วันนี้เดินทางไปเรียนในเมืองตั้งแต่เช้า ตอนบ่าย ๆ ออกมาซื้อเครื่องเขียน
พอซื้อเสร็จก็ออกมายืนรอเพื่อนหน้าร้าน
แล้วก็ได้ยืนมองสิ่ง ๆ หนึ่ง นั่นก็คือ ...........................
ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ไร้ซึ่งกระจก ไร้ซึ่งประตู
มอง ๆ ไป ก็คิดไปเรื่อยว่า ถ้าสังเกตดี ๆ เป็นแบบนี้แทบจะทุกตู้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม บ้านเราถึงไม่มี super man
มองไปแล้วก็คิดไป ว่าคนเราเนี่ย มักจะไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นของส่วนรวม
เพราะเราได้มันมาโดยไม่ต้องเสียอะไรหรือเปล่า เราถึงไม่เห็นคุณค่าของมัน
แต่คิดไปคิดมา มันก็เป็นเงินภาษีจากเราทุกคน
แต่เพราะมันเป็นของเราทุกคนไม่ใช่ของฉันคนเดียวหรือเปล่า
เราจึงไม่รักษามัน...
ลองเป็นของของตนเองสิ รักษาดียิ่งกว่าไข่ในหิน
แต่นานวันเข้า หินอาจจะแตกออกก็ได้
แล้วเราก็จะไม่รักษาของสิ่งนั้นอีก
สาเหตุอาจเป็นเพราะเราเจอของใหม่ที่ดีกว่าหรือเปล่า
ที่ทำให้คุณค่าของของเก่าที่มีอยู่ลดลง
เรามักจะลืมความรู้สึกนั้น
ในตอนที่เราอยากได้มันใจแทบขาด
ในตอนที่เราได้มันมา ก็ดีใจเป้นปลากระดี่ได้น้ำ
ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเราเห็นคุณค่าของมันมากแค่ไหน
แต่ทำไมตอนนี้คุณค่าของมันถึงได้หายไปพร้อมกับเวลา
ของของใครใครก็รักเป็นปกติ
ไม่ตำหนิให้มันดูด้อยค่า
เจอของใหม่ของเก่าที่มีมา
ด้อยคุณค่ารวดเร็วยิ่งกว่าลม
ยิ่งเป็นของส่วนรวมยิ่งแล้วใหญ่
ไม่มีใครใส่ใจให้สุขสม
แถมไม่ช่วยซ่อมแซมให้ชวนชม
ใจระบมอกร้าวเขาไม่แล...
...ตู้โทรศัพท์สาธารณะฝากมา...
สัญชาตญาณ "นักเขียน" ;)...
Very Good คร้าบ
นึกย้อนไปถึงสมัยที่คุณมะเดื่อยังต้องเข้า ๆ ออก ๆ รั้วมหาวิทยาลัย สมัยโน้นนนน..ถ้าไม่มี
เจ้าโทรศัพท์ " ตู้ " อย่างนี้ คงลำบากมาก ๆ ทีเีดียวเชียวแหละ ขอบคุณที่นำมา
ให้ย้อนอดีตจ้ะ
สวัสดีคะ คุณ
คุณมะเดื่อ
|
เมื่อก่อนหนูก็ใช้โทรหาพ่อกับแม่ที่ไปทำลานกรุงเทพบ่อย ๆ คะ รวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย แต่พอมือถือหาซื้อง่ายขึ้น มันกลับหมดความสำคัญเลยนะคะ ทั้งที่เมื่อก่อนเราเห็นคุณค่าของมันมากมาย
สวัสดีคะครู
จริง ๆ นะคะ หนูเห็นแบบนี้แทบทุกที่ กลัวมันจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเราเพิ่มขึ้นมาอีกอัน ขอบพระคุณสัญชาตญาณนักเขียนจากครูนะคะ
จงรักษา คำตักเตือน อันเก่าแก่ ของพระพุทธเจ้าไว้
มิใช่ใช้มันในทางที่ผิด ก่อ อกุศล ใช้ปัญญา สมาธิศึกษา มิใช่ลบทำลาย ปิดกั้น การมีธรรมที่กระจ่าง
ขอบพระคุณมากคะ คุณ
รักษา |