สงบนิ่งด้วยหัวใจ


....ภาพที่สะท้อน...หัวใจ คือ "คุณยาย" ท่านหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ค่อย ๆ เดิน มาเพียงลำพัง....เพื่อรอคิว ขึ้นไปกราบกระศพ.....ด้วยอาการ โศกเศร้า อาดูร ยิ่งนัก.......

....ในค่ำคืนของวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2556 ... เวลาประมาณ 19.00 นาฬิกา ข้าพเจ้า ได้ทราบข่าว อย่างไม่เป็นทางการ...ว่า "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" สิ้นพระชนม์แล้ว......

ณ ห่วงนาที นั้น ข้าพเจ้า นั่ง "สงบนิ่ง" อยู่ในมุมหนึ่งของบ้าน...... ....จากนั้น ข้าพเจ้าเฝ้าติดตามข้อมูลข่าวสาร จากสื่อสาธารณะ...เกี่ยวกับ ลำดับเหตุการณ์ และ พิธีการต่างๆ ที่ต้องเตรียมตัว ในวันรุ่งขึ้น....พร้อม โทรศัพท์ และ ส่งข้อความ ถึง น้อง ๆ ที่ทำงาน ทุกคน....

....เช้าวัน ศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พุทธศักราช 2556 ...ข้าพเจ้า สวมชุดดำ ออกมาถึงที่ทำงานเร็วกว่าปกติ...เพราะรู้ว่า สถานการณ์ ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะเป็นเช่นไร........ก่อนออกจากบ้าน ได้พูดคุย แจ้งข่าว เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ ให้คุณพ่อรับทราบ.....คุณพ่อ นิ่งเงียบไปในทันที.......!!!!.

....เมื่อถึงที่ทำงานประมาณ 06.40 นาฬิกา ....ข้าพเจ้า....เร่งฝีเท้า ก้าวเดินไปยัง... อาคารวชิรญาณสามัคคีพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารที่ พระองค์ท่านทรงประทับ ... ในช่วงที่ทรงพระประชวร.... บุคลากรของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ บุคลากรของ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักพระราชวัง วางแผนปฏิบัติงานไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เกี่ยวกับ กระบวนการเปิดให้ "บุคลากรภายใน" เข้ากราบพระศพ รวมทั้ง ประชาชนทั่วทุกสารทิศ ที่เดินทางมาเพื่อกราบพระศพ เช่นเดียวกัน.....

....ข้าพเจ้าเดินแถวขึ้นไป...ผ่าน พี่ พี่ พยาบาล หลายสิบคน / อาจารย์แพทย์ และ คณะผู้บริหาร ที่คอยดูแล ความเรียบร้อย .....ข้าพเจ้าได้พบ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ระหว่างเดินแถว มากมาย...."ด้วยแววตา และ หัวใจ แห่งความสงบ" .......โดยมิต้องพูดสิ่งใด..... ก็รู้ถึง "ส่วนลึกของหัวใจ ของทุกคน" ที่ทำงานกันมา กว่า 2 ทศวรรษ ณ สถานที่แห่งนี้.......

.....ข้าพเจ้า ได้เข้า "กราบพระศพ" เวลาประมาณ 07.10 นาฬิกา......และเดินกลับลงมายังห้องทำงาน ....ด้วยความสงบ.... ภาพบรรยากาศ ที่ข้าพเจ้าเห็น....บุคลากร / ประชาชนทั่วไป รวมทั้ง เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวนมาก.......หลายคน หลากมุม....บ้างก็ถือผ้าเช็ดดวงตา ที่บอบช้ำ....

....ภาพที่สะท้อน...หัวใจ คือ "คุณยาย" ท่านหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่รู้จัก.... ค่อย ๆ เดิน มาเพียงลำพัง....เพื่อรอคิว ขึ้นไปกราบกระศพ.....ด้วยอาการ โศกเศร้า อาดูร ยิ่งนัก.......

ข้าพเจ้า รีบเร่งฝีเท้า กลับมานั่งสงบจิตใจ ที่ห้องทำงาน.....เพราะ รู้ว่า ตนเองอ่อนแอเหลือเกิน.......ไม่สามารถจะอยู่หน้าสถานการณ์ ต่างๆ เหล่านั้นได้...... ..... ด้วยอาการ..ขาอ่อนแรง มืออ่อนแรง ....ใจเต้นระทึก....เหมือนร่างกายจะทรุดตัวลงไป อย่างบอกไม่ถูก......!!!!!.....!!!!!

 

จอย ทองกล่อมสี

๒๕  ตุลาคม  ๒๕๕๖ ; ๐๗.๒๐ น.

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หมายเลขบันทึก: 551693เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2013 08:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 ตุลาคม 2013 12:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สาธุ อนุโมทนา นิพพานปัตติโยโหตุ สมเด็จพระสังฆบิดร

ฟังข่าวด้วยใจสงบ ด้วยสติ เพราะเป็นไปตามกฏของไตรลักษ์

ถึงแม้จะมีความเสียดาย ด้วยความอาลัย  ก็ตาม

สังขารที่ยืนยงมาได้ถึงร้อยปีกว่า ก็สุดที่จะเยี่ยวยาต่อไป

เกิดมา    ตั้งอยู่    ดับไป

ทุกขัง    อนิจจัง   อนัตตา

เป็นเช่นนั้นเอง

-ขอร่วมไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่านครับ

ขอผลบุญกุศลที่ท่านบำเพ็ญมาโดยตลอด อัญเชิญท่านสู่สวรรคาลัย

ข้าพระพุทธเจ้าฯ...ขอน้อมถวายความอาลัย

สาธุ อนุโมทนา นิพพานปติโยโหตุ

กาอประกายจิตที่กตัญญูต่อเจ้าของสวรรค์ สร้างเครดิตให้ตน สร้างเครดิตให้หมู่ชนชาวไทย. จากนั้นก็ขออนุญาติต่อเจ้าของสวรรค์ แบบสุจริตเที่ยงตรง ขอให้สังฆราชที่เรายืนยันว่าท่านสุจริตดีงาม ได้มีโอกาสใช้พื้นที่สวรรค์. อย่าข้ามขั้นตอน อันดับแรกต้องสร้างเครดิตในการแสดงความกตัญญูมิใช่การปฎิเสธ หรือ อ้างเหตุผลอื่นใดที่จะส่งใครเข้าเขตสวรรค์อย่างพละการ. ขอจงตั้งจิตขออนุญาตต่อเจ้าของสวรรค์ด้วยจิตที่มีเครดิตในการกตัญญูต่อเจ้าของสวรรค์ก่อนเถิด. แล้วการขอพรนั้น จะฉลุย ไม่ติดขัด.

ชีวิตเกิดมาให้ได้เรียนรู้

มีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้

ได้เป็นตัวละครตัวหนึ่ง

แสดงได้ทุกรูปแบบ

ถึงวาระสุดท้ายก็ดับ

ไปตามธรรมชาติ..เหลือแต่เราที่ต้องสู้ต่อไป

สู้ ๆๆๆ นะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท