้ติดตามข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และแว๊ปไซด์ต่าง ๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมการข่มขืนของเด็ก วัยรุ่น กระทั่งคนชรา อันเกิดมาจากปัจจัยหลายประการ แรงจูงใจพื้นฐานที่ทำให้ลงมือกระทำ คือ ความต้องการมีอำนาจเหนือ และมีความรู้สึกก้าวร้าวต่อผู้ถูกข่มขืน โดยผู้ถูกข่มขืนกระตุ้นผู้ข่มขืนให้อยากระบายอารมณ์รุนแรงของตนในสภาวการณ์ขณะนั้น ทำให้จิตใจผิดปกติ คุณธรรมศิลธรรมในจิตใจขาดหาย ไร้จิตสำนึก ผู้กระทำโดยมากจะมาจากครอบครัวที่มีปัญหา ขาดความรัก ความผิดปกติของตัวผู้กระทำผิดเอง และสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย

          การข่มขืน คือ การพยายามร่วมเพศโดยฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม หรือการที่อีกฝ่ายยอมให้มีการ่วมเพศเพราะความกลัว ถูกบังคับ ถูกล่อลวง หรือปัญญาอ่อน เป็นการร่วมเพศที่อีกฝ่ายไม่อาจขัดขืนได้ อันเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้กระทำ ถือว่าเป็นการทำร้ายทางเพศอย่างหนึ่งในทางกฎหมาย และถือเป็นการละเมิดสิทธิและสิทธิทางสังคมและครอบครัว แต่ไม่หมายรวมถึงสามีภรรยา เพราะการแต่งงานเป็นสัญญาว่าหญิงได้ยินยอมให้ชายร่วมเพศได้ตลอดไป

จับไอ้โม่งขืนใจ นศ. สาวใน ร.ร. กวดวิชาที่แท้หมอหนุ่ม
ลูกนักการเมือง ข่มขืนโหด
อึ้ง!! เด็ก 10 ขวบยกพวกรุมขยี้กาม ด.ญ.วัยแค่ 4 ขวบ
คิดชั่วหมายข่มขืน ถูกกัดลิ้นขาด

ฟันธง! ข่มขืน เหตุ "สุรา-หญิงแต่งตัวยั่ว" ปัญหาใหญ่วัยรุ่นยุคนี้

          จากข่าวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า การข่มขืนมีตั้งแต่ในวัยเด็ก ทั้งมีการวางแผนล่วงหน้าและไม่ได้วางแผนการมาก่อน ทั้งกระทำคนเดียวและเป็นกลุ่มบุคคล ในระดับตั้งแต่สามัญชนคนธรรมดา กระทั่งบุคคลที่มีฐานะทางครอบครัวดี มีการงานอาชีพที่น่าเคารพยกย่อง มีหน้ามีตาในสังคม พบว่า โดยมากผู้ถูกข่มขืนอยู่ในระหว่างอายุ 18-25 ปี ผู้ข่มขืนอายุระหว่าง 20-24 ปี ส่วนใหญ่จะมีรายได้น้อย ด้อยวัฒนธรรม และความสามารถทางสติปัญญา (IQ) ต่ำ มักจะต่ำกว่าพวกก่ออาชญากรรมประเภทอื่น ๆ ส่วนความสามารถทางอารมณ์(EQ) ไม่เหมาะสมกับอายุ รูปร่างหน้าตาไม่ดี ร้อยละ 30-40 สมรส ร้อยละ 50-60 เคยสมรสแล้ว ร้อยละ 50 ของผู้ที่ข่มขืนดื่มสุราก่อนลงมือกระทำ การข่มขืนอาจทำเป็นกลุ่มในบางแห่งมีอัตราสูงถึงร้อยละ 70 ของคดีข่มขืนทั้งหมด และร้อยละ 90 ของการข่มขืนที่ทำเป็นกลุ่ม มีการวางแผนกระทำล่วงหน้า คนเหล่านี้จะมีความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์ตามปกติ แต่บางคนมีความวิปริตทางเพศบางอย่างมาก่อน

          ข้อมูลจากการจัดเวทีเสวนาหัวข้อ “ทำอย่างไรไม่ให้ถูกข่มขืน” เพื่อสะท้อนปัญหาข่มขืนรุมโทรม จัดที่โรงเรียนสตรีวิทยา ประกอบด้วยนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ และเยาวชนจากบ้านกาญจนาภิเษก โดย พ.ต.อ.สุรัศมิ์  อุดมรัตน์ ผู้กำกับการกองผู้กำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ปัญหาการข่มขืนมีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ เหยื่อ  ผู้กระทำความผิด  เวลาและสถานที่ หาก 3 องค์ประกอบนี้มาอยู่รวมกันจะก่อให้เกิดการข่มขืน

          ตัวแทนผู้กระทำผิดคดีข่มขืน เปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มเพื่อนในคดีข่มขืน พบว่า คนก่อคดีทำเพราะความอยากรู้อยากเห็น ค่านิยม และทำในลักษณะรุมโทรม ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก อารมณ์มันพาไป ผู้กระทำมักไม่มีจิตสำนึก และมาจากการดื่มสุราทำให้ขาดสติ กอรปกับผู้หญิงแต่ตัวยั่วอารมณ์ทางเพศ ทำให้ผู้ชายมองว่าฟรีเซ็กส์ และคิดว่าง่าย จึงพาไปข่มขืน

          เยาวชนจากบ้านกาญจนาภิเษกได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหา ว่าควรสอนเรื่องเพศศึกษาให้เด็กผู้ชายและผู้หญิงให้เข้าใจลึกซึ้งตั้งแต่มัธยมต้น ไม่ควรสอนเด็กในวัยประถมศึกษาเพราะเป็นการชี้โพรงให้กระลอก แต่เยาวชนที่ก่อคดีข่มขืนบางคนมองว่าการป้องกันตัวไม่สามารถช่วยผู้หญิงได้ เพราะผู้ชายมีกำลังมากกว่า ส่วนแนวคิดที่จะปลูกฝังทัศนคติให้ผู้ชายเคารพผู้หญิงที่เป็นเพศแม่ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน ควรสอนให้นึกถึงความรักและน้องสาวของตนเองหากถูกข่มขืนจะมีความรู้สึกอย่างไร ส่วนนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมสัมมนาเรียกร้องเรื่องจิตสำนึกสื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้ผลิตสื่อลามกให้นึกถึงเด็กมากกว่ามองเชิงธุรกิจ เพราะเป็นตัวยั่วยุเด็กและเอาเยี่ยงอย่าง ควรจัดหลักสูตรเนื้อหาการป้องกันตัวจากการข่มขืน

          ในประเด็นการข่มขืนผู้เขียนหยิบยกทฤษฎี Death Instinct หรือสัญชาตญาณแห่งความก้าวร้าว เพราะโดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าผู้กระทำความผิดมีสัญชาตญาณแห่งความก้าวร้าว ที่ต้องการทำลายผู้อื่น เพื่อสนองความต้องการและให้ได้มาซึ่งความสุขของตัวเอง ฟรอยด์ เชื่อว่า พฤติกรรมส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยสัญชาตญาณ แรงขับทางสัญชาตญาณ เริ่มจากความต้องการของร่างกาย ซึ่งผลักดันให้คนต้องกระทำเพื่อสนองความต้องการของร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับการตอบสนองแล้วจะกลับสู่สภาพที่สมดุล แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองการกระตุ้นของสัญชาตญาณจะสร้างความปวดร้าว หงุดหงิด ความสุขจะเกิดขึ้นเมื่อแรงกระตุ้นและการเรียกร้องลดลง
 
          Life Instinct หรือสัญชาตญาณเพื่อชีวิต เป็นพลังที่มนุษย์ต้องการการสืบพันธ์ ต้องการอาหาร น้ำและเซ็กส์ ส่วนพลังที่ตรงข้าม คือ Death Instinct หรือสัญชาตญาณแห่งการทำลาย ฟรอยด์ เชื่อว่า เป้าหมายของทุกชีวิตคือ ความตาย มนุษย์ดิ้นรนเพื่อสนองความต้องการของร่างกาย สัญชาตญาณแห่งความก้าวร้าวคือ ก้าวร้าวเมื่อบุคคลพยายามทำลายผู้อื่นหรือไม่ก็ตัวเอง

          สังคมจะอยู่ได้ไม่นาน หากปล่อยให้คนระบายแรงขับของสัญชาตญาณตามใจชอบ เพราะคนที่แข็งแรงกว่าจะเอาเปรียบคนอ่อนแอกว่า ความวุ่นวายในสังคมจะเกิดขึ้นถ้าปล่อยให้คนมีเพศสัมพันธ์กันทุกครั้งที่มีความต้องการทางเพศ แม้คนอยากระบายสัญชาตญาณทั้งเซ็กส์และความก้าวร้าว สังคมจะไม่ยอมและนั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

อ้างอิง : ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวัทนา อารีพรรค
              นพมาศ  อุ้งพระ (ธีรเวคิน) ทฤษฎีบุคลิกภาพและการปรับตัว 2546

หมายเลขบันทึก: 55285เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2006 18:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 20:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท